ยุทธวิธีหลีกเลี่ยงเจ้านายขี้หลี



เรื่องราวของเจ้านายขี้หลี เกิดขึ้นกับหลายๆองค์กร นับตั้งแต่มีการร่วมงานระหว่างพนักงานหญิงกับเจ้านายผู้ชาย เพียงแต่ไม่ปรากฎเป็นข่าวในวงกว้าง บทสรุปของผู้ที่เสียหายโดยมากมักตกอยู่ที่ผู้หญิง

          ผู้หญิงที่ตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว จึงต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเจ้านายเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากคนในสังคม การที่เราจะป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป นอกจากเสียงไม่ดังพอแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานได้ แต่อย่าเพิ่งถอดใจ ปัญหาทุกอย่างมีหนทางแก้ไข ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ในการปราบเจ้านายขี้หลี

“รู้เขารู้เรา” วิธีปฏิบัติตัวเมื่อถูกหลีระยะเริ่มต้น
          ก่อนที่จะผลีผลาม แสดงท่าทีที่ไม่สุภาพออกมา ส่วนใหญ่บรรดาเจ้านายขี้หลี (ยกเว้นประเภทเจ้าชู้ชนิดไม่ลืมหูลืมตา) มักจะหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีของฝ่ายตรงข้ามก่อน ว่าหากเสนอตัวเข้ามาแล้ว จะได้รับการตอบรับหรือไม่  วิธีที่เจ้านายขี้หลีมักใช้กับลูกน้องสาวที่อยู่ในสายงานโดยตรง คือใช้ให้ทำงานหลังเวลาเลิกงาน จากนั้นจึงแสดงความมีมารยาท ด้วยการไปส่งที่บ้าน หรือชวนไปทานอาหารมื้อเย็น

          หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ อย่าเพิ่งเอะอะโวยวาย ให้เสือหิวตื่นตระหนก ในเมื่อเข้ามาเพื่อขอดูท่าที ก็ต้องดูท่าทีกลับไป หากพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีวัตถุประสงค์ไม่ดีแอบแฝงอยู่ แต่ยังไม่กล้าบุ่มบ่าม ควรหาทางออกแบบละมุนละม่อม และไม่ให้เสียงาน หากงานที่ถูกไหว้วานมีความจำเป็นจริง ควรขอร้องให้เพื่อนร่วมงานที่สนิทอยู่รอ หรือให้คนที่บ้านมารับเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน แต่หากเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรีบทำ ควรยกเหตุผลที่คิดว่าสำคัญกว่ามาอ้าง พร้อมกล่าวขออนุญาตอย่างสุภาพ โดยอาจตบท้ายว่ารุ่งเช้าจะรีบมาทำให้เรียบร้อยค่ะ

          ทั้งนี้ ต้องไม่เกรงว่าเจ้านายจะโกรธเคือง หรือหาวิธีกลั่นแกล้งภายหลัง เพราะหากคิดไม่ดีแอบแฝงอยู่ นายขี้หลีไม่กล้าแสดงอาการตีโพยตีพายโดยเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิเสธในครั้งแรก จะถือเป็นการต่อต้านพฤติกรรมไปในตัว บ่อยครั้งเข้าเจ้านายขี้หลีรายนี้จะค่อยๆถอนตัวออกไปเอง

กรณีที่ถูกตื้อซ้ำๆซากๆ
          หากเจ้านายขี้หลี ยังไม่ลดละความพยายาม ใช้ลูกไม้เดิมๆตื้อซ้ำๆซากๆ ควรรีบทำงานให้เสร็จ และรีบขอตัวกลับบ้านทันที ด้วยอาการลุกลี้ลุกลน ทำทีเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องทักว่าให้กลับพร้อมกัน หากโอกาสไม่เอื้อที่จะใช้วิธีนี้  ต้องแสดงท่าทียืนกรานให้เห็นชัดเจนไปเลยว่า ฉันต้องการกลับบ้าน ไม่สามารถไปที่ไหนต่อได้ หรือบอกปัดไปเลยว่า วันนี้นัดกับแฟนต้องรีบไปให้ทันเวลา

          ทั้งนี้ต้องไม่นำเรื่องนี้กลับไปคิดให้มาก หรือพะวงจนทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน พึงระลึกอยู่เสมอว่านั่นคือพฤติกรรมธรรมชาติของมนุษย์ผู้ชายบางประเภท ตราบใดที่ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือเข้ามาก้าวล้ำจนเกิดความรำคาญใจ และยังไม่มีจังหวะขอย้ายแผนกหรือสายงาน จงปล่อยไปก่อน แต่ต้องตั้งรับให้ดี เมื่อต้องอยู่กับเจ้านายขี้หลีสองต่อสอง สิ่งสำคัญคือ เล่าให้เพื่อนสนิทที่ไว้วางใจได้ เพื่อให้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอาจจำเป็นต้องใช้ให้เป็นพยาน ซึ่งหากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นมาอีก ต้องหนักข้อกว่าเดิมแน่

รุกแบบถึงเนื้อถึงตัว
          พวกผู้ชายขี้หลีจำนวนไม่น้อย ที่หน้ามืด ตามัว และชอบรุกแบบถึงเนื้อถึงตัว อย่างเช่นกรณีของ A ครั้งหนึ่งเธอจำเป็นต้องนั่งรถกลับบ้าน พร้อมเจ้านายหลังจากกลับจากงานเลี้ยง ระหว่างทางเจ้านายได้พยายามพูดจาหว่านล้อม หนำซ้ำยังจอดรถข้างทาง พูดจาโอ้โลม ยื่นข้อเสนอให้ต่างๆนาๆ เพื่อให้เกิดการสมยอม โดยใช้มือที่กลายพันธุ์เป็นปลาหมึก แตะเนื้อต้องตัวชนิดที่ไม่ยอมให้ตั้งหลัก เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ คุณต้องตั้งสติให้ดี และควรหาทางพูดจาบ่ายเบี่ยงให้นายขี้หลีตายใจ เพื่อที่จะเอาตัวเองให้ออกห่างจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนั้น

          จากนั้นรีบนำเรื่องนี้เข้าไปปรึกษาเจ้านายใหญ่ โดยดึงเพื่อนที่เคยรับรู้เข้าไปเป็นพยาน ขอเน้นไว้ว่าเจ้านายที่เข้าไปหา ต้องเห็นว่าสามารถพูดคุยในเรื่องนี้ได้ และอยู่ในตำแหน่งสูงกว่านายขี้หลี เพื่อขอร้องให้ช่วยเหลือ หรือเรียกเจ้านายคนนั้นเข้ามาตักเตือน เจ้านายที่จะรับฟังได้ดีสุด คือเจ้านายที่เป็นผู้หญิง หากเป็นผู้ชายต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ เพราะส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว กลับมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ระมัดระวังตัวเองไว้ให้ดีเป็นดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณที่มา : นิตยสาร Lisa







แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement