ลูกมีหัวใจแค่ 3 ห้อง


คุณแม่ยังจำที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งส่ง Foreward Mail หาทุกคนเพื่อ “ขอ ปา-ติ-หาน” ให้น้องสาวของตัวเองหายป่วยได้ไหมคะสำหรับแม่กี้เธอก็ร้องขอปาฏิหาริย์เช่นเดียวกับเด็กชายคนนั้นแต่ไม่ใช่เพื่อน้องสาว ทว่าขอให้น้องจีจี้ลูกสาววัยเพียง 4 เดือนของเธอเพราะไม่กี่เดือนมานี้แม่กี้รู้ว่าลูกจีจี้มีหัวใจแค่ 3 ห้อง!!!

คุณแม่วิไลลักษณ์ ยาวิชัย-แม่กี้ เป็นพนักงานสำนักงานหักบัญชีของชมรมธนาคารแห่งหนึ่ง ส่วนสามีเป็นข้าราชการตำรวจ ถึงแม้ว่าจะมีงานประจำ แม่กี้ก็ยังหอบหิ้วลูกๆ เลี้ยงเองที่ออฟฟิศ ส่วนตอนเย็นคุณพ่อกลับจากที่ทำงานก็ช่วยดูแลลูกๆ อีกแรงหนึ่งดูเหมือนว่าชีวิตครอบครัวเล็กๆ จะลงตัวและมีความสุข ทว่าชีวิตที่ราบเรียบแทบจะมลายหายไป เมื่อครอบครัวยาวิชัยต้องมาเผชิญกับข่าวร้ายที่แม่กี้ได้รับฟังจากคุณหมอว่าลูกสาวคนเล็กที่ร่างกายแข็งแรงและอารมณ์ดีนั้นมีหัวใจผิดปกติ

เผชิญกับข่าวร้าย...หัวใจลูก (ไม่) ปกติ

น้องจีจี้ลูกสาวคนที่ 3 ของเราสุขภาพร่างกายตอนแรกคลอดของลูกแข็งแรง อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง คุยเก่ง อ้อแอ้ตั้งแต่ 2 เดือนแรก เมื่อครั้งพบคุณหมอเพื่อฉีดวัคซีนตอน 2 เดือนทุกอย่างก็ราบรื่นไม่มีสิ่งผิดปกติบอกเหตุใดๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งน้องจีจี้ไอเพราะติดหวัดจากพี่สาวตอน 3 เดือน เราเลยพาทั้งพี่ทั้งน้องไปหาหมอที่คลินิก ตอนที่คุณหมอตรวจจีจี้หลับอยู่ จึงได้ฟังเสียงหายใจของลูกชัดเจน และแล้วคุณหมอทำท่าลังเลก่อนที่จะตัดสินใจบอกว่า... สิไมก เมื่อครั้งพบคุณฯหม่ 2 ด

"ได้ยินเสียงหัวใจน้องเหมือนมีรูรั่ว"

เราตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พร้อมกับยิงคำถามใส่คุณหมอทันที แต่คำตอบที่ได้รับนั้นเป็นแบบกว้างๆ เพราะคุณหมอเองยังไม่มีข้อมูลอะไรมาก เพิ่งจะได้ยินแค่เสียงหายใจ คุณหมอจึงแนะนำให้ไปทำเอคโค (Echocardiography คือการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อจะได้รู้ผลที่แม่นยำ เรารีบเช็กข้อมูลทันทีว่ามีโรงพยาบาลไหนที่ทำเอคโคได้ และใกล้ที่สุด คือ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ห่างจากบ้านประมาณ 40 กม. เราใช้เวลา 2 อาทิตย์ เพื่อโทรนัดคุณหมอโรคหัวใจซึ่งจะออกตรวจเฉพาะวันศุกร์ จนลูกได้เข้าไปทำเอคโค)

ผลตรวจที่ทำให้แม่ต้องอึ้ง!!!

วันที่ 25 มิถุนายน 2550 พาจีจี้ไปถึงโรงพยาบาลตอนบ่ายโมงไปถึงก็พาลูกไปเอกซเรย์และตามด้วยเอคโค ซึ่งการเอคโคเด็กเล็กคุณหมอต้องวางยานอนหลับ หลังจากที่วางยาไม่เกิน 5 นาที จีจี้หลับผลอยไป ขณะที่คุณหมอตรวจไปเรื่อยๆ เราก็กอดลูกพร้อมลุ้นไปด้วย เพราะคุณหมอตรวจไปทำหน้าสงสัยไป และก็ร้องว่า

“ทำไมเป็นแบบนี้ ไม่เคยเจอ?”

เอาอีกแล้วอาการของคุณหมอทำให้เราตกใจและกังวลอีกแล้วก็คุณหมอคนที่เราหวังว่าจะเป็นที่พึ่งยังงงกับอาการของลูก แล้วเราล่ะจะไม่งงยิ่งกว่าเหรอคะ...แล้วคุณหมอก็ถึงบางอ้อบอกว่า

“ลูกคุณแม่ลิ้นหัวใจเกาะต่ำมาก”
“จะเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณหมอ”

คำตอบที่เราหวังจะได้รับคือ อาการไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่คำตอบจริงคือคุณหมอบอกว่า
“เป็น และเป็นมากด้วยครับ ลูกคุณแม่มีหัวใจแค่ 3 ห้อง”
!!!

และคุณหมอก็เริ่มอธิบายให้ฟังว่า โรคนี้โอกาสเป็นน้อยมารก 1 ในล้านเลย (แล้วทำไมแจ็คพ็อตต้องมาตกที่เรา) เรานั่งฟังไป น้ำตาไหลไป ถามถึงวิธีเยียวยารักษา ณ ตรงนั้นคุณหมอเองก็ยังไม่มีคำตอบให้ เพราะลูกของเราเป็นเคสแรกของคุณหมอเหมือนกัน ขอเวลาปรึกษาอาจารย์หมอก่อน และนักเรามาฟังผลว่าจะรักษาอย่างไรในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า

หาหนทางรักษาลูก

คนเป็นพ่อเป็นแม่รอไม่ได้แล้วค่ะ เราใช้เวลาร้องไห้อยู่ 2 วันเต็มๆ ก่อนที่จะรวบรวมสติ ลุกขึ้นมาหาข้อมูลทุกทางเกี่ยวกับโรคหัวใจเด็ก ซึ่งข้อมูลที่มีประโยชน์กับเรามากๆ อีกแหล่งหนึ่งคือจาก คุณ Noi ธารทิพย์ เพื่อนร่วมเว็บบ้านรักลูก ที่แนะนำให้เราพาลูกมาโรงพยาบาลศิริราชและยังแนะนำคุณหมอให้ ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาอีก

พอมีข้อมูลแล้วเราก็มุ่งตรงไปที่ศิริราช โทรขอนัดคิวเข้าตรวจ ด้วยความที่เราอยู่ต่างจังหวัดการไปศิริราชต้องการความแม่นยำอย่างสูงเพื่อไม่ให้ไปแล้วเสียเที่ยว และเราก็ได้นัดคิดตรวจกับอาจารย์หมอที่ว่าเป็นมือหนึ่งทางด้านโรคหัวใจเด็ก ซึ่งออกตรวจวันจันทร์กับวันพฤหัส เวลา 17.00-20.00 น. เท่านั้น และต้องทำบัตรก่อนถึงจะนัดได้เราก็จัดการแฟกซ์เอกสารลูกสาวให้น้องชายที่อยู่กรุงเทพฯ ไปทำบัตรให้เรียบร้อยด้วยดี จนกระทั่งได้คิวคุณหมอ เวลา 17.44 น. ของวันพฤหัสที่ 5 กรกฎาคม 2550

วันที่ 5 กรกฎาคม คุณหมอทำเอคโคซ้ำ เอกซเรย์ซ้ำ และนำผลทั้งหมดมาคุยกันได้ความว่า ลูกเป็นโรค Ebetein' Anomaly ซึ่งมีอาการลิ้นหัวใจเกาะต่ำและลิ้นหัวใจพิการ เพราะจีจี้มีลิ้นหัวใจห้องขวาบนเกาะต่ำมาก จนทำให้ห้องขวาล่างหายไป เลยทำให้เหลือหัวใจแค่ 3 ห้อง และยังจะมาซ้ำเติมด้วยลิ้นหัวใจนั้นเปิดแล้วไม่ปิด

คุณหมอคุณหมอบอกเราว่าการรักษาต้องผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลอีกแล้ว ก็โรคนี้เกิดขึ้นกับลูกสาวอายุแค่ 4 เดือน การรักษาจึงยากมากๆ ที่จะผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจแล้วให้ได้ผลดี ถ้าเป็นผู้ใหญ่ยังสามารถผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมได้เลย แต่สำหรับเด็กเล็กแล้วไม่มีลิ้นหัวใจเทียมค่ะ หัวใจเด็กย่อมเติบโตตามร่างกายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการรักษาในเด็กทำได้แค่ผ่าตัดซ่อมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมได้ แต่ต้องรอให้จีจี้โตกว่านี้อายุประมาณ 2 ปี ค่อยเริ่มต้นผ่าตัด

ชีวิตที่เปลี่ยนไป

หลังจากที่รูว่าน้องจีจี้ป่วย ทุกคนในครอบครัวก็เอาใจใส่จีจี้มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ และการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างตอนแรกที่ยังไม่รู้ว่าลูกเป็นโรคหัวใจ จะหงุดหงิดที่จีจี้กินมน้อยแล้วผละออกไปร้องไห้ แล้วค่อยมากินใหม่เป็นอยู่อย่างนี้ตลอด พอรู้ว่าลูกเป็นโรคหัวใจ ก็จะใจเย็นมากขึ้น เวลาให้นมต้องพาไปให้ที่เงียบๆ เพื่อไม่ให้ลูกวอกแวกเลย

ทุกวันนี้เวลาที่จีจี้กินนมจะเหนื่อยง่าย แต่ลูกยังไม่มีอาการเขียว เพราะยังเล็กการเคลื่อนไหวร่างกายยังน้อย หัวใจจึงไม่ได้ทำงานหนักมาก ระหว่างรอจีจี้โตพอที่จะผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจได้นี้ คุณหมอบอกว่า ให้เราดูแลลูกตามปกติ แต่ระวังอย่าให้ลูกไม่สบาย เพราะแต่ละครั้งที่ไม่สบายหัวใจของน้องจีจี้จะทำงานหนักขึ้นทำให้หายป่วยช้ากว้าปกติ และเราต้องเฝ้าสังเกตว่าลูกมีอาการตัวเขียวหรือไม่ ถ้ามีต้องรีบพาไปพบคุณหมอด่วนค่ะ

จีจี้เลี้ยงยากกว่าพี่ 2 คนมากๆ ค่ะ อย่างคนแรกนี่ว่ายากแล้วเพราะเรามือใหม่บวกกับลูกร้องโคลิค แต่จีจี้เป็นลูกคนที่ 3 เราก็เป็นคุณแม่มืออาชีพแล้ว จะเข้าใจว่าลูกร้องเพราะอะไร หาสาเหตุได้เร็ว และแก้ไขได้ทัน แต่พอจีจี้เป็นโรคหัวใจจะหงุดหงิด เพราะเหนื่อยง่าย ขี้ร้อน ก็จะงอแงต้องอุ้มกันตลอดค่ะ ตอนนี้ต้องบอกว่า เริ่มรู้ใจกันมากขึ้น ปรับตัวเข้าหากันมากขึ้นทั้งแม่และลูกค่ะ

หัวจิตหัวใจคนเป็นแม่

ครั้งแรกที่รู้ว่าจีจี้มีเสียงหัวใจรั่วร้องไห้ต่อหน้าคุณหมอ และโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเราดูแลตัวเองไม่ดีตอนท้อง เลยทำให้ลูกไม่สบาย แต่คุณหมอก็บอกว่าโรคที่จีจี้เป็นยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ และยังบอกให้เราทำใจไว้บ้าง เราสงสารลูกนอนกอดลูกร้องไห้ทุกคืน

พอกลับถึงบ้านเราก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สามีฟัง เขาเงียบอย่างเดียวและปลอบเราไม่ให้คิดมาก ไม่ให้เศร้า ตอนกลางคืนเราจะนอนร้องไห้ เขาจะเข้ามากอดแล้วบอกว่า “เข้มแข็งนะแม่ มันต้องผ่านไปได้” สามีจะเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกในเรื่องของความรัก แต่เราจะรับรู้ตลอดว่าเขาเป็นห่วง และไม่อยากให้เราร้องไห้ให้ลูกเห็น เพราะพี่ๆ อีก 2 คนอยู่ในวัยรับรู้ เห็นแม่ร้องไห้ก็จะร้องตาม จนวันแรกที่พาลูกไปศิริราชครอบครัวเราไปไหว้อนุสวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระราชชนก เราถึงรู้ว่าสามีเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่แพ้เราเลย เพราะเขานั่งอยู่นาน ขอบตาแดง แต่ไม่กล้าให้น้ำตาไหลออกมา

จีจี้ต้องผ่าตัดหลายๆ ครั้งเพื่อซ่อมลิ้นหัวใจที่โตตามขนาดของร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ลูกต้องผ่าตัดอีกสักกี่ครั้ง การผ่าตัดแต่ละครั้งชีวิตก็อยู่บนความเสี่ยง ทุกวันนี้เราเข้มแข็งได้เพราะกำลังใจจากลูกๆ สามี และเพื่อนๆ จากเว็บบ้านรักลูกค่ะ

อยากให้ “ปา-ติ-หาน” มีจริง บุญรักษานะลูกแม่.....


Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement