20 คำถามเรื่องสุขภาพที่คุณกลัวคำตอบ


11. ฉันดื่มกาแฟวันละ 4 ถ้วย รับคาเฟอีนแค่ไหนถึงจะมากเกินไป?
ตับของเราสามารถรับคาเฟอีนประมาณ 250 มิลลิกรัม หรือ เอสเพรสโซ่ 2 ถ้วย ต่อวัน มากกว่านั้นก็จะเกินความสามารถที่ร่างกายรับไหว คุณก็จะอ่อนเพลียภูมิคุ้นกันต่ำลง และปวดหัว แต่คาเฟอีนในปริมาณเล้กน้อยมีประโยชน์ไปกระตุ้นตับและถุงน้ำดี และเป็นตัวส่งสารอัตโนมัติไปยังการทำงานของสมอง แต่ถ้าคุณดื่มมากเกินไป คาเฟอีนจะรวนการทำงานของตับและระบบประสาท ระดับน้ำตาลในเลือดจะไม่คงที่ และส่งผลต่อปริมาณของไขมันที่คุณขับออกมา ร่างกายของผู้ที่ดื่มกาแฟจัดจะผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นตัวกักเก็บไขมัน ซึ่งหมายความว่าเซลล์ไขมันจะไม่ขับไขมันออกมา และร่างกายของคุณจะใช้กลูโคสเป็นแหล่งพลังงานพื้นฐานแทน

12. ฉันดื่มน้ำมาก แต่ทำไมดูเหมือนจะยิ่งทำให้กระหายน้ำมากขึ้น?
ถ้าปัสสาวะของคุณกลิ่นหวาน สายตาของคุณไม่ค่อยดี และเดี๋ยวก็มีแรงเดี๋ยวก็ไม่มีแรง คุณอาจต้องตรวจว่าเป็นโรคเบาหวานหรือเปล่า หรืออีกเรื่องคือโรคเกี่ยวกับลำไส้ เช่น ท้องร่วง ซึ่งหมายถึงคุณสูญเสียน้ำและอิเล็กโตรไลท์ เลยทำให้กระหายน้ำเป็นพิเศษ ถ้าคุณเสียเหงื่อมาก ก็อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ยาบางตัวก็ทำให้คุณกระหายน้ำมากเช่นกัน แม้แต่การดื่มากแฟมากก็ทำให้คุณหิวน้ำ การกระหายน้ำมากอาจเกิดจากร่างกายขาดโปแตสเซียม ถ้าคุณคิดว่าเซลล์ทั้งหมดในร่างกายเป็นแบตเตอรี่ ที่มีขั้วบวกและลบ โปแตสเซียมจะเป็นตัวควบคุมระบบระเบียบของแบตเตอรี่เหล่านี้ ความเครียด และการออกกำลังหนักเกินไปอาจทำให้ร่างกายขาดโปแตสเซียมได้

13. ฉันไม่ชอบกินผักจริงๆ จำเป็นต้องกินด้วยหรือ?
ถ้าคุณไม่กินผัก คุณจะอดได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากมาย อาหารอีกหมู่เดียวที่ให้สารอาหารใกล้เคียงกันนี้คือผลไม้ แต่ถึงอย่างนั้น สัดส่วนของสารอาหารบางอย่างจะไม่เหมือนกัน ถ้าคุณฝืนใจกินผักไม่ได้เลย ก็ควรกินผลไม้มากกว่า 2 มื้อต่อวัน ซึ่งต้องกินถึง 4 มื้อต่อวันถึงจะชดเชยผักได้ พยายามกินผลไม้หรือผักให้หลากหลาย (ควรกินได้ทั้งผักและผลไม้) เพราะผักผลไม้แต่ละสีสันจะมีสารอาหารต่างกัน เพื่อเพิ่มสัดส่วนของการกินผักให้มากขึ้น ควรทำน้ำคั้นผักกินเองวันละแก้ว หรือทำกินหลายๆ วิธี คือแทนที่จะต้มกินอย่างเดียว ก็ให้นึ่ง ผัด อบ บ้างซึ่งจะได้รสชาติดีกว่า อาจเติมสมุนไพรและซอสปรุงรสเพื่อรสชาติอร่อยขึ้น คุณอาจเติมผักหั่นชิ้นเล็กๆ ลงในอาหารจานโปรดก็ได้

14. ฉันรู้สึกท้อแท้หมดหวังกับชีวิตอย่างสิ้นเชิง ฉันจะทำอย่างไร?
ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่จะรู้ตัวถ้าตัวเองหดหู่ ถ้าบอกเป็นคำพูดไม่ได้ ก็จะบอกว่าเขาเครียด นอนไม่หลับ หรือปวดหัวมาก เมื่อ 30 ปีก่อน เราจะพูดถึงความกังวลและความหดหู่ในอย่างเปิดเผยมากกว่านั้ และรู้ว่ามีอาการอย่างไรรวมถึงหาทางแก้ไข ในทางตรงข้ามก็ยังมีหลายคนที่ไม่บอกว่าอะไรทำให้พวกเขาหดหู่ใจ พฤติกรรมเอาแต่ใจและโรคอยากผอมคือ ปัญหาที่ผู้หญิงมักจะเป็นกันอยู่เสมอๆ แต่พวกเธอเห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็เรื่องน่าอายและอึดอัดใจเกินกว่าที่จะปรึกษาใครได้ ผู้หญิงมักจะมีอาการซึมเศร้า และอาจถึงกับใช้ยาคลายเครียด แต่ก็จะไม่บอกว่าอะไรเป็นสาเหตุให้พวกเธอไม่มีความสุขและเครียด ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องมีการรับรู้และแก้ไขไม่อย่างนั้นภาวะซึมเศร้าก็จะคงอยู่ถาวร และเมื่อพูดถึงวิธีรักษา แพทย์บางคนจะจ่ายยาคลายเครียดให้ แพทย์หลายคนมีทัศนะว่ายาจะช่วยคลายความกังวลและความเครียดและทำให้คนไขจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้ แต่แพทย์บางคนจะแนะนำคนไข้ให้ไปพบจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาเพื่อให้ได้รับการรักษาเฉพาะทาง

15. เพื่อนหลายคนของฉันบอกว่าเขาแพ้พวกแป้งสาลีและนมเนย และต้องควบคุมอาหารเป็นพิเศษ ฉันจะแพ้ด้วยหรือไม่?
โดยทั่วไปอาการแพ้อาหารจะแสดงออกให้เห็นชัดเจน เช่น ถ้าคุณแพ้ถั่วลิสง คุณจะรู้ทันทีหลังกินเข้าไป อาการแพ้ขั้นเบาคือคันและระคายเคืองในปาก หรือลำคอบวม อากรแพ้ขั้นหนักอาจเป็นอันตรายถือเสียชีวิตได้ อาการแพ้อาจเกิดขึ้นในวัยเด็กเล็กและมักจะหายไปเมื่อโตขึ้น แต่อาจเกิดอาการแพ้ชนิดใหม่ในวัยผู้ใหญ่ และติดตัวไปตลอดชีวิต อาการแพ้อาหารเป็นปัญหาที่ยุ่งยากกว่าอาการแพ้แบบอื่น และมักจะเป็นการแพ้ผลิตภัณฑ์นมเนยและแป้งลาสี อากรแพ้ก็จะมีทั้งตัวบวม ลมพิษ ปวดหัว ปัญหาในกระเพาะอาหาร เช่น คลื่นใส้ ท้องร่วง และท้องอืด และความรู้สึกเจ็บป่วยทั่วไป ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อค้นหาว่า คุณแพ้อาหารชนิดใดและหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นได้ การรักษาด้วยตัวเองจะทำให้ปัญหาคลุมเครือ

16. ฉันดื่มไวน์สองสามแก้วแทบทุกวัน ถือว่ามากไปไหม?
แอลกอฮอล์จะวัดจากแก้วดื่มมาตรฐาน ซึ่งไม่เหมือนกับแก้วดื่มจริง แก้วดื่มมาตฐานจะมีแอลกอฮลล์อยู่ 10 กรัม ซึ่งในความเป็นจริง นั่นเป็นปริมาณเท่ากับสองในสามของเบียร์ดีกรีหนัก 1 กระป๋อง หรือสองในสามของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมโซดา (เช่น บาร์คาดี บรีซเซอร์ หรือ เลมอน รัสกี้) หรือประมาณครึ่งหนึ่งของแก้วไวน์ขนาดมาตรฐานของภัตตาคาร ถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัว มีปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง ความสามารถในการพูดและคิดลงลงมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและการทำงานประสานกันของร่างกาย ขาดน้ำ นอนไม่หลับ ปวดท้อง อาเจียน และท้องเสีย ก็ไม่ควรดื่มเกิน 4 แก้ว มาตรฐานต่อวัน การดื่มมากเกินไปติดๆ กันหลายวันอาจทำให้เกิดปัญหาหาหายใจลำบาก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หายใจขาดช่วง หัวใจล้มเหลว และสิ้นเลือดในสมองแตก อันตรายระยะยาวที่อาจเกิดได้คือสูญเสียประสาทสัมผัส หรือรู้สึกเจ็บเหมือนเข็มตำตามแขนขา กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ มีปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ มีอาการซึมเศร้า เซลล์สมองเปลี่ยนไป สูญเสียความจำ และทักษะการใช้เหตุผล มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งในปาก ลำคอ และหลอดอาหาร รวมทั้งโรคตับมากขึ้น ถ้าไม่อยากป่วยด้วยอาการเหล่านี้ ก็ไม่ควรดื่มมากกว่า 14 แก้วมาตรฐานต่อสัปดาห์ (เฉลี่ย 2 แก้วมาตรฐานต่อวัน) และควรมัวันหรือสองวันต่อสัปดาห์ที่ปลอดแอลกอฮอล์

