ถ้าพูดถึงน้ำผึ้ง คงไม่มีใครไม่รู้จักใช่มั้ยคะ ยิ่งพูดถึงความหอม ความหวานที่เราได้รับจากน้ำผึ้งด้วยแล้ว อาจทำให้หลายๆคนสงสัยกันว่า เราจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการทานน้ำผึ้ง
หลายคนคงคิดไม่ถึงใช่มั้ยคะว่าน้ำผึ้งนอกจากจะนำมาผสมกับเครื่องดื่มทานได้แล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ด้านการบำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอย กระชับและประทินผิวไม่ให้แห้งแล้ว ยังสามารถรักษาบาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัด และรักษาโรคต่างๆได้อีกด้วย ในน้ำผึ้งนั้นไม่มีอะไรที่เป็นโทษกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตใดๆเลย นอกเสียจากว่าเราจะรับประทานในปริมาณที่มากเกินพอดี เรามาพูดถึงประโยชน์ที่เราจะได้รับจากน้ำผึ้งกันดีกว่าค่ะ
ด้านการรักษาโรค
น้ำผึ้งสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะพักฟื้น บำรุงประสาทและสมองให้สดชื่นแจ่มใส ช่วยระงับประสาท อาการหงุดหงิด นอนไม่หลับ แก้ตะคริว ลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยให้อาหารย่อยดีขึ้น ท้องไม่ผูก แก้ความดันโลหิตสูง
บำรุงเลือด แก้โรคโลหิตจาง โดยการเทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซึก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือดเนื่องจากน้ำผึ้งมีธาตุเหล็กซึ่งเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบิน ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดง
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียด้วย ดังนั้นเมื่อเราใช้น้ำผึ้งทาบาดแผลจึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้และทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบ หากมีบาดแผลหรือแผลถลอก ให้ล้างด้วยน้ำเบกกิ้งโซดา หรืออบเชย ชาเสจ ชาใบผักชี (ที่เย็นแล้ว) ซึ่งมีสรรพคุณฆ่าเชื้อทั้งสิ้น อาจใช้ชาดำธรรมดา น้ำมันหอม และน้ำมันกระเทียมช่วยล้างด้วยเพื่อห้ามเลือด จากนั้นทาน้ำผึ้งสะอาดบนแผล น้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
ในวงการแพทย์ไทยเคยสาธิตการใช้น้ำผึ้งในการรักษาบาดแผลจากการผ่าตัดให้กับคนไข้จนเป็น ที่กล่าวขานกันมาแล้ว ในการผ่าตัดหน้าท้องของคนไข้คุณหมอใช้น้ำผึ้งแท้ที่คัดสรรมาแล้วว่า สะอาดไม่มีเชื้อโรคปนเปื้อนมาทำการทาที่บริเวณบาดแผลผ่าตัด จากนั้นก็ทำการปิดแผลไว้และ ทำการชะล้างแผลด้วยน้ำผึ้งจนแผลหายสนิท
รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา ใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณกลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้ง
ต้านข้ออักเสบ ผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้ง
ตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แนะนำว่าไม่ควรกินน้ำผึ้งแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลย เช่น คนที่ดีพิการ คือ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง นอนสะดุ้งผวา, เสมหะพิการ คือมีเสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก, คนที่น้ำเหลืองเสีย มีฝีพุพอง ตุ่มหนอง หรือโรคครุฑราชต่างๆ
ด้านอาหาร
เราอาจคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ในการนำน้ำผึ้งมาผสมกับเครื่องดื่มเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอ โดยการผสมน้ำผึ้ง 3 - 4 ส่วนกับน้ำมะนาว 1 ส่วน ควรเคี่ยวน้ำผึ้งบนเตาไฟให้เดือดก่อน เมื่อปล่อยให้เย็นแล้วค่อยเติมน้ำมะนาวลงไป สามารถเก็บใส่ขวด แบ่งจิบแก้ไอได้บ่อย ๆ เหมาะสำหรับคนทุกวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้ที่มีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย นอกจากใช้แก้ไอแล้ว ยังให้พลังงานแก่ร่างกายแทนข้าวได้อีกด้วย ในผู้ที่รักษาสุขภาพมักใช้น้ำผึ้งผสมในน้ำชาหรือกาแฟ แทนการใช้น้ำตาล
สำหรับผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ลองผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นหรือนมร้อนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น การทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ก็ช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
จากคุณประโยชน์ของน้ำผึ้ง รวมทั้งความหวานจากธรรมชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงนิยมนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมในการเพิ่มคุณค่าและรสชาติให้อาหาร เช่น ผสมในขนมอบและขนมหวานต่าง ๆ คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของน้ำผึ้งใน
ขนมปัง คือ น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งมีคุณสมบัติดึงความชื้นไว้ได้นาน ดังนั้นขนมปังหรือขนมที่ผสมน้ำผึ้งจะนิ่มอยู่นานกว่าใช้น้ำตาลทรายธรรมดา หลังจากนำออกจากเตาอบแล้ว
หากจะปรับสมดุลของร่างกายและควบคุมน้ำหนัก แนะนำให้นำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้
ด้านความงาม
- ใช้น้ำผึ้งผสมกับขมิ้นชันพอกหน้า ( อัตราส่วน น้ำผึ้ง : ขมิ้นชัน 80 : 20 ) ซึ่งจะมีผลทำให้ผิวหน้าเต่งตึง กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ควรทำอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการเพิ่มสุขภาพที่ดีให้กับผิวหน้า
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ คือ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
- เพื่อผมที่เงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งที่ไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ
ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี
1.มีความข้นและหนืดพอสมควรซึ่งแสดงว่าน้ำผึ้งมีน้ำน้อย มีคุณภาพสูง
2.มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
3.มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งตามชนิดของดอกไม้นั้นๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่
4.ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุแขวนลอยต่างๆ
5.ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
6.ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใดๆ ลงในน้ำผึ้ง
7.การหยดน้ำผึ้งใส่กระดาษไข ถ้าเป็นของแท้จะไม่ซึมแน่นอน
8.ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา สังเกตการละลายถ้าเป็นนํ้าผึ้งแท้เมื่อคนให้เข้ากันจะไม่ละลายในทันที
บทความโดย wan weera