เมื่อรอบเดือนไม่มาตามนัด


สุขภาพที่แข็งแรงจะเกิดอาการแปรปรวนน้อยกว่า
ราว 10 วัน ก่อนที่ประจำเดือนจะมา ปริมาณแร่ธาตุต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลเซียมและสังกะสีในเลือดจะค่อยๆลดน้อยลง แต่ในขณะเดียวกันแร่ธาตุทองแดงกลับเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการคัดเต้านม ช่องท้องพองตัว ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ จิตใจไม่สงบ หรือในบางครั้งก็ตื่นเต้นอย่างไม่มีเหตุผล น้ำหนักตัวเพิ่ม ภูมิต้านทานต่ำ และง่ายต่อการแพ้และติดเชื้อ

ทางแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการต่างๆดังกล่าวในระยะก่อนมีประจำเดือน จึงควรรับประทานอาหารที่จะช่วยปรับให้ร่างกายเกิดความสมดุล นอกจากจะต้องหมั่นรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและสังกะสีเพิ่มขึ้นแล้วก็ควรเพิ่มการรับประทานวิตามินซี เหล็ก แมกนีเซียม และวิตามินบีรวม

ที่มา : www.pooyingnaka.com
ลดอาการปวดเกร็งท้องด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
สำหรับอาการปวดเกร็งท้อง ถือเป็นอาการปกติที่ผู้หญิงกว่า 50%จะเป็นกัน ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นผลมาจากพรอสตาแกลนติน ฮอร์โมนที่สร้างจากมดลูกสำแดงฤทธิ์เดชทำให้ผนังมดลูกมีการบีบตัวขณะที่มีประจำเดือน อย่างไรก็ดีอาการเช่นนั้นสามารถทำให้ลดลงได้ โดยต้องบำรุงร่างกายด้วยวิตามินบี 6 ไนอาซิน โพแทสเซียม และแมกนีเซียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการปวดเกร็งท้องแล้วยังช่วยให้อาการบวมน้ำลดลงด้วย แล้วถ้าหากรับประทานวิตามินเอ วิตามินบีรวม และโฟเลตเพิ่มเติม จะยิ่งช่วยบรรเทาภาวะอารมณ์กดดันในช่วงเวลานั้นได้อีกด้วย

ส่วนผู้ที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือมาบ้างไม่มาบ้างนั้น ก็แก้ไขได้ด้วยการรับประทานวิตามินบีรวม วิตามินซี และธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น แล้วที่สำคัญต้องหมั่นออกกำลังกาย ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส และพยายามหลีกเลี่ยงจากความเครียดต่างๆก็จะช่วยปรับให้รอบเดือนมาตรงตามเวลามากขึ้น

นอกจากแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆแล้ว เราสามารถลดอาการปวดท้องเนื่องจากประจำเดือนได้โดยวิธีการดังนี้
1. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และไม่รับประทานอาหารมากเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และอาหารที่จะทำให้ระบบทางเดินอาหารปั่นป่วน ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมให้อาการปวดท้องประจำเดือนยิ่งปวดหนักขึ้น
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการเคลื่อนไหวร่างกาย นอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้เลือดประจำเดือนไหลออกได้สะดวกขึ้น และยังทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟีนเพิ่มขึ้นซึ่งจะไปช่วยต้านความเจ็บปวดจากการบีบตัวของมดลูกได้เป็นอย่างดี

หากปวดท้องมากผิดปกติไม่ควรนิ่งนอนใจ
ประมาณ 5-10% ของผู้หญิงทั่วไป มีอาการปวดท้องมากเกินปกติในทุกๆครั้งที่มีประจำเดือน ถึงขนาดต้องรับประทานยาแก้ปวด ถ้าเช่นนั้นอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการมีประจำเดือนโดยไม่มีการตกไข่ ซึ่งไม่ถือเป็นกรณีที่ร้ายแรงเพราะยังสามารถบรรเทาเยียวยาได้ด้วยยาแก้ปวดและต้องใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

แต่สำหรับสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องมากผิดปกตินอกเหนือจากกรณีข้างต้น อาจเป็นกรณีที่เกิดจากโรคร้ายแรงบางอย่างซ่อนอยู่อย่างเช่น โรคเชิงกรานอักเสบ ซึ่งเกิดจากการมีเยื่อบุของมดลูกไปก่อตัวขึ้นอยู่ในบริเวณอื่น และถ้าหากมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติเข้ามาสมทบด้วย นอกจากจะส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องมากแล้ว ก็จะทำให้เกิดมีเลือดประจำเดือนมามากผิดปกติร่วมด้วย ฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาทจึงควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

มีเลือดออกกะปริดกะปรอยแบบไม่มีช่วงเวลาแน่นอน
การมีเลือดออกกะปริดกะปรอย สำหรับผู้หญิงบางคนอาจเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมักจะมีเลือดออกมาทุกครั้งประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนมีรอบเดือนมาแบบจริงจัง โดยสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นอาจเกิดจากการที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนต่ำเกินไป แต่ถ้าหากการมีเลือดออกกะปริดกะปรอยดังกล่าวเกิดขึ้นแบบไม่มีช่วงเวลาแน่นอนในแต่ละเดือน อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิทธิพลของฮอร์โมน แต่อาจมีสาเหตุมาจากก้อนเนื้องอก พังผืด หรือถึงขั้นมะเร็งมดลูกก็เป็นได้

อาการเจ็บคัดเต้านมก่อนและขณะมีประจำเดือน
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเพิ่มสูงขึ้นในกระแสเลือด ก่อนที่รอบเดือนจะมามักส่งผลให้เกิดอาการเจ็บคัดเต้านมได้ และโดยปกติอาการดังกล่าวจะหายไปเมื่อประจำเดือนมาหรือเมื่อหมดไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากคุณรู้สึกหงุดหงิดกับอาการเช่นนี้ ทางที่ดีก็ควรจะงดเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะ 1 สัปดาห์ก่อนจะมีรอบเดือนไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ น้ำอัดลมที่ผสมกาเฟอีนและช็อคโกแลต นอกจากนี้การรับประทานวิตามินอีก็อาจจะช่วยลดอาการดังกล่าวได้ เพราะวิตามินชนิดนี้มีฤทธิ์ที่ช่วยต่อต้านเอสโตรเจน

อย่างไรก็ตามหากอาการเจ็บคัดเต้านม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน หากแต่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เป็นซีสต์ เนื้องอกเนื้อร้าย หรือเกิดจากการอักเสบของกระดูกซี่โครง เช่นนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement