4 สิ่งต้องเช็คก่อนขึ้นรถ
1. เช็คระดับน้ำมันเครื่อง ดูว่าต่ำกว่าที่กำหนดหรือเปล่า
2. เช็คน้ำในหม้อน้ำ (หม้อพลาสติก) แห้งเกินไปหรือเปล่า
3. เช็คกระปุกน้ำมันทุกกระปุก มีน้ำมันเบรค น้ำมันคลัทช์ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์
4. เติมน้ำล้างกระจก
ทำอย่างไร (ดูไปทีละข้อจากข้างบน)
1. ดึงคันวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา สังเกตได้จากจะมีที่ให้จับอยู่เหนือถังน้ำมันเครื่อง หาได้จากแถวๆเครื่องยนต์ ดึงออกมาครั้งแรกใช้ทิชชู่หรือกระดาษเช็ดออกให้หมด ก่อนที่จะใส่ลงไปในถังอีกครั้ง กดลงไปให้ลึก แล้วดึงขึ้นมาอ่านระดับว่าอยู่ต่ำกว่าขีดที่ต่ำที่สุดหรือเปล่า ถ้าต่ำมากต้องเติมน้ำมันเครื่อง เติมได้โดยการเปิดฝาที่ถังเครื่องยนต์ แล้วเทน้ำมันเครื่องลงไป
2. เติมน้ำเปล่าทั่วไป ให้ระดับขึ้นมาถึงขีด MAX ไม่จำเป็นต้องเติมเต็มถังพลาสติก
3. ดูน้ำมันแต่ละกระปุกไม่ให้ต่ำกว่าขีด MAX ปกติจะเป็นกระปุกพลาสติกเล็กๆที่เราสามารถเห็นระดับน้ำมันจากข้างนอกได้
4. ใช้น้ำเปล่าธรรมดา เทแชมพูผสมลงไปได้
เตรียมตัวก่อนออกรถ
๐๐ ปรับเบาะที่นั่งให้ได้ระดับพอดี มองกระจกหลัง กระจกข้างได้ชัดเจน
๐๐ ปรับกระจกหลัง และกระจกข้างให้อยู่ในสายตา เห็นทุกอย่างได้ชัด
๐๐ คาดเข็มขัดนิรภัย
เช็คสภาพรถพร้อมก็ออกเดินทางได้เลย อย่าลืมพกสติและความรู้เรื่องกฎจราจรออกไปด้วยล่ะ เรามีเรื่องดีกๆที่คนขับรถต้องรู้มาฝาก
"ทำไมต้องคาดเข็มขัดนิรภัย"
จำเป็นมากที่เราต้องคาดทุกครั้งที่เราขับรถ ที่ตำรวจจราจรจับเวลาที่เราไม่คาด จริงๆแล้วเขาเป็นห่วงเพราะถ้าหากเราไม่คาด เวลาที่เกิดอุบัติเหตุรถจะมีแรงผลัก ทำให้เกิดแรงกระแทก ตัวเราจะกระแทกกับพวงมาลัยได้ ทำให้หน้าอกเราได้รับอันตราย หรือในกรณีที่เกิดการชนแรงมากอาจบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะลอยไปกระแทกกระจกรถ แล้วหลุดกระเด็นออกจากตัวรถได้
"ผู้หญิงมีครรภ์คาดเข็มขัดนิรภัยได้หรือเปล่า"
จำเป็นมาก เพราะผู้หญิงท้องจะต้องรับภาระแบกน้ำหนักลูกในท้อง ทำให้เพิ่มมวลเวลาถูกกระแทกไปอีกใครที่กลัวว่าคาดแล้วจะรัดลูกในท้องนั้น สบายใจได้ ถ้าคาดอย่างถูกวิธี คือให้สายเข็มขัดด้านบนพาดผ่านจากไหล่เฉียงไปทางร่องอก และให้เข็มขัดเส้นล่างพาดอยู่ต้นขาด้านหน้า เข็มขัดก็จะไม่รัดหน้าท้อง ทำให้อึดอัด แต่จะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น และถ้าเป็นรถที่มีถุงลมนิรภัย ควรล๊อกหรือปิดถุงลมนิรภัยเวลาที่นั่ง เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุถุงลมจะได้ไม่ทำงาน เปิดออกมากระแทกกับหน้าท้อง
รถเสีย...เป็นเรื่องธรรมดาที่คนใช้รถต้องพบเจอ ใครที่ไม่อยากซ่อมรถ ไม่อยากเจอกับสภาพรถเสียให้ปวดใจ คืออย่ามีรถเป็นของตัวเอง จะลดภาระนี้ออกไปได้ สำหรับคนที่มีรถ เมื่อรถเสียอย่าตกใจ เรามีวิธีแก้ไข
รถแบตเตอรี่หมด
อาการที่บอกได้ว่าแบตหมดแน่แล้ว คือสตาร์ทไม่ติด บิดกุญแจแล้วทุกอย่างเงียบกริบ ถ้าไม่แน่ใจให้ลองบีบแตรดู ถ้าแตรไม่ดังด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความมั่นใจขึ้นมาได้ว่าแบตเตอรี่หมดแน่เลย
ทำอย่างไร..จั๊มพ์แบตเตอรี่หรือพ่วงแบตเตอรี่
งานนี้ต้องมีอุปกรณ์เป็นสายพ่วงกับแบตเตอรี่รถคันอื่น ควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถตัวเอง เวลาขอความช่วยเหลือจะได้แค่ขอแบตเตอรี่ของเขาเท่านั้น จากนั้นก็เริ่มจั๊มพ์ได้
๐๐ จอดรถเทียบข้างกัน แต่อย่าให้ตัวถังรถติดกัน เพราะจะเกิดประกายไฟได้
๐๐ เอาสายพ่วงแบตฯ เสียบที่ขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองคัน หนีบจากรถที่มีแบตเตอรี่ก่อน ท่องเอาไว้ว่า "บวกต่อบวก ลบต่อลบ"
๐๐ สตาร์ทเครื่องรถคันที่มีแบตเตอรี่ ให้ไฟถ่ายเข้ากับรถคันที่แบตเตอรี่หมด ประมาณ 45 - 1 ชั่วโมง ค่อยสตาร์ทรถที่แบตเตอรี่หมดว่าสตาร์ทได้หรือยัง
เปลี่ยนแบตเตอรี่
ถ้ารถเสียอยู่ในเขตเมือง ยังสามารถติดต่อร้านขายแบตเตอรี่ให้เขามาเปลี่ยนถึงที่ได้ ลองใช้สิทธิ์อำนวยความสะดวกที่เราได้จากการเป็นสมาชิกต่างๆ เช่น
๐๐ โทร. 1113 Bug ขอเบอร์ร้านที่ขายแบตเตอรี่ แล้วให้โอนสายไปได้เลย
๐๐ สมาชิก Serenade ของ AIS โทร. 1147 เจ้าหน้าที่จะโทร.ประสานให้
ยางแตก
ถ้าจะให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเรายืนเปลี่ยนยางอยู่ข้างถนนก็จะดูแกร่งเกินไป เรามีคำแนะนำที่เป็นทางเลือกให้
๐๐ เรียกแท๊กซี่ แล้วจ้างคนขับแท๊กซี่ช่วยเปลี่ยนให้
๐๐ ถ้ามีปั๊มหรือร้านปะยางใกล้ๆ ให้ขับรถบดล้อไปช้าๆได้จนกว่าจะถึง
๐๐ แจ้งศูนย์ซ่อมรถฉุกเฉิน
ความร้อนขึ้นสูง
ถ้าเจออาการ "รถฮีทขึ้น" จัดการตามนี้
๐๐ จอดรถ เปิดฝากระโปรงรถขึ้น แต่อย่าเพิ่งเปิดฝาหม้อน้ำรถ เพราะช่วงที่ความร้อนขึ้นนั้น น้ำในหม้อน้ำจะร้อนมาก และมีแรงดันของไอน้ำมาก
๐๐ ให้รอจนกระทั่งรถเริ่มเย็น แล้วค่อยๆเปิดฝาหม้อน้ำ (อันที่เป็นหม้อน้ำเหล็กหรือที่เป็นรังผึ้ง) แล้วค่อยๆเติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิด เติมไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำจะค่อยเย็นขึ้น
10 สิ่งต้องมีไว้อยู่ในรถ
ไม่มีใครคาดหวังว่าผู้หญิงต้องซ่อมรถเป็น แต่เวลาที่รถเสีย ต้องขอความช่วยเหลือจากใคร เราควรมีอุปกรณ์ยามฉุกเฉินไว้ด้วย เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ขอแค่แรงก็พอ
1. ไฟฉาย ไว้ใช้ส่องดูเครื่องในกระโปรงรถแล้วยังใช้เป็นเครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือก็ได้
2. แม่แรง เอาไว้ยกรถเปลี่ยนยาง ถึงเปลี่ยนเองไม่เป็น แต่ก็ควรมีเครื่องมือไว้ให้คนอื่นเขาได้ใช้เปลี่ยนให้เรา
3. สายลากจูง ถ้าซ่อมไม่ไหวจริงๆ ต้องลากจูงก็ยังมีสายนี้ไว้ให้รถคันข้างหน้าเราได้ลากเราไป
4. บล๊อกเปลี่ยนล้อ เอาไว้ใช้คู่กับแม่แรง ใช้ขันน๊อตล้อรถเวลาเปลี่ยนล้อ
5. ไฟฉุกเฉิน ลดอันตรายลงไปได้มาก ถ้าต้องจอดในที่เปลี่ยวหรือมืด ป้องกันไม่ให้รถคันอื่นมาเฉี่ยวชน
6. ผ้าเช็ดรถ ของร้อน ของเลอะหมดปัญหาไปถ้ามีเช็ดรถอยู่ด้วย
7. น้ำมัน Sonax เป็นสเปรย์น้ำมันสารพัดประโยชน์ อากาศเย็นๆ สตาร์ทรถไม่ค่อยติด ฉีดสเปรย์ที่ขั้วแบตเตอรี่ ลดความชื้นลงได้ ประตูรถดังออดแอด ฉีดสักหน่อย เสียงออดแอดจะหายไป เสียงสายพานดังเอี๊ยดอ๊าด พ่นลงไปจะทำให้ดีขึ้น
8. กล่องเครื่องมือ มีประแจ มีไขควงเตรียมพร้อมอยู่ครบ
9. สายพ่วงแบตเตอรี่
10. ป้ายสะท้อนแสง
