รู้ทัน 6 พฤติกรรม ทำร้ายผิว




เผยข้อผิดพลาดที่ผู้หญิงมักเผลอทำกับผิวพรรณ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจากนี้คือวิธีปฏิบัติตน ให้ผิวดีดั่งใจกลับมาเป็นของคุณอีกครั้ง
 

1. โกนขนที่ขาโดยใช้สบู่ หรือสบู่เหลวแทนที่จะเป็นครีมสำหรับการโกนโดยเฉพาะ
ผลที่ตามมา
:  เจลหรือครีมสำหรับโกนขนมีความสำคัญมาก เพราะช่วยให้ใบมีดทำงานได้ไหลลื่น ช่วยลดโอกาสระคาย-เคือง แม้ว่าสบู่หลายยี่ห้อโฆษณาสรรพคุณในการมอบความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเคลือบปกป้องผิวขณะโกนขน จึงอาจส่งผลเสียต่อผิวในภายหลัง
สิ่งที่ขอแนะนำ :  ใช้ครีมสำหรับโกนขนโดยเฉพาะ แต่อย่าเผลอคว้าครีมโกนหนวดของแฟนคุณมาใช้ล่ะ เพราะผิวผู้ชายกับผู้หญิงต่างกัน

2. จู่ๆสิวเม็ดโตก็ปูดออกมาตรงคาง ก็เลยบีบซะ!
ผลที่ตามมา
  :  ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ควรบีบ แคะ หรือแกะสิว เพราะจะยิ่งทำให้สิวเห่อและเกิดแผลเป็น ขณะที่คุณบีบสิว แม้สิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนอย่างฝุ่นละออง ความมัน และเครื่องสำอางจะหลุดออกไปก็จริง แต่เป็นแค่ส่วนน้อย ส่วนที่เหลือยังคงอยู่ภายใต้ผิวหนัง นอกจากนี้การบีบสิวยังทำให้สิวอักเสบลุกลามได้
สิ่งที่ขอแนะนำ :  สิวจัดเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด แต่หากรู้จักวิธีดูแลรักษาอย่างถูกต้อง นอกจากสิวที่เป็นอยู่จะไม่อักเสบ ยังหายเร็วขึ้นอีกด้วย และในระยะนี้ควรงดใช้เครื่องสำอางที่มีผลต่อการทำงานของผิวหนังและต่อมไขมัน เช่น ครีมบำรุงผิว หรือครีมลดเลือนริ้วรอยที่ผสมสเตียรอยด์ (steroid) ไม่ควรให้ผิวถูกรบกวน ไม่ว่าจากการมาสก์หน้าหรือขัดผิว เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบ

3. ไม่สูบบุหรี่ แต่มักอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆ ที่สูบ
ผลที่ตามมา  :
  ควันบุหรี่จากผู้อื่นก่อความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผิวคุณได้ สารเคมีที่มากับควันบุหรี่ เช่น คาร์บอนมอ-นอกไซด์ นิโคติน ฯลฯ แทรกซึมสู่ผิวหนังทางรูขุมขน เมื่อสัมผัสกับเซลล์ในร่างกายจะก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร และทำให้กระบวนการฟื้นฟูตนเองของผิวเสียไป
สิ่งที่ขอแนะนำ :  เลือกสภาพแวดล้อมที่ปราศจากควันบุหรี่และควันพิษต่างๆ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ พยายามอยู่ห่างคนสูบบุหรี่เข้าไว้เช่น ถ้าเป็นในร้านอาหารหรือในผับให้เลือกมุมที่อากาศถ่ายเทสะดวก เช่น โซนสวนด้านนอก หรือที่ระเบียง และเมื่อกลับถึงบ้าน ก็ให้รีบอาบน้ำเพื่อขจัดคราบควันที่ติดอยู่ตามผิวหนังและเส้นผม แล้วใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารแอนติออกซิแดนท์เช่น สารสกัดจากใบชา ใบมะกอก วิตามินซี และอี ฯลฯ ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้

4. ขัดผิวทุกวันแถมบางวันขัดเสียสองสามรอบ
ผลที่ตามมา :
  แม้การขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก แต่หากขัดบ่อยไป หรือทำอย่างไม่บันยะบันยัง ก็นำไปสู่การระคายเคืองได้ เช่น สครับผิวตอนอาบน้ำแล้วก็ยังชโลมโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารเคมีขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพอย่างกรดผลไม้ ตกกลางคืน ทาครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (retinoid) นี่คือตัวอย่างของการใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวถึงสามวิธีในวันเดียว ซึ่งมากไปและจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันปกป้องผิวตามธรรมชาติ นำไปสู่การระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผิวหน้า
สิ่งที่ขอแนะนำ :  ลิมิตตนเองไม่ให้ขัดผิวเกินวันละสองวิธี เช่น ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิว ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ และเรตินอยด์ในวันเดียวกัน อย่าลืมสังเกตส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เพราะบางทีแม้ไม่ได้ระบุว่าเป็น “สครับ” โดยตรง แต่มีคุณสมบัติในการขัดผิว

5. ไม่ค่อยทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า เพราะคิดว่าเราใช้อยู่คนเดียวนี่นา
ผลที่ตามมา :
  แปรงเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งติดมาจากผิวหนังในทุกครั้งที่คุณปัด ถ้าไม่ทำความสะอาด เชื้อโรคที่สะสมอยู่บนแปรงจะซอกซอนเข้าสู่รูขุมขน นำไปสู่การเกิดสิว นอกจากนี้ขนแปรงที่สกปรกยังจับกับเครื่องสำอางได้ไม่ดี ทำให้แต่งหน้าได้ไม่เรียบเนียน
สิ่งที่ขอแนะนำ :  กำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียด้วยการล้างแปรงทุกสัปดาห์ ด้วยแชมพูที่ชำระล้างสารเคมีตกค้างออกได้หมด

6. รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แต่ไม่เปลี่ยนวิธีการดูแลผิว
ผลที่ตามมา  :
  ส่วนผสมบางอย่างในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่คุณสามารถใช้อย่างปลอดภัยตอนไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่อาจเป็นอันตรายต่อทารกหากนำมาใช้ตอนตั้งครรภ์เช่น ผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยที่มีส่วนผสมของเรตินอล (retinol)  และผลิตภัณฑ์กำจัดสิวที่ผสมเบนซอยล์เพอร็อกไซด์  (benzoyl  peroxide)  แม้ไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นอันตรายสำหรับหญิงมีครรภ์ แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ระบุว่าปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์ก็ไม่ควรวางใจ
สิ่งที่ขอแนะนำ :  เปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลมาเป็นส่วนผสมที่ทำจากนมอย่างกรดแล็กติก หรือที่ทำจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรสอบถามแพทย์ทุกครั้ง


Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement