นอนหลับอย่างไร ให้สวย สุขภาพดี


       แม้จะเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันเพียงใด ก็อย่าขี้เกียจดูแลผิวพรรณก่อนนอนนะคะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผิวจะฟื้นฟูตนเองจากการเผชิญกับสิ่งสกปรกและความเครียดมาตลอดทั้งวัน ซึ่งการปรนนิบัติผิวที่ดีจะช่วยคงความอ่อนเยาว์และสดใสไปยาวนาน ง่ายๆด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ค่ะ


          Cleansing

       ทำความสะอาดเมคอัพออกให้หมดจดด้วยเคลนซิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ออยล์ ครีม โฟม มิลค์ หรือลิควิด เลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง จะเช็ดโทนเนอร์ตามหรือไม่ก็ได้ ต้องลองพิจารณาจากผิวหน้าว่ามีลักษณะเหมาะสมกับโทนเนอร์หรือไม่

          Scrub (เป็นขั้นตอนที่ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง)

       เพื่อทำความสะอาดผิวและขจัดเซลล์ผิวเก่าอย่างล้ำลึก เพราะบางครั้งเราอาจทำความสะอาดผิวหน้าไม่ดีพอ ทำให้มีสิ่งสกปรกตกค้าง กลายเป็นของเสียสะสมอยู่ในชั้นผิว ผิวจะดูหยาบกร้านและหมองคล้ำ และถ้าเป็นชนิดที่มีส่วนผสมของกรดแล็กติก หรือไกลโคลิก ควรทำในตอนเย็นเท่านั้น

          Mask

       จำนวนครั้งที่ทำขึ้นอยู่กับชนิดของมาสก์ เช่น ถ้าเป็นชนิดที่ผสมกรดเรตินอลต่างๆ หรือช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรกอุดตัน ควรทำอาทิตย์ละ1-2 ครั้ง แต่ถ้าชนิดเพื่อให้ความชุ่มชื้นหรือผ่อนคลายผิวสามารถทำได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะชนิดหน้ากากซึ่งสามารถแช่ในตู้เย็น แล้วใช้ก่อนทาครีม จะช่วยให้ผ่อยคลายมากขึ้น

          Moisturizing

       ให้ความชุ่มชื้นผิวตลอดคืน โดยเฉพาะสาวๆที่นอนในห้องแอร์ ซึ่งไนท์ครีมควรจะเน้นส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวและเสริมกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ

 

     เคล็ดลับง่ายๆเพื่อสะสมพลังงานร่างกายให้ทำงานและทำกิจกรรมต่างๆได้ตลอดวัน



       1. เพิ่มพลังงานในตอนเช้าด้วยอาหารเช้ามีคุณภาพ ควรมีแป้งโฮลวีต ไข่ไก่ นม หรือโยเกิร์ตผลไม้ รวมทั้งดื่มน้ำเปล่าเพียงพอตลอดวัน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะไปบำรุงสมองให้ปลอดโปร่ง

       2. เมื่อมีอาการง่วงในตอนบ่าย ลองลงไปเดินเล่นสักพัก เพื่อสูดออกซิเจนให้ร่างกายและสมองตื่นตัว

       3. หากมีอาการเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เช้า ควรหาเวลานอนซัก 15-20 นาที ในระหว่างวัน ซึ่งหากเป็นคนทำงานอาจนอนงีบที่โต๊ะหรือห้องพยาบาลของบริษัทก็ได้ เพราะสามารถช่วยสะสมพลังงานให้รู้สึกสดชื่นต่อไปได้จนถึงตอนเย็น แต่ไม่ควรนอนนานกว่านั้นเพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้น

       4. อย่าปล่อยให้ท้องว่างนานเกินไป ลองกินของจุบจิบประเภทแป้งไม่ขัดขาว ผลไม้ หรือโยเกิร์ต

 

     เคล็ดลับฟื้นฟูความสดใสอย่างเร่งด่วน และการแต่งหน้า ให้ดูเปล่งประกาย

       1. เพิ่มความสดชื่นง่ายๆด้วยสเปรย์น้ำแร่ ฉีดบำรุงผิวหน้า

       2. ลงมอยส์เจอไรเซอร์ให้เพียงพอกับความต้องการของผิว ไม่ใช่ทานิดเดียวเพราะเสียดายครีม หรือโบกหนาเตอะ จนหน้ามันเยิ้มนะคะ

