สาวๆจ๋า มารู้จัก PIPA และ SOPA กันเถอะ




คุ้นๆอยู่ใช่ไหมคะว่า ช่วงอาทิตย์ที่แล้วจนกระทั่งวันนี้ ใครต่อใครพากันพูดถึง PIPA กับ SOPA กันทั่วบ้านทั่วเมือง แถมบางเวปไซด์ยังมีการออกมาประท้วงกันอีก แล้วมันคืออะไร จะส่งผลถึงชีวิตเราไหม ผู้หญิงสวยๆอย่างเราต้องรู้ไว้ซะหน่อยค่ะ

SOPA และ PIPA คืออะไร?

SOPA ย่อมาจาก Stop Online Piracy Act และ PIPA มาจาก Protect Intellectual Property Act ซึ่งถ้าแปลจากตัวก็คือบัญญัติกฏหมายป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์และบัญญัติปกป้องทรัพย์สินทางปัญญานั่นเอง โดยร่างกฏหมายดังกล่าวนั้นใกล้เข้าสู่การประกาศใช้ในสหรัฐอเมริกา ตัวร่างกฏหมายนั่นมีเป้าหมายที่จะทำการปราบปรามการเผยแพร่คอนเทนต์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์โดยเว็บไซต์ต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจการบังคับคดีของสหรัฐอเมริกา ผลของกฏหมายหมายดังกล่าวจะมอบอำนาจให้เกิดกระบวนการควบคุมการเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านี้ รวมทั้งการตัดการสนับสนุนทางด้านการเงินอื่นๆ


การประท้วงของเวปไซด์ Wikipedia



ถ้าพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ แล้ว ก็หมายถึงว่าเว็บไซต์ต่างประเทศที่มีการนำเนื้อหาและคอนเทนต์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของสหรัฐจะสามารถถูกสั่งบล็อคที่นอกจากจะทำการเข้าไปดูไม่ได้แล้ว จะรวมไปถึงการ search หาข้อมูลและการเซ็นเซอร์ห้ามเผยแพร่ผ่านออนไลน์ ตลอดจนการห้ามให้บริการพวก advertisement และวิธีการสร้างรายได้อื่นๆ (เช่น Adwords, Affiliate Program เป็นต้น)

เจ้านี่คือ พ.ร.บ. ที่เหล่าผู้ประกอบการธุรกิจสื่อในสหรัฐพยายามเข็นให้ออกมาให้ได้ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนก็มี MPAA (Motion Picture Association of America), บรรดาพวกอุตสาหกรรมเพลง และที่สำคัญที่สุดก็คือ หอการค้าสหรัฐ (U.S. Chamber of Commerce) ด้วย … เหตุผลคือ ธุรกิจพวกนี้สูญเสียรายได้จากการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือเพลง เลยทำให้ต้องล็อบบี้กันอย่างเต็มพิกัด โดยที่กลุ่มธุรกิจที่ให้การสนับนี้ทุ่มทุนอย่างแรงในการสนับสนุนเงินทุนเพื่อล็อบบี้ให้ พ.ร.บ. นี้แจ้งเกิดได้ โดยในปี พ.ศ. 2553 ลงทุนไป 185.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 94 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี พ.ศ. 2554  ทิ้งกันแบบไม่เห็นฝุ่นกับงบล็อบบี้ของฝั่งบริษัทด้านเทคโนโลยี (ตามกราฟด้านล่าง : ข้อมูลจาก Politico.com)





ประท้วงทำไม?

ผู้ประท้วงเชื่อว่า SOPA และ PIPA นั้นมีการร่างโดยใช้คำที่คลุมเครือ รวมทั้งการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ซึ่งนำไปสู่การเซ็นเซอร์ที่ไม่เป็นธรรมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปิดกั้นการสร้างนวัตกรรมออนไลน์ใหม่ๆ รวมทั้งการใช้ SOPA/PIPA เป็นเครื่องมือโจมตีเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่รู้เท่าทันและกลายเป็นเหยื่อของกฏหมาย

พูดง่ายก็คือ มันจะส่งผลกับคนธรรมดาอย่างเราๆให้ไม่สามารถเสิร์จหาข้อมูลจากGoogle หรือเข้าไปคุยกับเพื่อนๆในFacebook แบบปกติที่ทำกันอยู่ได้ เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนับสนุนร่างกฏหมาย SOPA / PIPA กลับมองว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงหรือหลักฐานที่มารองรับแต่อย่างใด


การคาดแถบสีดำประท้วงของเวปไซด์ Google

ใครบ้างที่ประท้วง?

นอกจาก Wikipedia และเว็บไซต์อีกมากกว่า 7,000 เว็บไซต์ที่ทำทำการ Blackout ไปแล้ว เว็บไซต์ Search Engine อย่าง Google เองก็ยังร่วมการประท้วงกับเขาด้วยโดยมีการขึ้นลิงค์ในการบอก “Tell Congress: Please don’t censor the web!” ในหน้า Search อีกด้วย

แต่รายชื่อเต็มๆ อัพเดตล่าสุด สามารถดูได้จากเว็บ net-coalition.com  จะเห็นว่ามีทั้งบริษัทห้างร้าน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ กลุ่มองค์กร ภาคธุรกิจ เว็บข่าวเว็บบริการ องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน บุคคลต่างๆ มากมายเลยทีเดียว

ถ้าเจ้ากฎหมายใหม่ 2 ฉบับนี้เกิดผ่านสภาของสหรัฐขึ้นมาจริงๆ คงต้องส่งผลกับพวกเราทุกๆคนอย่างมหาศาล แบบที่เราคงต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตกันเลยทีเดียว 






Tag :




แสดงความคิดเห็น






Content-Seo


Advertisement