มะเร็งปากมดลูกดูดชีวิตหญิงไทย 14 คน/วัน


ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นเรื่องที่หยุดให้ข้อมูลข่าวสารไม่ได้ เพราะการเกิดโรคยังคงมีให้เห็นอยู่เสมอๆ  ล่าสุด ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ ร่วมให้ความรู้ถึงอันตรายของมะเร็งปากมดลูกแก่นักศึกษาพยาบาล ณ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ในงานเสวนา “มะเร็งปากมดลูก รู้ทันป้องกันได้” โดย โครงการผู้หญิงปกป้องผู้หญิงจากภัยมะเร็งปากมดลูก จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า แม้มีโรคร้ายมากมายที่มากับน้ำท่วม แต่ยังมีอีกหลายโรคที่ไม่ได้มากับน้ำท่วมและไม่ควรมองข้าม หนึ่งในนั้นคือ โรคมะเร็งปากมดลูกซึ่งเป็นมะเร็งที่ทำให้ผู้หญิงไทยเสียชีวิตมากที่สุด จากสถิติพบว่าทุกวันมีผู้หญิงไทยเสียชีวิตถึง 14 คน หรือในขณะที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ 30 วัน มีผู้หญิงไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกสูงถึง 420 คน จึงอยากให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาป้องกันตัวเองจากมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่วันนี้

สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ เผยว่า ร้อยละ 99 มาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเชื้อชนิดนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสผิวหนังภายนอก ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้มีสามีเดียว ซึ่งเป็นที่น่าวิตกว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุต่ำกว่าชาวตะวันตก ในอดีตผู้หญิงไทยเริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุ 16 ปี เด็กฝรั่งเริ่มมีอายุ 13 ปี แต่ปัจจุบันสลับกันผู้หญิงไทยเริ่มมีตั้งแต่ 13 ปี ขณะเด็กฝรั่งเริ่มมีตอน 16 ปี อีกทั้งผู้หญิงส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า “เมื่อรักกันได้ มีเพศสัมพันธ์ได้ ก็เลิกกันได้ และหารักใหม่ได้เช่นกัน” ทำให้ผู้หญิงไทยมีความเสี่ยงและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้นเรื่อย ๆ

การมีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวก็เสี่ยงรับเชื้อเอชพีวี ฉะนั้นการเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองให้ห่างไกลมะเร็งปากมดลูกหรือลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชพีวีเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้แก่  งดการมีเพศสัมพันธ์ การมีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย หากไม่สามารถเลี่ยงได้ ต้องรู้จักป้องกันตัวเอง ซึ่งดีที่สุดควรทำ 2 วิธีร่วมกันคือ  การตรวจคัดกรอง (แพ็ปสเมียร์) คือ ตรวจดูเซลล์ปากมดลูกซึ่งอาจมีความผิดปกติจากการติดเชื้อเอชพีวีมาจากอดีต หากตรวจพบต้องรีบรักษา ก่อนเซลล์ที่ผิดปกติจะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง และ การฉีดวัคซีนเอชพีวี ป้องกันไม่ให้เชื้อเอชพีวีเข้าสู่เซลล์ปากมดลูก เป็นการป้องกันเพื่ออนาคต เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็งสายพันธุ์หลัก 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุร้อยละ 70 ของเชื้อเอชพีวีที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก

“มะเร็งปากมดลูกไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงระยะลุกลาม และผู้หญิงไม่สามารถตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเองเหมือนมะเร็งเต้านม เมื่อไม่มีอาการหรือสัญญาณอันตรายใด ๆ ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่ชะล่าใจ ละเลยการตรวจโรค รวมถึงอายที่จะไปตรวจ ส่งผลให้มะเร็งปากมดลูก มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดของมะเร็งในสตรี มากกว่ามะเร็งเต้านมที่แม้จะพบผู้ป่วยมาก แต่อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่ามะเร็งปากมดลูก การตรวจแพ็ปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอร่วมกับฉีดวัคซีนจึงมีความจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน ถึงแม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงก็ตาม เริ่มป้องกันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อตัวคุณและคนที่คุณรักจะได้ไม่ต้องกลายเป็นหนึ่งในสถิติของผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก” ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าว.

ขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์


Tag :




แสดงความคิดเห็น






เกิดข้อผิดพลาดในการดึงข้อมูล: Unknown column 'images' in 'where clause'

Pooyingnaka Quiz


Advertisement