ทราบหรือไม่คะว่าในลูกเกดแห้งๆ อาหารว่างธรรมดาที่หาได้ง่ายทั่วไป มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของเรา เพราะว่า...
- ในลูกเกดไม่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล
- มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ เป็นอาหารชะลอความแก่ที่ดี (โดยเฉพาะต่อสาวๆอย่างเรา)
- มีน้ำตาลฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยว (monosaccharide) ซึ่งอยู่ในรูปที่สามารถดูดซึมได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เด็ก และบุคคลทุกวัย ผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มไม่มากเท่ากับแป้ง และน้ำตาลทราย ในพลังงานที่เท่ากัน
- มีธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม สูงกว่าองุ่นประมาณ 7 เท่า
- มีแร่ธาตุและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพคือ มีวิตตามิน A , วิตามิน C ,ธาตุเหล็ก , แคลเซี่ยม ,โปรแตสเซี่ยม , แมกนีเซียม ไนอาซิน โฟลาซิน และไฟเบอร์สูงช่วยในการขับถ่าย
- สามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและไฟเบอร์ให้กับอาหารจานโปรดของคุณได้ง่ายดาย เพียงเติมลูกเกดลงไป ไม่ว่าจะเป็นอาหารหวาร หรืออาหารคาวก็ตาม
- ช่วยต่อต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเหงือกและโรคฟันผุ จากงานวิจัยของ วิทยาลัย ทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Illinois แห่ง Chicago, USA. พบว่า พฤกษเคมี (Phytochemical) ในลูกเกดสามารถใช้ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากบางสายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดโรคในช่องปากได้ (ด้วยเหตุนี้เมื่อใส่ลูกเกดในขนมหวาน จะช่วยยืดอายุของขนมหวานนั้นได้มากกว่าปกติ)
ข้อมูลนี้ ตรงข้ามกับความเข้าใจของผู้คนว่า ลูกเกดนั้นเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคฟันผุ ลูกเกดนั้นมีความหวาน และเหนียว อาหารที่มีความหวานและมีน้ำตาลจะถูกคิดว่าเป็นอาหารที่จะก่อให้เกิดโรคฟันผุ แต่ผลงานวิจัยที่ได้เป็นไปในทางตรงกันข้าม พฤกษเคมี ที่พบในลูกเกดนั้นเป็นประโยชน์กับสุขภาพในช่องปาก โดยต่อต้าน แบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดโรคเหงือก และ โรคฟันผุ
ทราบแบบนี้แล้ว ลองหาลูกเกดไว้เป็นของทานเล่นใกล้ๆมือสักหน่อยไหมคะ ? แต่มีคำแนะนำในการเลือกซื้ออยู่เล็กน้อยนะคะ
ลักษณะของลูกเกดที่ดี
1.มีสีและกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ไร้สารปรุงแต่ง และตากแห้งโดยแสงแดดจากธรรมชาติ
2.รสสัมผัสนุ่มนวล ให้ความรู้สึกหนุบหนับเวลาเคี้ยว และไม่มีเมล็ด
3.มีความชื้นต่ำ ทำให้คงคุณค่าได้นาน ไม่เสียง่าย
4.ปลอดจากสารเคมีใดๆในทุกขั้นตอนการผลิต
5.มีระบบการเก็บเกี่ยวที่มีคุณภาพจากไร่ที่มีมาตรฐานสูง
6.อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีระบบขนส่งที่ปลอดภัยทุกขั้นตอน
เมนูอาหารจากลูกเกด โดย เชฟ นาธาน มิทเชล สแตมป์(ปัจจุบันเป็น รองศาสตราจารย์ด้านเบเกอรี่ มหาวิทยาลัย จอห์นสัน แอนด์ เวลส์ ,โรดไอส์แลนด์ ,สหรัฐอเมริกา)
คุกกี้ข้าวโอ๊ตลูกเกด
ส่วนผสม (สำหรับคุ๊กกี้ 70 ชิ้น ชิ้นละ 90 กรัม ซึ่งคุณสามารถใช้เวลาว่างทำเตรียมไว้ แล้วแช่ส่วนผสมที่เตรียมเสร็จแล้วในตู้เย็นได้นานค่ะ)
เนยจืด 890 กรัม
น้ำตาลทรายแดง 1000 กรัม
น้ำตาลทรายขาว 890 กรัม
เกลือ 14 กรัม
ผงอบเชย 30 กรัม
ไข่ไก่ 390 กรัม
วานิลลา 30 กรัม
แป้งขนมปัง 890 กรัม
ข้าวโอ๊ตเม็ดแบน 1230 กรัม
ผงฟู 14 กรัม
ลูกเกดแคลิฟอร์เนีย 900 กรัม
วิธีทำ
1. ใส่เนย(อุณหภูมิห้อง-ค่อนข้างเย็น) น้ำตาล(ขาว+แดง) เกลือ และผงอบเชยลงในโถผสมอาหาร ตีด้วยหัวตีใบพายความเร้วต่ำ-ปานกลาง ประมาณ 3-4 นาที แล้วปาดอ่าง
2. ผสมไข่และวานิลลาเข้าด้วยกัน แล้วเทไข่ลงในส่วนผสมทีละฟอง ตีให้เข้ากัน แล้วจึงเทฟองถัดไปจนหมด
3. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดี หยุดเครื่องแล้วใช้พายยางปาดอ่างให้แน่ใจว่าส่วนผสมเข้ากันเนียนดี
4. เติมแป้ง ข้าวโอ๊ต และผงฟู เข้าด้วยกันในชาม แล้วเททั้งหมดลงในอ่างผสม พร้อมด้วยลูกเกด ตีด้วยความเร็วต่ำสุด 1-2 นาที จนส่วนผสมดูเปียกทั่ว เข้ากันหมด
5. ใช้ช้อน หรือที่ตักไอศกรีมตักแบ่งคุกกี้ออกเป็นก้อนๆ เพื่อประโยชน์ในการอบสุกพร้อมกัน
6. เรียงก้อนคุกกี้ลงบนกระดาษรองอบแล้วกดให้แบนเล็กน้อย เข้าอบที่ อุณหภูมิ 177 อาศาเซลเซียส ประมาณ 12-13 นาที หรือยังสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน เมื่อจะทานจึงเอาออกมาอบใหม่ๆ เสิร์ฟร้อนๆค่ะ
บทความโดย jaja wean ผู้หญิงนะคะดอทคอม
ขอบคุณ Raisin Administrative Committee