เราต่างเป็นแม่และลูกของใครคนหนึ่ง : เขียนโดย – ปะการัง –



คุณเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ ในวันที่ลมแรง ทุกสิ่งทุกอย่างดูหม่นหมองเลวร้าย ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ไม่มีข่าวดีให้ชื่นใจสักอย่างเดียว

ผมจำเย็นวันหนึ่งได้เมื่อหลายปีก่อน ขณะยังทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา วันนั้นผมกลับเข้าออฟฟิศด้วยความเหนื่อยหน่าย พร้อมกับพกความผิดหวังมาตลอดวัน เมื่อนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ผมรีบเช็คข้อความที่มีคนฝากไว้ในโทรศัพท์ทันที ด้วยหวังว่าจะมีข่าวดีจากลูกค้าสักราย แต่ปรากฏว่าเป็นเสียงของคุณยายคนหนึ่ง - -

"ฮัลโหล...คุณหมอเจฟฟ์หรือคะ ดิฉันมาร์ธานะคะ ดิฉันรู้สึกไม่สบายมากค่ะ ยาที่คุณหมอจัดมาให้ หมดแล้วนะคะ ดิฉันต้องการยาด่วนพรุ่งนี้ค่ะ...ช่วยโทร.กลับดิฉัน ที่เบอร์นี้...ด้วยนะคะ..."

ปกติการฝากข้อความที่เกิดจากการโทร.ผิด ผมมักจะลบทิ้งไปทันที แต่สำหรับกรณีของคุณยาย ผมกลับรู้สึกเป็นห่วงลึกๆในใจ - - ผมนึกถึงคุณแม่ของผม หากอยู่ในสภาพนี้ คงต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคนเหมือนกัน ผมจึงโทร.กลับไปบอกคุณยายว่าได้โทร.ผิดมาที่ผม แล้วย้ำว่าข้อความที่ฝากไว้นั้น-ยังไม่ถึงมือคุณหมอ คุณยายต้องโทร.กลับไปใหม่นะครับ ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ยาตามที่ต้องการ-ผมพยายามอธิบายให้คุณยายฟังช้าๆ เหมือนกำลังบอกแม่ตัวเอง


คุณยายรู้สึกงงในตอนแรก แต่เมื่อเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็รีบขอบอกขอบใจผมเป็นการใหญ่ ที่อุตส่าห์มีน้ำใจโทร.กลับไปบอก ผมเดาว่าคุณยายคงนั่งรอโทรศัพท์ด้วยใจจดจ่อ เหงาๆตามลำพังมาทั้งวัน น้ำเสียงจึงบ่งบอกถึงความตื่นเต้นยินดีเป็นพิเศษที่ได้พูดกับผม แม้จะไม่ใช่โทรศัพท์จากคุณหมอก็ตาม - -

เช่นเดียวกัน การได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นจากใครคนหนึ่ง ทำให้ผมรู้สึกดีใจที่ไม่ได้ลบข้อความนั้นทิ้งไป...ผมกล่าว-God bless you-ก่อนจะวางหูโทรศัพท์

คุณเชื่อไหม วันที่ฟ้าไม่เป็นใจ วันที่ลมแรง ที่ดูเหมือนจะจบลงด้วยความหม่นหมองว่างเปล่าในช่วงสิ้นสุดของวัน กลับดูสดใสขึ้นมาเป็นพิเศษ หัวใจของผมอบอุ่นกรุ่นสุข ซึ่งคงไม่ต่างจากคุณยายที่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าตากันมาก่อน

ในบางขณะ เราอาจจะทำหน้าที่ลูกให้กับแม่ของใครบางคน

.....คุณแม่คนหนึ่งขับรถพาลูกสาวคนโตวัย 10 ขวบไปซื้อขนมเค้กวันเกิดให้กับลูกสาวคนเล็กซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ขณะที่เดินผ่านร้านขายลูกโป่ง ลูกสาวคนโตเกิดความคิดว่า น่าจะซื้อลูกโป่งไปด้วย เพราะน้องสาวชอบลูกโป่งมาก แต่ผู้เป็นแม่ไม่แน่ใจว่าจะมีเงินพอ จึงได้แต่พยักหน้ารับ

หลังจากที่ซื้อขนมเค้กเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่ายังพอมีเงินเหลือนิดหน่อย เธอตัดสินใจเลือกซื้อลูกโป่งมาได้ 1 ใบ มันเป็นใบเล็กที่สุดในร้าน แต่โชคดีที่มันเป็นสีชมพูซึ่งเป็นสีโปรดของลูกสาวคนเล็ก

เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถ ลูกสาวคนโตวัย 10 ขวบอาสาช่วยแม่ถือกล่องขนมเค้กและลูกโป่ง ขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังควานหากุญแจรถในกระเป๋า ทันใดนั้น มีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาในลานจอดรถด้วยความเร็วพร้อมทั้งบีบแตรเสียงดังลั่น เด็กน้อยวัย 10 ขวบตกใจ จนสะดุดเท้าตัวเองล้มลง กล่องขนมเค้กตกลงบนพื้น แถมลูกโป่งก็หลุดจากมือลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เธอตกใจสุดขีด ไม่ต่างจากผู้เป็นแม่

"เป็นอะไรไหมจ๊ะลูก" ผู้เป็นแม่ตั้งสติได้ทัน รีบก้มลงอุ้มลูกขึ้นมาแนบอก

"แม่คะ หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ" นัยน์ตาของเธอแดงทำท่าจะร้องไห้

"ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวเราซื้อใหม่" เธอพูดปลอบใจลูกสาว ทั้งที่รู้ว่าไม่มีเงินในกระเป๋ามากพอที่จะซื้อใหม่ได้อีก สมองเธอหมุนติ้ว ตกใจและสับสนไม่แพ้เด็กน้อย เธอแอบคิดในใจว่าขนมเค้กเละเทะบนพื้นยังพอเก็บส่วนที่ยังไม่สกปรกได้บ้าง แต่น่าเสียดายลูกโป่งสีโปรดของลูกสาวคนเล็กนั้น กลายเป็นความฝันที่กำลังหลุดลอยไป ยากเกินกว่าจะคว้าคืนกลับมาได้

ขณะที่เธอกำลังคิดอะไรไม่ออก จู่ๆ ก็มีหญิงชราคนหนึ่งโผล่มาทางด้านหลังโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สะกิดแขนเธอ พร้อมทั้งยื่นธนบัตร 20 เหรียญมาให้

"รับเงินนี้ไว้เถิด แล้วไปซื้อขนมเค้กและลูกโป่งใบใหม่" ขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังงุนงง หญิงชรากล่าวต่อไปว่า

"ฉันก็เคยเป็นแม่ เป็นย่า เป็นยาย ของเด็กตัวน้อย ฉันไม่อยากเห็นแววตาโศกเศร้าของเด็กๆในโลกนี้ กรุณารับไว้ด้วยเถิด"

น้ำเสียงและรอยยิ้มที่มาจากริมฝีปากของหญิงชรานั้นอ่อนโยนจับใจ จนเธอปฏิเสธไม่ลง และไม่รู้ตัวว่าธนบัตรใบนั้นมานิ่งอุ่นอยู่ในมือของเธอตั้งแต่เมื่อใด พอได้สติ จะหันไปกล่าวขอบคุณหญิงชราผู้อารี เขาก็ได้หายไปจากบริเวณลานจอดรถนั้นแล้ว

"ทำไมเขาให้เงินเรา เขาเป็นใครคะ ? " ลูกสาวถามผู้เป็นแม่ เธอยิ้มก่อนตอบว่า

"นางฟ้าจ้ะลูก เธอเก็บลูกโป่งมาคืนเรา..."



แต่ละวันวารที่เคลื่อนผ่านลมหายใจของแต่ละชีวิต เราไม่สามารถอยู่ดูแลคนที่เรารักได้ทุกขณะ- - นาทีที่ห่างไกลบ้าน ใครคนหนึ่งอาจให้ความอบอุ่นเราแทนแม่ นาทีที่เราจูงมือแม่ของใครคนหนึ่ง ใครอีกคนหนึ่งก็อาจกำลังจูงมือแม่ของเรา และในนาทีที่แม่คนหนึ่งไม่สามารถลบแววตาเศร้าของลูกน้อย เราอาจจะเป็นแม่แทนให้ในขณะนั้น- -

บนวิถีแห่งโลกและชีวิตที่ดำเนินไป เราทุกคนต่างสวมบทบาทของ แม่ และ ลูก สลับไปมา แต่อย่าลืมติดปีกนางฟ้าไว้ที่หลัง เก็บลูกโป่งแห่งความฝันกลับคืนมาให้โลกใสๆของกันและกัน


เกี่ยวกับผู้เขียน : ปะการัง


ปะการังเกิดที่จังหวัดภูเก็ต มีกลอนลงครั้งแรก ในนิตยสาร "ชัยพฤกษ์" ขณะเรียนชั้นประถม และมีผลงานรวมบทกวีเล่มแรกกับสำนักพิมพ์ ดอกหญ้า ในปี ๒๕๒๕ และได้เข้าร่วมงานกองบรรณาธิการกับนิตยสาร "แพรว" และ "แพรว สุดสัปดาห์"

ทำงานด้านแต่งเพลง (ในชื่อจริง-ณรงค์ฤทธิ์ ยงจินดารัตน์) ให้กับศิลปินหลายคนอาทิเช่น สุชาติ ชวางกูร (ฝากรักมากับเสียงเพลง, คืนนี้มีเพียงดาว, ด้วยรัก), นันทิดา แก้วบัวสาย (ความรักสีดำ, ทำไม) ฐิติมา สุตสุนทร (ไดอารี่สีแดง) และอีกหลายท่าน

ปี 1995 (พ.ศ. ๒๕๓๘) เดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ทำให้หยุดการเขียนหนังสือไประยะหนึ่ง หลังจากที่เรียนจบ ได้ทำงานและใช้ชีวิตกับภรรยาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 16 ปี ปัจจุบันกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้งและพำนักอยู่ที่เมืองไทย

ผลงานรวมเล่มล่าสุด "ความสุขผลิใบในทุกเช้า" ได้รับรางวัลรางวัลหนังสือดีเด่น รักลูกอะวอร์ด ประจำปี ๒๕๕๔ และ รางวัลหนังสือดีเด่น จาก สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี ๒๕๕๕




ขอบคุณ ที่มา : คัดมาเพียงบางส่วน อ่านบทความฉบับเต็มได้จาก คอลัมน์ “ล้อมโลกด้วยรัก” นิตยสารขวัญเรือน ฉบับที่ 977 ปักษ์แรกสิงหาคม 2555 โดย : ปะการัง





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Quiz


Advertisement