17. ฉันถ่ายอุจจาระไม่สม่ำเสมอ จะเป็นปัญหาหรือไม่?
เมื่อพูดถึงการขับถ่าย ที่ว่า "ปกติ" นั่นอาจหมายถึง 2-3 ครั้งต่อวัน ถึงอาทิตย์ละหนึ่งถึงสองครั้ง ถ้าไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ถ่ายลำบาก อุจจาระแข็ง ปวดท้อง หรือรู้สึกไม่สบายตัว (อ่อนเพลีย เซื่องซึม และตัวบวม) ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ถ่ายอาทิตย์ละสามครั้ง แล้วกลับเร่มถ่ายวันละสามครั้ง ก็อาจมีบางอย่างผิดปกติ ถ้าคุณพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดและเป็นอยู่นานเกินสัปดาห์ โดยเฉพาะ ถ้ามีอาการน้ำหนักลด หรือคุณเดินทางไปต่างประเทศขณะนั้น ก็ควรพบแพทย์ วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการท้องผูกคือกินอาหารที่มีเส้นใยสูง ดื่มน้ำมากๆ และออกกำลังกาย การเลี่ยงกินยาที่มีส่วนผสมของยากดประสาทก็อาจช่วยได้ ถ้าปัญหาเกิดจากการกินอาหารไม่ดี การใช้ Metamucil สักพักก็ช่วยได้ แต่ถ้าคุณมีอาการซ้ำซาก ก็ควรปรึกษาแพทย์ แม้ไม่ค่อยพบมะเร็งลำไส้ในคนหนุ่มสาว แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้อาการท้องผูกอาจบ่งบอกถึงสภาพไทรอยด์หรืออาการซึมเศร้ารุนแรง อาการท้องร่วงอาจเกิดอาการติดเชื้อ โรคลำไส้แปรปรวนหรือโรคลำไส้อักเสบ ถ้าคุณสงสัยเกี่ยวกับความถี่หรือความสม่ำเสมอของระบบขับถ่ายของคุณเอง ควรปรึกษาแพทย์

18. ป้าของฉันเป็นมะเร็งเต้านม ฉันจำเป็นต้องตรวจยีนหรือไม่?
การตรวจยืนจะใช้ตรวจหลังจากดูประวัติครอบครัวแล้วพบว่าคุณมีความเสี่ยงสูงเป็นมะเร็งเต้านม วัยที่มะเร็งจะก่อตัวก็มีส่วน เช่นเดียวกับระดับการใกล้ชิดของความสัมพันธ์ มะเร็งที่พบในญาติใกล้ชิดที่สุด เช่น แม่ พี่น้องหรือลูก จะมีผลมากกว่มะเร็งที่พบในป้าหรือยาย เมื่อพิจารณาปัจจัยเหล่านี้หมดแล้ว ประชากรหญิงที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงเพราะคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งนั้นมีน้อยกว่า 1% ผู้หญิงหลายคนกังวลมากเกินไป มะเร็งเต้านมอาจพบได้มากขึ้นเมื่อเราอายุมากขึ้น แต่ไม่ได้จะเป็นมะเร็งเต้านมเพราะมีญาติเป็นเสมอไป ผู้หญิงทุกคนควรตรวจหามะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอและสังเกตุความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ ผู้หญิงที่อายุเกิน 40 ปี ควรตรวจแมมโมแกรมทุก2 ปี การตรวจยีนจะเหมาะสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านนี้

19. มีตกขาวทุกวันเป็นเรื่องปกติไหม? 
ผู้หญิงแต่ละคนจะมีตกขาวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเธออยู่ในช่วงไหนของรอบเดือน และวิธีที่เธอคุมกำเนิด ตกขาวที่ปกติคือตกขาวที่มีสีขาวจนถึงสีเหลือง ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่คันหรือระคายเคือง ตกขาวแบบนี้มีประโยชน์ เพราะทำให้แบคทีเรียในช่องคลอดอยู่ในภาวะสมดุล ผู้หญิงบางคนมีตกขาวมาก การสวนล้างหรือพยายามทำความสะอาดอาจยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ควรพบแพทย์ ถ้าตกขาวทำให้คุณเกิดอาการระคายเคือง หรือเริ่มมีกลิ่นแรง หรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ซึ่งอาจหมายถึงมีเลือดปนออกมา

20. ฉันมีขนงอกออกจากไฝ เลยดึงมันออกจะเกิดปัญหาไหมคะ?
ไม่น่าจะมีปัญหา มันคงไม่ทำให้ไฝเปลี่ยนเป็นมะเร็งไปได้ แต่อาจทำให้อักเสบหรือระคายเคือง ถ้าไฝเกิดอาการอักเสบ แสดงว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ซึ่งเป็นอาการที่ไม่ค่อยดีนัก ถ้าคุณพบความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นกับไฝ คุณควรพบแพทย์ตรวจ ทางที่ดีที่สุดอาจต้องกำจัดไฝออก แทนที่จะจับเขี่ยเล่นตลอดเวลา ควรเอาไฝออกตอนที่มันยังปกติดีอยู่ ไม่ใช่เมื่อมันอักเสบแล้ว เช่น ถ้าคุณมีไฝที่ใบหน้า ก็ควรให้แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์เอาออกให้

Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement