เหนียง หรือ ไขมันสะสมใต้คาง เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย รวมถึงปัจจัยทางพันธุกรรมและไลฟ์สไตล์ นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง

การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายสะสมไขมันในส่วนต่าง ๆ รวมถึงบริเวณใต้คาง โดยเฉพาะหากบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง หรือขาดการออกกำลังกาย

บางคนมีโครงสร้างใบหน้าหรือแนวกรามที่ทำให้มีแนวโน้มเกิดเหนียงได้ง่าย ซึ่งสาเหตุนี้มักสืบทอดทางพันธุกรรมและเกิดขึ้นแม้ไม่ได้มีน้ำหนักเกิน

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนลดลง ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อยได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณใต้คาง

การก้มหน้าเป็นเวลานาน การนั่งหลังค่อม หรือการวางศีรษะในท่าที่ผิดปกติบ่อย ๆ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอไม่กระชับและอาจเกิดการสะสมไขมันใต้คาง

ในบางกรณีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การตั้งครรภ์ หรือการเข้าสู่วัยทอง อาจทำให้มีการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น รวมถึงบริเวณใต้คาง

บางคนอาจไม่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายบริเวณใบหน้าและคอ ทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนี้ไม่กระชับ

การแก้ไขสาเหตุเหล่านี้จึงต้องอาศัยทั้งการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย รวมถึงการปรับพฤติกรรมในการนั่ง ยืน และการดูแลผิวพรรณ

วิธีนี้ใช้การดูดไขมันออกจากบริเวณใต้คางเพื่อให้รูปคางและลำคอดูเรียวขึ้น เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนแต่ต้องใช้เวลาพักฟื้น การดูดไขมันที่นิยมได้แก่การใช้เทคโนโลยีเช่น VASER, BodyTite, หรือการดูดไขมันแบบธรรมดา

มีการใช้สารอย่าง Deoxycholic Acid ซึ่งช่วยสลายไขมันใต้คาง วิธีนี้ไม่ต้องใช้เข็มดูดไขมันโดยตรง และเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันใต้คางในปริมาณไม่มาก แต่อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

เครื่องเช่น HIFU หรือ Thermage จะใช้พลังงานคลื่นความถี่เพื่อยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดเหนียงที่เกิดจากผิวหย่อนคล้อยได้ดี

สำหรับผู้ที่มีเหนียงหรือผิวหย่อนคล้อยอย่างมาก การผ่าตัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและต้องมีการพักฟื้นที่นานกว่าวิธีอื่น

เช่น การทำท่าบริหารคางเพื่อกระชับกล้ามเนื้อและลดไขมันใต้คาง วิธีนี้ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ แต่จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันใต้คางได้บ้าง

การเลือกวิธีการกำจัดเหนียงควรพิจารณาตามความต้องการ งบประมาณ และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