       3. อย่าลงรองพื้นมากเกินไป เพราะผิวที่เหนื่อยล้ามักมีลักษณะแห้งหรือมันผิดปกติ ซึ่งเนื้อรองพื้นจะลอยอยู่บนผิว ดังนั้นควรเลือกสูตรกึ่งครีมที่ไม่เหลวจนเกินไป เพื่อให้เกลี่ยได้กลมกลืนกว่า โดยลงให้น้อยๆแล้วตามด้วยแป้งฝุ่นบางๆ เฉพาะช่วงทีโซน

       4. ใช้คอลซีลเลอร์สูตรครีมที่ให้พลังในการพรางผิวมากกว่า โดยลงเฉพาะบริเวณที่หมองคล้ำ หลังลงรองพื้นซึ้งควรเลือกเฉดที่สว่างกว่าเล็กน้อยและไม่ต้องลงที่ใต้ตาทั้งหมด

       5. หากดวงตามีเส้นเลือดแดงอักเสบและไม่ขาวสดใส ลองหาซื้อยาหยอดตาตามเคาน์เตอร์ร้านขายยา เพื่อช่วยลดการอักเสบและทำให้แววตาดูสดใสมากขึ้น

       6. เติมความสดใสให้ดวงตาด้วยอายแชโดว์เนื้อครีมหรือดินสอสีสว่างชิมเมอร์ โดยไล้เฉพาะบริเวณหัวตา สำหรับคนผิวขาวให้ใช้สีอมเงิน ส่วนผิวเข้มขึ้นมาหน่อยให้ใช้อมทอง แต่อย่าใช้ชิมเมอร์แต่งทั้งเปลือกตาบนและล่าง เพราะจะยิ่งขับความเหนื่อยล้าให้ชัดขึ้น

       7. ดัดขนตาเพื่อเปิดดวงตาให้ดูสว่างและกลมโตมากขึ้น

       8. ปัดแก้มเพื่อเพิ่มสีสีนให้ใบหน้าและช่วยพรางความซีดเซียว โดยไล้บนจุดสูงสุดของพวงแก้ม เพื่อเบนความสนใจออกจากดวงตาที่เหนื่อยล้า

 

     วิธีช่วยปรับสมดุลร่างกายให้อยู่ในโหมดผ่อนคลายพร้อมหลับ สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาการนอนหลับขั้นรุนแรง

       1. พยายามเข้านอนและตื่นในเวลาเดียวกันให้ติดต่อกัน เพื่อสร้างความเคยชินให้ร่างกายรับรู้ว่า ต้องนอนและตื่นเวลาใด ซึ่งบางคนไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยก็ได้

       2. แช่ตัวหรืออาบน้ำอุ่นประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน เพราะจะช่วยให้รู้สึกสบายตัวและผ่อนคลาย โดยสามารถใช้ตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์กลิ่นอะโรมา เพื่อเพิ่มสุนทรีย์ในการอาบน้ำ

       3. หากจะดื่มแอลกอฮอลล์ ควรจำกัดให้อยู่ในเฉพาะช่วงเย็น เพื่อให้ร่างกายได้เคลียร์ของเสียออกจากร่างกายให้หมดก่อนนอน โดยจะใช้เวลา4-5 ชั่วโมง แต่ถ้าดื่มในนอนดึกมากภายหลังจากที่ร่างกายขับของเสียหมดแล้ว จะมีอาการตื่นตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้สะดุ้งตื่นก่อนทั้งที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม และอาจจะนอนต่อได้ยาก

       4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่ 30 นาที ต่อวัน สามารถทำให้ร่างกายเพลียและง่วงหลับได้ แต่อย่าออกกำลังกายดึกเกินไป จะกระตุ้นให้ตื่นตัว จะนอนได้ช้ากว่าเดิม

       5. อย่าทำอะไรที่กระตุ้นให้ตื่นตัวหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน เช่น กินของว่าง ดูหนัง หรือคุยโทรศัพท์ เพราะจะทำให้สมองและร่างกาย ต้องทำงานจนทำให้ไม่ง่วงได้

       6. ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นสบายเข้าไว้ เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลง จะช่วยให้รู้สึกสบายและง่วงขึ้น

       7. อย่าเหลือบไปดูนาฬิกากลางดึก เพราะจะยิ่งทำให้กังวลและนอนไม่หลับ

       8. ในกรณีที่มีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันมากกว่า 1 อาทิตย์ ควรไปพบแพทย์

 

 

 

เรียบเรียงข้อมูลจากนิตยสาร ELLE





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement