10 เคล็ดลับเสริมสุขภาพ เพื่อความ 'เฮง' รับปีมังกรทอง


หลายๆ คนมักเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ โละทิ้งอุปนิสัยเก่าๆ ที่แย่ๆ  เพื่อชีวิตใหม่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น  โดยกำหนดข้อปฏิบัติและข้อห้ามต่างๆ พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า จะดูแลเอาใจใส่ตัวเองให้ดีขึ้นในปีใหม่นี้

แต่ข้อปฏิบัติและข้อห้ามเหล่านั้นจะเกิดผลอย่างเต็มที่ ก็ต่อเมื่อเราปฏิบัติตามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นง่ายๆ จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เราสามารถทำได้ทุกวัน เพื่อให้เราทำได้อย่างเคยชิน และให้ประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของเราโดยตรง  สำหรับในปี 2555 นี้ ลองมาดูกันดีกว่าว่า มีข้อปฏิบัติที่จะทำให้เราเริ่มต้นชีวิตในปีใหม่นี้อย่างแข็งแรง และมีสุขภาพดีได้อย่างไรกันบ้าง

1. รับประทานอาหารเช้า “ทุกเช้า” 
อย่างที่ทราบกันดีว่า “อาหารเช้า” คือ ขุมพลังสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ของทุกคน
สังเกตง่ายๆ ว่าใครที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน จะมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากนี้ “อาหารเช้า” ยังช่วยทำให้สมองแจ่มใสและมีสมาธิในการทำงาน เพราะสมองต้องการพลังงานในตอนเช้า หลังจากที่ไม่ได้รับอาหารมาตลอดคืน


2. ขยับกาย... สบายชีวิต
นอกจากการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำแล้ว “การกระตุ้นให้ร่างกายเคลื่อนไหวอยู่เสมอ” จะทำให้เกิดการใช้พลังงานเพิ่มเติม เช่น การเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ การเดินหรือปั่นจักรยานแทนการนั่งรถ การเดินไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแทนการใช้อีเมล์ หรือโทรศัพท์ภายใน เช่นนี้แล้ว เรามาขยับ..ขยับ..กันเถอะ

 

3. อย่าเพลินหม่ำขณะอยู่หน้าจอโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ 
ช่วงเวลา “เพลิน– เพลิน” คือ ช่วงเวลาที่เราได้พักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นการดูรายการโทรทัศน์เรื่องโปรด
ดูภาพยนตร์เรื่องดัง หรือแม้กระทั่งดูรายการต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่ามักจะเกิดการกิน
ในช่วง “เพลิน– เพลิน” ซึ่งนอกจากจะทำให้เราไม่ใส่ใจกับการรับประทานอาหารแล้ว ยังก่อให้เกิด
การรับประทานอาหารมากเกินไป จนทำให้เกิด ‘โรคอ้วน’ ในที่สุดอีกด้วย 

4.  อย่ารับประทานอาหารระหว่างเดินทาง
การรับประทานอาหารที่ช่วยให้ระบบเผาผลาญและการย่อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คือ “การนั่งรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม” ซึ่งการรับประทานอาหารระหว่างเดินทาง หรือแม้กระทั่งการรับประทานอาหารในขณะที่นั่งรถ หรือระหว่างการแต่งตัวในตอนเช้า นอกจากจะไม่สร้างความสุขในการรับประทานแล้ว ยังยากต่อการประเมินปริมาณและคุณค่าอาหารที่รับประทานในช่วงนั้นๆ ด้วย



 

5. “แคลอรี่ที่เพิ่มขึ้น” เกิดจาก “เครื่องดื่ม” ที่เราคาดไม่ถึง
ใครจะรู้ว่า “เครื่องดื่ม” จะทำให้เราได้รับแคลอรี่ที่ไม่ต้องการได้ การป้องกันง่ายๆ คือ เลือกดื่มเครื่องดื่มที่ปลอดแคลอรี่ และเราควรได้รับแคลอรี่จากการรับประทานอาหารเท่านั้น

6. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
กลไกในร่างกายส่วนใหญ่ต้องการน้ำเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เรามักดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เราจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วหรือใช้วิธีวางแก้วน้ำไว้ใกล้ตัว เพื่อยกขึ้นจิบได้ตลอดวัน 

 

 

7. “โปรตีน” สารอาหารหลักที่ทำให้อิ่มได้นาน...
ในการรับประทานอาหารทุกมื้อเราควรให้ความสำคัญกับ “โปรตีน” เป็นสารอาหารหลัก เนื่องจากโปรตีนช่วยดับความหิวได้ดีกว่าไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต และเราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น โยเกิร์ต ถั่ว ธัญพืชที่มีโปรตีนสูง โปรตีนเชค เนยแข็งและทูน่า เป็นส่วนประกอบสำหรับอาหารว่าง

8. รับประทาน “ผลไม้และผัก” ทุกมื้อ
ผลไม้และผักจะให้สารอาหารที่มีประโยชน์มากมายแต่ให้แคลอรี่ต่ำที่สุด อีกทั้งยังอุดมด้วยน้ำและไฟเบอร์ ทำให้เรารู้สึกอิ่มท้องได้โดยไม่มีไขมันส่วนเกิน

 

9. “อดมื้อ – กินมื้อ” เหตุหลักของน้ำหนักเพิ่ม
รู้หรือไม่..“การอดมื้อ – กินมื้อ” จะทำให้เรารับประทานอาหารเพิ่มขึ้นในมื้อถัดไปแบบไม่รู้ตัว เพราะร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อมาชดเชย จากการที่เรางดอาหารในมื้อที่ผ่านมา ดังนั้น “การอดมื้อ – กินมื้อ” จึงไม่ใช่วิธีการควบคุมแคลอรี่ที่ได้ผล ทางที่ดีเราควรบริโภคอาหารหรือของว่างในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้งจะดีกว่า

10. กีฬา – กีฬา คือ ยาวิเศษ
“การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ” จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าปกติ ซึ่ง “การออกกำลังกาย” จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเหล่านั้น (Strength training) นอกจากนี้ การออกกำลังกายจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย
อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และเสริมสร้างอัตราเผาผลาญในร่างกายระหว่างการพักผ่อน (Resting metabolic rate) มากขึ้น        

 














































































































โดย : โภชนากรซูซาน  โบเวอร์แมน
ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด

Tag :




แสดงความคิดเห็น






Content-Seo


Advertisement