เพราะสุขภาพที่ดีของผู้หญิงเรานั้นสำคัญมากกว่าการเหนียมอาย และถ้าการตรวจภายใน...คือวิธีเช็กสุขภาพอย่างหนึ่ง แล้วทำไม ? ผู้หญิงจึงจะละเลยไม่ใส่ใจเสียละค่ะ ทั้งที่เราก็สามารถตรวจได้ด้วยตนเอง... คำแนะนำจากคุณหมอสูติฯ ต่อไปนี้ รักลูกไม่อยากให้คุณ...ผู้หญิง...ผ่านเลยไปค่ะ
ผมเชื่อว่าคุณสุภาพสตรีทั้งหลายคงจะยอมรับกันแล้วนะครับว่า การหมั้นตรวจดูสุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ หากเจออะไรผิดปกติก็จะได้รีบไปปรึกษาคุณหมอแก้ไขได้ทัน
เวลาไปหาหมอ คุณหมอส่วนมากจะแนะนำให้คุณผู้หญิงหมั่นตรวจดูตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจดูน้ำหนักขึ้นมากหรือน้อยไป ตรวจเต้านมด้วยตนเองว่ามีก้อนผิดปกติหรือเปล่า ตรวจเลือดดูการทำงานของอวัยวะต่างๆ และที่สำคัญก็คือให้ตรวจภายในประจำปีด้วย
ทำไม
ผู้หญิงถึงกลัวตรวจภายใน
เมื่อพูดถึงการตรวจภายใน คุณผู้หญิงส่วนมากก็เชื่อและเข้าใจกันดีว่ามีประโยชน์ สามารถตรวจโรคมะเร็งปากมดลูกได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ แต่ที่ยังยึกยักลังเลว่าจะไปตรวจดีไหมหนอก็เป็นเพราะ มันอายค่ะ อายว่าจะต้องเอาอวัยวะเพศของตัวเองซึ่งควรจะเป็นของลับไปเปิดเผยให้หมอดู
ยิ่งถ้าคนโสดด้วยแล้ว บางคนให้สัญญากับตัวเองเลยว่ายอมตายดีกว่ายอมไปตรวจภายใน แต่เอาเข้าจริงๆ ผมไม่ค่อยเห็นคนยอมตายอย่างที่ว่าหรอก เพราะบางคนพอมีปัญหาบางอย่างที่อวัยวะเพศของตัวเอง เช่น คันมาก คันจนหน้ามืด สัญญิงสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองว่าจะไม่ตรวจภายในก็เลยถูกลืมจนหมด
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเคยตรวจผู้หญิงไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว ที่มาเพราะคันปากช่องคลอดมาก บางคนเป็นมาเป็นสัปดาห์ บางคนเป็นมาเป็นเดือน หรือหลายเดือนก็มี แต่ไม่ยอมมาหาหมอเพราะอาย แต่ระยะหลังคันมากจนอยู่ในระยะที่คันมากกว่าอายจึงยอมมาตรวจ บางคนตรวจแล้วพบว่าเกิดจากผู้ป่วยแพ้สารเคมีที่มีในกางเกงในแค่แนะนำให้เปลี่ยนชนิดของกางเกงในก็หายแล้ว
บางรายก็คลำก้อนได้ที่ปากช่องคลอดมาตั้งแต่ 5-6 ปี แต่เพิ่งจะตัดสินใจมาหาหมอ เพราะหลังจากคุยกับเพื่อนแล้วกลัวจะเป็นมะเร็ง ความกลัวเป้นมะเร็งรุนแรงกว่าความอาย จึงมาหาหมอและเมื่อตรวจภายในก็พบว่าเป็นแค่ถุงน้ำที่ปากช่องคลอด ผ่าตัดออกใช้เวลาไม่กี่นาทีก็หายขาดแล้ว คุณผู้หญิงหลายคนภายหลังตรวจภายในแล้ว หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรร้ายแรง ถึงกับถอนใจโล่งอกเลยก็มี เพราะกลัวมานานว่าจะเป็นมะเร็ง
จากปัญหาดังกล่าว คือกลัวเป็นโรคก็กลัว อายหมอก็อาย ผมเลยเกิดความคิดว่า เรามาพบกันครึ่งทางดีไหมครับโดยผมอยากจะแนะนำให้คุณสุภาพสตรีทั้งหลายลองตรวจอวัยวะเพศของตัวเองดูก่อน ถ้าแน่ใจว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงจะยังไม่มาหาหมอก็ได้ ลองรักษาตัวเองตามคำแนะนำที่จะให้ต่อไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะปกติหรือไม่ก็ควรรีบมาหาหมอเถิด อย่ามัวอายอยู่เลยครับ ลองคิดดูซิว่าอวัยวะเพศของเราไม่ใช่ของอื่นไกล แต่เป็นส่วนประกอบของร่างกายเราเลยนะครับ ทำไมถึงคิดจะปล่อยปละละเลยทอดทิ้งไม่ดูแลล่ะ
รู้จัก "ภายใน" ของเรากันดีกว่า
ปัจจุบันไม่ว่าโลกจะเจริญไปมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เชื่อไหมครับว่ายังมีคุณผู้หญิงอีกไม่น้อยเลย ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอวัยวะเพศของตัวเองประกอบด้วยอะไรบ้าง และลักษณะอย่างไหนที่เรียกว่าปกติหรือผิดปกติ น่าเศร้าใจครับว่าการศึกษาในเรื่องนี้ของคนไทยยังอ่อนอยู่ และสร้างปัญหาในการดูแลอวัยวะเพสของตัวเองที่ผิดวิธีอีกมากมาย เพื่อแก้ปัญหานี้ผมจึงอยากจะขออธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับอวัยวะเพศพอสังเขปนะครับ
อวัยวะเพศของผู้หญิงแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คืออวัยวะเพศภายนอกซึ่งส่วนมากจะมองเห็นได้จากภายนอก เช่น หัวหน่าว แคมใหญ่ แคมเล็ก และฝีเย็บ กับอวัยวะเพศภายในซึ่งอยู่ในช่องท้อง เช่น มดลูก รังไข่ ในบทความนี้ผมจะขอเล่าแต่เฉพาะอวัยวะเพศภายนอกซึ่งเป็นอวัยวะที่คุณผู้หญิงสามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง
อวัยวะเพศภายนอกหรือที่เรียกรวมๆ ว่า ปากช่องคลอดมีส่วนประกอบหลายส่วนคือ
เนินหัวหน่าว หมายถึงบริเวณที่คลุมบนกระดูกหัวหน่าว ซึ่งเป็นบริเวณล่างสุดของผนังหน้าท้องบริเวณนี้จะประกอบด้วยไขมันเป็นส่วนมากและจะมีปลายประสาทมาก ทำให้ไวต่อความรู้สึกเวลาสัมผัส ผิวหนังบริเวณหัวหน่าวจะมีขนมาปกคลุม ซึ่งปริมาณของขนจะขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์
คนตะวันตกจะมีขนมากกว่าคนไทย บางตนขนมากเหมือนลิงเลยก็มี คนที่ไม่มีขนเลยหรือมีขนมากกว่าปกติไม่ใช่ว่าจะดีนะครับ บางส่วนเป็นโรคของรังไข่ บางคนมีปัญหามีลูกยากร่วมด้วยก็มี ฟังดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกันเลย แต่จริงๆ เกี่ยวกันครับ รายละเอียดผมของดที่จะกล่าวถึง เพราะจะยาวเกินไปและผิดประเด็น
แคมใหญ่ เป็นรอยพับของผิวหนังซึ่งอยู่ 2 ข้างของปากช่องคลอด ในแคมใหญ่จึงเป็นอวัยวะที่มีขนขึ้นได้เช่นเดียวกับบริเวณอื่น ในคนที่ไม่เคยคลอด แคมใหญ่ทั้ง 2 ข้างมักจะมาชนกันและปิด ทำให้ไม่เห็นรูเปิดของช่องคลอด แต่คนที่เคยคลอดแล้วแคมใหญ่ทั้ง 2 ข้างจะปิดไม่สนิท ยิ่งคลอดบ่อยครั้งรูเปิดช่องคลอดก็จะเห็นใหญ่ขึ้น
แคมเล็ก เป็นรอยพับของผิวหนังที่ซ่อนอยู่ใต้ต่อมแคมใหญ่ มีขาดและสีแตกต่างกัน บางคนใหญ่มากเห็นเป็นแผ่น บางคนเห็นเป็นแค่สันนูนขึ้นมา บางคนแคมเล็กมีสีดำคล้ำ ขณะที่บางคนมีสีแดงเรื่อๆ ตัวแคมเล็กจะมีเลือดและปลายประสาทมาเลี้ยงมากมายทำให้ไวต่อความรู้สึก แต่ไม่มีขนและไขมัน
คลิตอริส เป็นก้อนเนื้อซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งและแข็งตัวได้ เปรียบได้กับอวัยวะเพศชาย คลิตอริสมีความยาวไม่เกิน 1 นิ้วอยู่ต่ำจากเนินหัวหน่าวลงมาเล็กน้อย แต่จะขยายขนาดได้ถ้าถูกกระตุ้นทางเพศ ที่คลิตอริสจะมีปลายประสาทมาเลี้ยงมาก ทำให้ไวต่อความรู้สึกเช่นเดียวกับแคมเล็ก
รูเปิดท่อปัสสาวะ เป็นรูเปิดให้ปัสสาวะไหลออกมาเวลาถ่ายปัสสาวะ ตำแหน่งของมันอยู่ต่ำลงมาต่อจากคลิตอริส เล็กน้อย
ช่องคลอด คือช่องที่มองเห็นได้ภายหลังแยกแคมทั้งสองข้างออกจากกัน ช่องคลอดเป็นบริเวณขนาดใหญ่ที่อยู่ต่ำลงมาต่อจากรูเปิดของท่อปัสสาวะ และลึกเข้าไปภายในจนไปชนกับปากมดลูก ปกติช่องคลอดจะยาวประมาณ 6-8 เซนติเมตร ทำหน้าที่ในการมีเพศสัมพันธ์และคลอดลูก
เยื่อพรหมจารี เป็นเยื่อบางๆ ปิดคลุมบริเวณช่องคลอดเยื่อพรหมจารีมักจะตรวจพบได้เฉพาะในหญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ส่วนรายที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว เยื่อนี้มักจะฉีกขาด มองเห็นคล้ายติ่งเนื้อกะรุ่งกะริ่งที่ช่องคลอด
ฝีเย็บ คือบริเวณที่อยู่ระหว่างรูเปิดของทวารหนักกับรูเปิกของช่องคลอด องคืประกอบหลักในฝีเย็บคือไขมันและกล้ามเน้อซึ่งมักจะฉีกขาดเวลาคลอดลูก
ตรวจภายในด้วนตนเอง
1. ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มตรวจ หลังจากนั้นก็จัดท่าของตัวเองว่าจะนั่งหรือนอนอย่างไรจึงจะเห็นอวัยวะเพศของตัวเองได้ดีที่สุด คุณอาจจะนอนชันเข่าเอาหลังพิงข้างฝาโดยใช้หมอนหนุนหลัง นั่งยองๆ หรือนั่งคุกเข่าท่าใกท่าหนึ่งก็ได้ที่คิดว่าสะดวกที่สุดสำหรับคุณ
2. หากระจกที่สามารถใช้ถืออวัยวะเพศของคุณมา 1 แผ่น ถ้าเป็นกระจกที่สามารถให้ภาพขยายได้ยิ่งดี
3. ภายหลังนั่งหรือนอนในท่าที่สะดวกที่สุดแล้ว ให้ใช้มือข้างที่ถนัดแยกแคมใหญ่ทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วทองหาคลำดูว่ามีอะไรผิดปกติที่แคมใหญ่ทั้งสองข้างหรือไม่ เช่น มีก้อน มีตุ่มแข็ง ตุ่มน้ำ มีแผล รอยบวม มีบริเวณที่สีเปลี่ยนไป เช่น แดงมาก คล้ำมากหรือไม่
4. จากนั้นใช้นิ้วแยกแคมเล็กออกจากกัน แล้วตรวจหาความผิดปกติต่างๆ เช่นเดียวกับที่แคมใหญ่ เสร็จแล้วตรวจดูที่บริเวณรูเปิดของท่อปัสสาวะ ว่ามีลักษณะบวมแดงหรือไม่ ตามด้วยดูบริเวณคลิตอริส โดยใช้มือดึงรั้งผิวหนังที่คุมบริเวณคลิตอริสขึ้นไปตรวจดูว่าคลิตอริสมีแผลหรือสีเปลี่ยนหรือไม่
5. ต่อมาใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดไม่ต้องลึกมาก แล้งกดแยกหนังช่องคลอดออกจากกัน คุณอาจจะมองเห็นตกขาวในช่องคลอด ถ้าเห็นให้ดูลักษณะและสีของตกขาว ถ้ามีลักษณะขุ่นๆ เป็นมูกเหนียวหรือมูกใส มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แสดงว่ามีตกขาวที่ปกติ แต่ถ้ามีลักษณะอื่นๆ เช่น เป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายๆ คราบนมที่เด็กแหวะออกมา และยิ่งถ้ามีอาการคันร่วมด้วยอย่างนี้ผิดปกติแน่นอน อาจมีการติดเชื้อในช่องคลอดจากเชื้อราหรือเชื้อพยาธิ ต้องรีบไปหาหมอแล้วล่ะ
6. จากนั้นใช้นิ้วมือคลำที่บริเวณส่วนล่างของแคมใหญ่ทั้งสอง โดยใช้นิ้วหนึ่งอยู่ในช่องคลอด และอีกนิ้วหนึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของแคมใหญ่ คลำดูว่ามีก้อนคล้ายถุงน้ำบริเวณนั้นหรือไม่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป้นที่อยู่ของต่อมที่สร้างมูกออกมาช่วยหล่อลื่นช่องคลอดที่เรียกว่า ต่อมบาร์โธลิน ซึ่งต่อมนี้มีปัญหาว่าท่อที่ปล่อยมูกออกมาตันไดบ่อย ทำให้กลายเป็นก้อน คลำได้นิ่มๆ คล้ายถุงน้ำ บางคนทิ้งไว้นานไม่ยอมไปหาหมอเพราะอาย อาจมีการอักเสบกลายเป็นถุงหนอง ปวดมากจนต้องเดินถ่างขาซึ่งคราวนี้จะทั้งเจ็บทั้งอายเละล่ะครับ
7. ลำดับสุดท้ายตรวจดูบริเวณฝีเย็บและรูก้น ว่ามีก้อนหรือเจ็บบริเวณฝีเย็บหรือไม่ ที่รูก้นมีแผลหรือก้อนเนื้อที่เรียกว่าริดสีดวงทวารหรือไม่ ถ้ามีก็ควรไปปรึกษาหมอซะว่าจะรักษากันอย่างไร อย่าอายอยู่เลย ผมเคยตรวจคุณผู้หญิงบางคนที่ปล่อยริดสีดวงทวารให้เป็นอยู่นานจนอาการหนัก เวลาถ่ายอุจจาระทีเจ็บเห็นเดือนเห็นดาวเลยล่ะครับ
อาการแบบนี้ผิดปกติแน่
รอยแดง ซึ่งเกิดขึ้นตำแหน่งเดียว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนจองอวัยวะเพศก็ตาม รอยแดงอาจเป็นสัญญาณเตือนเริ่มแรกของโรคบางชนิด เช่น ปากช่องคลอดอักเสบหรือมะเร็งที่ปากช่องคลอด
บวม อวัยวะเพศบวมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แมลงสัตว์กัดต่อย หรือบางรายอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคร้ายแรงในอวัยวะอื่นๆ เช่น โรคไต หรือโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งถ้าเป็นโรคเหล่านี้มักมีอาการบวมที่อื่นร่วมด้วย
ไฝหรือจุดสีเข้มหรือสีดำ คุณผู้หญิงที่มีไฝหรือจุดสีที่บริเวณอวัยวะเพศควรหมั่นสังเกตเป็นระยะๆ ว่าสีของมันเข้มขึ้นหรือไม่ ถ้าเข้มขึ้นหรือใหญ่ขึ้น หรือเป็นทั้ง 2 อย่างควรรีบไปหาหมอนะครับ เพราะอาจเป็นมะเร็งได้
อย่างไรก็ตามคำว่า หมั่นสังเกตเป็นระยะๆ ที่หมอบอกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตรวจทุกวัน วันละ 3 เวลาหรอกนะครับ เพราะต้องทำขาดนั้นสงสัยว่าจะได้โรคใหม่คือโรคประสาทแทน เอาเป็นว่า 2-3 เดือนตรวจสักทีก็พอครับ
ตุ่มน้ำ ซึ่งอาจจะแตกหรือไม่ก็ได้ ตุ่มน้ำดังกล่าวอาจจะเกิดจากโรคเริม หรือผิวหนังอักเสบที่อวัยวะเพศก็ได้
ก้อน ก้อนที่อวัยวะเพศอาจเกิดการอักเสบติดเชื้อหรือเนื้องอกก็ได้ ถ้าเป็นเนื้องอกที่บริเวณนี้มักจะไม่ใช่มะเร็งและรักษาหายได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรกังวลจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ปล่อยมันไปเถอะนะครับ
สิ่งผิดปกติอื่นๆ คุณผู้หญิงบางคนหมั่นตรวจดูตัวเองอยู่แล้ว และรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติขึ้นที่อวัยวะเพศของตัวเอง แต่บรรยายไม่ถูก จะไปหาหมอก็อายไม่รู้จะทำอย่างไรดี บางคนก็เดาเอาว่าน่าจะเป็นโรคโน้นโรคนี้แล้วไปซื้อยามารักษาตัวเองก่อนจนไม่ไหวแล้วจึงมาหาหมอ ผมอยากแนะนำว่าถ้าไม่แน่ใจว่าอวัยวะเพศของตัวเองมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าไปหาหมอดีกว่า ความผิดปกติที่อวัยวะเพศส่วนมากไม่จำเป็นต้องเล่าให้ฟัง แค่หมอตรวจดูก็รู้แล้ว
นอกจากสิ่งที่อาจตรวจพบดังกล่าว คุณผู้หญิงบางคนยังอาจมีอาการบางอย่างร่วมด้วย หรือมีหลายรายที่มีอาการผิดปกติโดยตรวจไม่พบอะไรผิดปกติก็มี
อาการคันผิดปกติที่พบได้บ่อยๆ เช่น
คัน อาการคันที่อวัยวะเพศบ่อยที่สุด จัดเป็นอาการยอดฮิตเลยก็ว่าได้ สาเหตุของอาการคันมีหลากหลาย ยากที่จะสรุปได้ง่ายๆ โดยไม่ตรวจภายใน อาจเกิดจากการติดเชื้อรา การแพ้ผ้าอนามัย หรือจากโรคเบาหวานก็ได้ เท่าที่สังเกตดูผมพบว่าก่อนที่จะมาหาหมอ คุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีอาการนี้มักจะลองรักษาตัวเองมาก่อนแล้ว เช่น ซื้อยาเหน็บ ซื้อครีมมาทา จนไม่หายแน่จึงจะมาหาหมอ บางคนเวลาหมอตรวจดูที่อวัยวะเพศ จะเห็นรอยเกาเต็มไปหมด บางคนเกาจนผิวหนังบริเวณนั้นหนาหรือสีดำขึ้นก็มี
เลือดออก อาการนี้พบไม่บ่อยเท่าอาการคัน ส่วนมากคนที่มักจะมาหาหมอเร็ว เพราะเรื่องเลือดตกยางออกเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับคนเราอยู่แล้ว สาเหตุของเลือดออกที่อวัยวะเพศก็มีหลากหลายเช่นเดียวกัน ตั้งแต่โรคเล็กน้อย เช่น แผลถลอก ช่องคลอดอักเสบ จนกระทั่งโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งปากช่องคลอด ถ้ามีปัญหานี้หาหมอดีกว่าครับ อย่าลองรักษาตัวเองเลย
แสบ อาจเกิดจากโรคหลายอย่าง ที่พบบ่อยคือโรคเริมที่ปากช่องคลอด ผิวหนังอักเสบ หรืออาจเกิดภายหลังอาการคันแล้วผู้ป่วยเกาเสีย จนเกิดแผลถลอกตามมา
อาการไม่ปกติอื่นๆ คุณผู้หญิงบางคนมีอาการที่บรรยายไม่ถูก อาจรู้สึกแค่ยุบยิบที่อวัยวะเพศ หรือแปลบๆ เจ็บๆ อาการเหล่านี้ส่วนมากไม่ใช่โรคร้ายแรง อาจเกิดจากปัญหาประจำตัวบางอย่าง เช่น เหงื่อออกง่าย นุ่งกางเกงในที่รัดเกินไป หรืออาจเกิดจากโรคผิวหนังเรื้อรังบางชนิดก็ได้
ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า ถ้าคุณมีปัญหาไม่ว่าจะจากสิ่งที่คุณตรวจพบดังกล่าวข้างต้น หรือมีอาการผิดปกติอะไรก็ตาม อย่ามัวอายอยู่นะครับหาหมอดีกว่า
โรคที่อาจตรวจเจอ
ถึงตอนนี้อยากให้คุณผู้หญิงทราบถึงโรคที่อาจจะเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศของตัวเองได้บ่อยๆ เพื่อจะได้ทราบแนวทางในการดูตัวเองและเมื่อไปหาหมอก็จะได้เล่าปัญหาของคุณให้คุณหมอทราบอย่างถูกต้อง
ผิวหนังอักเสบ
โรคนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย อาการสำคัญของโรคนี้คือ คันที่อวัยวะเพศ บางรายมีรอยแดงร่วมด้วย สาเหตุที่พบบ่อยๆ ก็คือการแพ้สารเคมีที่ออกมาจากสิ่งของเครื่องใช้ของคุณผู้หญิงนั่นเอง ซึ่งการแพ้ดังกล่าวบางคนก็ไม่เป็น ไม่รู้ว่าทำไม แต่ระยะหลังนี้เชื่อกันว่ากรรมพันธุ์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงทำให้มักรรมคือต้องมาคันปากช่องคลอดจากการเป็นทายาทเผ่าพันธุ์ที่มีปัญหา คุณผู้หญิงบางรายกว่าจะรู้ว่าแพ้อะไรก็ต้องทนคันอยู่นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนก็มี
ตัวอย่างของสิ่งของที่มีสารเคมีที่ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ
- กระดาษชำระที่มีกลิ่นหอมหรือมีสีสันสวยงาม
- กางเกงในหรือชุดอาบน้ำซึ่งทำจากผ้าบางชนิด
- สบู่ ผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- แป้งฝุ่น
- สเปรย์ดับกลิ่น
- ผ้าอนามัย
- น้ำยาทำความสะอาดช่องคลอด
ลองสังเกตตัวเองดูนะครับว่าอาการคันล่าสุดนั้น คุณเปลี่ยนแปลงการใช้สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวอะไรบ้างหรือเปล่าถ้าแน่ใจว่าใช่ ก็เลิกใช้เสีย หรือถ้าไม่แน่ใจจะลองเลิกดูก่อนก็ได้ ข้อสังเกตของผมอีกอย่างหนึ่งก็คือ ของใช้ที่ยิ่งมีการผลิตซับซ้อนก้ยิ่งมีโอกาสแพ้มากขึ้นเพราะต้องใช้สารเคมีหลายอย่าง เช่น ผ้าอนามัยมีกลิ่นหอมดูน่าใช้ ความจริงไม่รู้ว่าใส่สารแต่งกลิ่นอะไรเข้าไปบ้าง เปลี่ยนมาใช้แบบธรรมดาๆ ดีกว่า ไม่แพ้และถูกกว่าด้วย เวลาใส่คุณคงไม่มัวไปดมมันอยู่หรอก จริงไหมครับ
ส่วนมากโรคนี้หายได้เองหลังเลิกใช้ของที่เป็นตัวระคายเคือง แต่ขณะที่คุณยังมีอาการคันที่รุนแรงหรือมีผื่นแดงคุณหมอจะให้ยาเป็นครีมไปทา รวมทั้งอาจให้ยาแก้แพ้ไปรับประทานร่วมด้วยก็ได้
เชื้อราในช่องคลอด
เชื้อราเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งมีนิสัยชอบการเจริญเติบโตในบริเวณที่ร้อนและชื้น อวัยวะเพศของคุณผู้หญิงมีลักษณะเข้าได้กับความต้องการของเชื้อราเป็นอย่างดี ดังนั้นคุณผู้กญิงจำนวนไม่น้อยไมว่าดูแลตัวเองให้ดีอย่างไรก็มีโอกาสเป็นเชื้อราได้ ยิ่งบ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน โอกาสเหงื่อออกง่ายก็ยิ่งทำให้ติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
มีผู้หญิงบางกลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อราที่ช่องคลอดได้มากกว่าคนอื่น ได้แก่
คนที่อ้วนมากๆ
คนที่เป็นโรคเบาหวาน
คนท้อง
คนที่รับประทานยาปฏิชีวนะ (หรือที่เรียกว่ายาแก้อักเสบ) บ่อยๆ หรือพร่ำเพรื่อ
อาการที่สำคัญของคนเป็นโรคนี้ คือคันอวัยวะเพศ และส่วนมากจะคันในช่องคลอดร่วมด้วย เพราะการติดเชื้อรามักจะเป็นลึกเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งจะทำให้หลายรายมีอาการตกขาวผิดปกติร่วมด้วย
การวินิจฉัยโรคนี้ สำหรับหมอแล้วง่ายมาก แค่ตรวจภายในดูลักษณะตกขาวก็พอบอกได้แล้ว หรือถ้ายังไม่แน่ใจแค่เอาตกขาวไปส่องกล้องจุลทัศน์ดู ก็สามารถมองเห็นตัวเชื้อราได้ง่ายๆ เช่นกัน
สำหรับการรักษาก็เพียงให้ยาไปเหน็บช่องคลอด หรืออาจให้ยารับประทานร่วมด้วยเพียง 2-3 วันก็หายแล้วแต่ปัญหาที่สำคัญมากกว่าก็คือโรคนี้มีโอกาสซ้ำซากได้บ่อย ตราบใดที่เหตุปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นไม่หายไป เช่น ความอ้วน ละเลยการทำความสะอาดอวัยวะเพศให้สะอาดและแห้งภายหลังการถ่ายปัสสาวะ ฉะนั้นถ้ารู้แล้ว อะไรที่แก้ไขได้ก็รีบแก้ไขเสียนะครับ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยๆ คือ
โรคหูดที่ปากช่องคลอด
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า พาพิลโลมาไวรัส (Papillomavirus)
อาการที่รู้ว่าเป็นโรคนี้ก็คือ คุณผู้หญิงจะเห็นมีก้อนเนื้อเล็กๆ ลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ อาจจะเห็นแค่จุดสองจุด หรือเห็นกระจายเป็นหย่อมๆ บริเวณปากช่องคลบอดเลยก็มี นอกจากเห็นเป็นก้อนแล้ว ส่วนมากจะมีอาการคันร่วมด้วย ถ้าทิ้งไว้ไม่มาหาหมอรักษา ก้อนหูดจะโตขึ้นเรื่อยๆ ผมเคยเห็นผู้กญิงบางคนที่มาตรวจภายในขณะที่มีก้อนหูดโตจนเกือบจะปิดช่องคลอดหมดแล้วก็มี
การรักษาโรคนี้ทำได้หลายวิธี เช่น ตัดออก ใช้ยาบางชนิดที่สามารถกัดเนื้อได้ ที่ใช้ไฟฟ้าจี้ หรือใช้ความเย็นจี้
มีสิ่งที่อยากจะเน้นให้ทราบเพิ่มเติมก็คือ แม้ว่าจะรักษาแล้ว โรคนี้ก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้ และมีคุณผู้หญิงหลายรายที่นอกจากจะเป็นโรคหูดที่อวัยวะเพศภายนอกแล้ว ยังเป็นโรคหูดที่ปากมดลูกหรือในช่องคลอด ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากการตรวจด้วยตัวเองร่วมด้วยก็ได้ ดังนั้นถ้าคุณตรวจพบก้อนเนื้อซึ่งสงสัยว่าจะเป็นหูดที่อวัยวะเพศล่ะก็ ไปหาหมอเถอะครับ จะได้ตรวจกันให้ละเอียดว่าในช่องคลอดเป็นโรคนี้ด้วยหรือเปล่า
โรคเริม
โรคเริมเกิดจากเชื้อไวรัสหูด แต่จากเชื้อไวรัสคนละตัว เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมชื่อ เฮอร์ปีส์ไวรัส (Herpes virus)
อาการสำคัญของโรคนี้ จะเริ่มด้วยการตุ่มน้ำใสๆ เกาะกันเป็นกลุ่ม ต่อมาแตกออกเป็นแผล ซึ่งแสบมาก ผู้ป่วยบางรายจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย หลังจากมีอาการประมาณ 1-2 สัปดาห์ แผลก็จะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา
ปัญหาสำคัญของโรคนี้คือยังไม่มียาที่รักษาให้หายขาดได้ยาที่มีใช้ไม่ว่ายาทาหรือรับประทานอาจช่วยให้อาการของโรคบรรเทาลงหรือหายเร็วขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้หายขาด นอกจากปัญหานี้แล้วก็คือ โรคนี้สามารถเป็นใหม่ได้ซ้ำๆ ซากๆ สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้ที่เป็นโรคนี้อย่างมาก
การกลับมาเป็นใหม่มักจะเกิดขึ้นในรายที่มีความเครียด อดนอน ดื่มกาแฟ หรือรับประทานยายางชนิด เช่น ยาลดความอ้วน ดังนั้นถ้าอะไรหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงเสียนะครับ
ส่วนโรคที่พบได้น้อยกว่าคือ
โรคผิวหนังเรื้อรังบางชนิด ที่ทำให้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศหนามากกว่าปกติ บางรายก็มีผิวหนังลอกร่วมด้วย โรคพวกนี้จำเป็นต้องรับการตรวจโดยละเอียดจากคุณหมอ บางรายต้องตัดเนื้อบริเวณที่ผิดปกติไปตรวจด้วยก็มี
มะเร็งที่ปากช่องคลอด โรคนี้มักพบในคุณย่าคุณยายมากกว่าคุณผู้หญิงวัยอื่น อาการสำคัญคือมีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศซึ่งมักมีอาการปวดร่วมด้วย บางรายถ้าคลำที่ขาหนีบจะพบมีก้อนแข็งซึ่งก็คือตุ่มน้ำเหลืองที่แข็งตัวขึ้นร่วมด้วย
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมพบว่า ส่วนมากคุณย่าคุณยายที่เป็นโรคนี้ก็มักจะสังเกตเห็นว่าตัวเองมีแผลที่ปากช่องคลอด แต่ไม่กล้าบอกลูกหลาน กลัวจะสร้างภาระให้ เนื่องจากในปัจจุบันทุกคนต่างด็ต้องทำงานและไม่ค่อยมีเวลาให้กันมากนัก ดังนั้นใครที่มีคุณย่าคุณยายก็อย่าลืมชวนไปตรวจภายในบ้างก็แล้วกัน หรือจะลองชวนคุยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บดู บางทีคุณย่าหรือคุณยายก็จะเล่าให้ฟัง
การรักษาโรคนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ถ้าพบระยะแรกก็อาจจะทำแค่ผ่าตัด แต่ถ้าเป็นมากแล้วก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปรักษาโดยการรักษาฉายแสงแทน
มะเร็งของไฝดำ ไฝที่คนเรามีอยู่ โดยปกติแล้วไม่ก่อปัญหาอะไรหรอกครับ มีคุณผู้หญิงน้อยคนมากที่ไฝดังกล่าวกลายเป็นมะเร็งได้ ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือสีเข้มขึ้น ดังที่กล่าวแล้วในตอนต้น
การรักษาโรคนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรคเช่นเดียวกัน บางรายแค่ผ่าตัดเอาก้อนออก บางรายต้องผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบออกด้วย และบางรายต้องฉายแสงร่วมด้วยก็มี
อวัยวะเพศเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งมีโรคหรือความผิดปกติได้เช่นเดียวกับอวัยวะอื่น การดูแลอวัยวะเพศจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นเช่นเดียวกัน สิ่งที่พิเศษก็คือการพูดถึงอวัยวะเพศนี้ไม่ว่าในแง่มุมใดมักเป็นเรื่องที่น่าอายของคุณผู้หญิง จึงทำให้คุณผู้หญิงมากมายที่ต้องแบกทุกข์ทั้งทางกายและทางความรู้สึกเป็นระยะเวลานานโดยไม่จำเป้นผมหวังว่าบทความนี้คงช่วยบรรเทาทุกข์ให้บ้างนะครับ และขอให้ทุกคนมีสุขภาพของอวัยวะเพศดีทุกคนนะครับ
ดูแลเรื่อง "ภายใน" กันหน่อย
หมั่นตรวจตราอวัยวะเพศของตัวเอง อย่างสม่ำเสมอตามข้อแนะนำข้างต้น
ทำความสะอาดอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อจะได้ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อรา เช่น เวลาเข้าห้องน้ำหลังเสร็จธุระแล้วอย่ารีบร้อนออกจากห้องน้ำโดยที่อวัยวะเพศยังแฉะอยู่ควรเช็ดให้แห้ง
สำหรับคุณผู้หญิงที่ชอบใช้กระดาษทิชชูเช็ดอวัยวะเพศหลังเข้าห้องน้ำ ผมอยากเตือนให้ต้องระวังว่ากระดาษทิชชูอาจเปื่อยหลุดเข้าไปติดอยู่ในช่องคลอดได้ ผมเคยตรวจคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่พบกระดาษทิชชูค้างอยู่ในช่องคลอด และเป็นสาเหตุของการคันช่องคลอดหรือตกขาวผิดปกติ
อย่าใส่กางเกงที่คับเกินไปหรือผ้าหนาเกินไป นอกจากจะอึดอัดแล้ว ยังทำให้เกิดอาการคันได้ง่ายจากเหงื่อที่ออกมา ยิ่งใครแพ้สารเคมีในกางเกงในด้วยแล้ว สารเคมีผสมกับเหงื่อยิ่งทำให้คันมากขึ้น บ้านเราอากาศร้อนมาก แค่ใส่กางเกงผ้าธรรมดาก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งใส่ผ้าหนาๆ ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยชนิดสอดเข้าช่องคลอด เพราะถ้าใส่นานเกินไปจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ ในต่างประเทสมีรายงานทางการแพทย์ว่ามีคนตายจากเชื้อโรคที่ฝังตัวในผ้าอนามัยชนิดนี้ แล้วเข้าไปในกระแสเลือดของผู้ป่วยมาแล้วนะครับ
หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยที่เติมสารกลิ่นหรือสี เพราะสารแต่งสีหรือกลิ่นในผ้าอนามัยอาจทำให้ระคายเคืองได้ครับ
หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระที่มีกลิ่นหรือสี เหตุผลก็เหมือนกับที่กล่าวแล้วในเรื่องผ้าอนามัย
ระวังการใช้สบู่บางอย่างที่ไม่คุ้นเคย เช่น สบู่ยา สบู่สมุนไพร และสารพัดสบู่ที่แต่งสีและกลิ่นมากกว่าปกติ
อย่าสวนล้างช่องคลอดโดยเด็ดขาด โดยปกติภายในช่องคลอดจะมีสภาพเป็นกรดอยู่ตลอดเวลา เพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในช่องคลอด เช่น เชื้อโรค และเชื้ออสุจิ นั่นคือช่องคลอดจะมีขบวนการทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้ว
การเอาน้ำล้างเข้าไปในช่องคลอด จะทำให้สภาพความเป็นกรดในช่องคลอดเจือจางลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ถ้าเรายิ่งสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ ก็จะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างตกขาวออกมามากขึ้นเป็นการทดแทนตกขาวที่ถูกล้างออกไป เห็นไหมครับว่าระบบการทำงานของช่องคลอดไม่ง่ายๆ เหมือนที่คุณๆ นึกกันหรอกครับ