หากต้องการให้ลูกหลานเติบโตอย่างแข็งแรง มีสุขภาพดี ฉลาด เรียนรู้โลกได้อย่างเต็มที่ ควรปฏิบัติดังนี้
1. อย่าให้กินแต่ขนมหวาน หรือกินอาหารขยะ
เรารู้กันว่า ขนมกับเด็กเป็นของคู่กัน จนขนมหวานของกินเล่นสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นอาหารขยะถูกผลิตออกมาเต็มตลาด แถมโฑษณาแข่งขันกันโครมคราม ทำให้ทุกวันนี้เด็กของเรากินของหวานและอาหารขยะจนป่วย
อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เด็กของเราอ้วน เนื่องจากได้อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่เป็นพลังงานเปล่าล้นเกิน น้ำหวาน ขนมหวานที่กินเข้าไปเป็นสาเหตุทำให้น้ำตาลในตัวของเด็กล้นเกิน ร่างกายใช้ไม่หมด พลังงานเปล่าเหล่านี้จึงถุกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง
อาหารที่ผลิตออกมาโดยระบบอุตสาหกรรมมีสารปนเปื้อนเสมอ เพราะเขาต้องใส่สารกันบูด กันเสีย แต่งสี แต่งกลิ่น ปรุงรสให้น่ากิน แถมด้วยผงชูรสเพื่อหลอกตุ่มรับรสที่ลิ้นว่าอร่อย สารเคมีเหล่านี้เป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้ด้วย
ดังนั้น หากไม่อยากให้ลูกหลานอ้วน และมีสุขภาพที่ดี จำเป็นต้องงดอาหารขยะเสีย แต่เด็กต้องการอาหารว่าง เปลี่ยนมาเป็นผลไม้สด ผลไม้แห้ง น้ำผลไม้คั้นสด ขนมแบบไทยๆโบราณ ที่ไม่ใส่สารเคมี จะดีกับสุขภาพของลูกหลานของเรามากกว่า
2.อย่าให้ดื่มแต่นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนมวัว
มีคนจำนวนหนึ่งเข้าใจเอาเองว่า "นมวัว" คือ สุดยอดอาหารสุขภาพสำหรับเด็ก นี่อาจจะเป็นเพราะเราฟังแต่โฆษณามากเกินไป ที่จริงนมวัวก็คือ แหล่งโปรตีนชนิดหนึ่ง ไม่ได้ดีไปกว่าไข่ไก่ ปลา หรือเนื้อสัตว์อื่นแต่อย่างใด ที่ว่านมวัวเป็นแหล่งแคลเซียมนั้นอาจจะจริง แต่ว่านมวัวมีแคลเซียมนิดเดียวหรอกนะ สู้แคลเซียมในปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง งาดำ เต้าหู้ ที่ไม่มีใครโฆษณาให้ไม่ได้ แบบไม่เห็นฝุ่น
ทุกวันนี้เรารู้จักอีกด้านหนึ่งของนมวัวว่าเป็นผลร้ายต่อสุขภาพด้วยซ้ำ เพราะเด็กไทยครึ่งหนึ่งแพ้นมวัว นมวัวทำให้เด็กแพ้อากาศและมีผื่นแพ้ที่ผิวหนัง เด็กกลุ่มนี้มักจะต้องหาหมอทุกเดือน บางคนป่วยทุกสัปดาห์ด้วยซ้ำ
อาการป่วยเรื้อรังทำให้เด็กต้องใช้ยาต้านฮีสตามีน ซึ่งทำให้เด็กเบื่ออาหาร กินไม่ได้ ผู้ใหญ่กังวลก็เลยพยายามบังคับให้ลูกหลานกินนมเข้าไป เพราะคิดว่านมยังดีกว่าไม่ได้อาหารอื่น ก็เลยยิ่งทำให้อาการแพ้ของเด็กกำเริบขึ้นอีก วนเวียนเป็นวัฏจักรแห่งความเจ็บป่วยอยู่อย่างนี้ แล้วเด็กของเราจะโต และแข็งแรงได้อย่างไร
หากลูกหลานของใครเป็นภูมิแพ้ ลองงดนมวัวและผลิตภัณฑ์ที่มีนมวัวผสมอยู่ทุกชนิด ลองดูสัก 2-3 เดือนซิจะพบว่าเด็กบางรายก็หายขาดจากภูมิแพ้ไปเลย
แล้วจะให้เด็กกินอะไรแทนนมดี...นี่คือ คำถามยอดนิยม คำตอบคือ กินนมถั่วเหลืองที่มีแคลเซียมสูงแทนก็ได้ กินไข่เพื่อเด็กจะได้โปรตีนร่วมกับการกินงาดำ หรือปลาเล็กปลาน้อย เพื่อจะได้แคลเซียมก็ได้ เด็กจะโตเร็วกว่าฝืนกินนมวัวด้วยซ้ำ
3.ให้กินข้าวกล้อง ผักสด และผลไม้สด
เด็กก็เหมือนผู้ใหญ่ อาหารจำเป็นที่จะทำให้เด็กมีสุขภาพดีหนีไม่พ้น ข้าวกล้อง ผักสด และผลไม้สด เนื่องจากอาหารธรรมชาติดังกล่าว เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ และไฟโตนิวเตรียนท์ นี่คือสารจำเป็นสำหรับภูมิต้านทานที่ดี จำเป็นที่จะทำให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ
การเติบโตของเด็กก็เหมือนกับการสร้างบ้าน วัสดุที่เราเอามาก่อสร้างนั้นมีความสำคัญยิ่ง เพราะถ้าเด็กกินแต่อาหารขยะ ร่างกายที่เปรียบเป็นบ้านของลูกหลานเราก็จะเป็นเช่นบ้านในสลัมที่ถุกพายุฝนกระหน่ำ ไม่กี่ทีบ้านก็ล้มพังลง
4. ให้เด็กเล่น ออกกำลังกาย อย่าให้เรียนอย่างเดียว
การออกกำลังกายมีความจำเป็นต่อความแข็งแรง การออกกำลังกายของเด็กก็คือการเล่น แต่น่าเสียดายที่เด็กทุกวันนี้ไม่มีโอกาสได้เล่น เพราะเราอยู่แออัดมากขึ้น สนามเด็กเล่นน้อยลง อาจจะเพราะกิจกรรมในการเรียนทั้งจากโรงเรียน และที่พ่อแม่จัดหาให้ มากเกินไป จนเด็กไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง
5.สอนให้รู้จักหาความรู้นอกตำราเรียน
โดยหาข้อมูลจากการอ่านหนังสือ หรือหาความรู้จากการท่องโลกไอทีก็ได้ อย่าเอาแต่นั่งดูโทรทัศน์ หรือเล่นแต่เกม
ดูแล้วไม่ยากเท่าไหร่เลยนะคะ เพื่อแลกกับสุขภาพที่ดีของเด็กๆคุณพ่อคุณแม่ลองทำไปด้วย ปรับเลี่ยนอาหารการกินเล็กๆน้อยๆ ซื้อข้าวกล้องติดบ้านไว้ ซื้อผักผลไม้ใส่ตู้เย็นแทนที่จะซื้อขนมถุงกรุบกรอบ วันหยุดก็พาลูกๆออกไปเที่ยวเล่น นั่งปิคนิคตามสวนต่างๆ เด็กๆจะได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้ทั้งสุขภาพที่ดี และความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวด้วยค่ะ
ขอบคุณ ที่มา : คอลัมน์เพื่อชีวิตและสุขภาพ หนังสือขวัญเรือน โดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