แคลเซียมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูกและฟันในการ เสริมความหนาแน่นของกระดูก เรามักจะให้ความสำคัญต่อแคลเซียมในอาหารแต่เพียงอย่างเดียว แต่เราทราบหรือไม่ว่า ถ้าหากร่างกายขาดแมกนีเซียม วิตามินดี หรือได้รับไม่เพียงพอ แคลเซียมก็ไม่สามารถเข้าไปสะสมอยู่ในกระดูกได้เช่นเดียวกัน แมกนีเซียมและวิตามินดี มีความสัมพันธ์ในการทำงานอย่างใกล้ชิดกล่าวคือวิตามินดี หากจะทำงานได้จะต้องเปลี่ยนตัวมันเองให้อยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์ และการเปลี่ยนรูปนี้เองจำเป็นต้องอาศัย แมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสมจึงจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการ นำพาแคลเซียมเข้าไปสะสมในกระดูกได้
ศาสตราจารย์นายแพทย์ Gustawa Stendig-Lindberg MD จากมหาวิทยาลัย Tel Aviv ประเทศอิสราเอลได้กล่าวไว้ว่า "ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนจะมีความหนาแน่นของกระดูกลดลงปีละ ประมาณ 1%แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่ยับยั้งการเสื่อมของความหนาแน่นของกระดูก เพราะแมกนีเซียมทำ หน้าที่เป็นตัวนำพาแคลเซียมเข้าสู่ภายในเซลล์กระดูก และทำหน้าที่เปลี่ยนวิตามินดี ให้อยู่ในรูปที่พร้อม จะออกฤทธิ์ได้ นอกจากนี้แมกนีเซียมเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกทั้งยังเป็นเซลล์ที่ทำหน้า ที่เสริมความหนาแน่นและปรับแต่งรูปร่างของกระดูก ล้วนต้องอาศัยแมกนีเซียมในการทำงานทั้งสิ้น การขาดแมกนีเซียมจะทำให้การทำงานของเซลล์หยุดชะงัก เนื่องจากโครงสร้างของกระดูก ซึ่งเป็นอวัยวะที่ต้องทนทานต่อแรงกระแทกจากการกระแทก จากการเคลื่อนไหว และสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา กระดูกที่ดีจึงมีความยืดหยุ่นและทนทาน ร่างกายจึงสะ สมแคลเซียมไว้ในเนื้อกระดูกในรูปแบบของกลุ่มแคลเซียมที่หนาแน่นและไม่เป็นผลึก เราเรียกเป็นผลึก เรา เรียกการสะสมเช่นนี้ว่า อะมอร์ฟัดส์ (Amorphous) เป็นรูปของการสะสมแคลเซียมที่มีความคงทน และยืดหยุ่นดีที่สุด ดังนั้นหากจะต้องเสริมแคลเซียมในปริมาณสูงๆ เพื่อเพิ่มความหนาแน่นกระดูกแล้ว ก็ควรรับประทานแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นด้วย และความเป็นในอัตราส่วน 2:1 จึงจะเพียงพอ
ประโยชน์โดยรวมของแคลเซียม และแมกนีเซ๊ยม
1. ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก ร่างกายสามารถสะสมแคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ช่วยให้กระดูกมีความยืดหยุ่น และทนทานต่อแรงกระแทกที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดี
3. ลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต เนื่องจากการเสริมแคลเซียมในขนาดสูงๆ
ศาสตราจารย์นายแพทย์ Gustawa Stendig-Lindberg MD จากมหาวิทยาลัย Tel Aviv ประเทศอิสราเอลได้กล่าวไว้ว่า "ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนจะมีความหนาแน่นของกระดูกลดลงปีละ ประมาณ 1%แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่ยับยั้งการเสื่อมของความหนาแน่นของกระดูก เพราะแมกนีเซียมทำ หน้าที่เป็นตัวนำพาแคลเซียมเข้าสู่ภายในเซลล์กระดูก และทำหน้าที่เปลี่ยนวิตามินดี ให้อยู่ในรูปที่พร้อม จะออกฤทธิ์ได้ นอกจากนี้แมกนีเซียมเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของเซลล์สร้างกระดูกทั้งยังเป็นเซลล์ที่ทำหน้า ที่เสริมความหนาแน่นและปรับแต่งรูปร่างของกระดูก ล้วนต้องอาศัยแมกนีเซียมในการทำงานทั้งสิ้น การขาดแมกนีเซียมจะทำให้การทำงานของเซลล์หยุดชะงัก เนื่องจากโครงสร้างของกระดูก ซึ่งเป็นอวัยวะที่ต้องทนทานต่อแรงกระแทกจากการกระแทก จากการเคลื่อนไหว และสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา กระดูกที่ดีจึงมีความยืดหยุ่นและทนทาน ร่างกายจึงสะ สมแคลเซียมไว้ในเนื้อกระดูกในรูปแบบของกลุ่มแคลเซียมที่หนาแน่นและไม่เป็นผลึก เราเรียกเป็นผลึก เรา เรียกการสะสมเช่นนี้ว่า อะมอร์ฟัดส์ (Amorphous) เป็นรูปของการสะสมแคลเซียมที่มีความคงทน และยืดหยุ่นดีที่สุด ดังนั้นหากจะต้องเสริมแคลเซียมในปริมาณสูงๆ เพื่อเพิ่มความหนาแน่นกระดูกแล้ว ก็ควรรับประทานแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นด้วย และความเป็นในอัตราส่วน 2:1 จึงจะเพียงพอ
ประโยชน์โดยรวมของแคลเซียม และแมกนีเซ๊ยม
1. ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก ร่างกายสามารถสะสมแคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ช่วยให้กระดูกมีความยืดหยุ่น และทนทานต่อแรงกระแทกที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดี
3. ลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต เนื่องจากการเสริมแคลเซียมในขนาดสูงๆ