10 อันดับเมืองรถติดที่สุดในโลก


   1.กรุงเทพฯ ประเทศไทย

       พี่ไทยเราไม่แพ้ใครในโลก ว้าย เพลีย ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯจะหนักกว่าเดิม เพราะรัฐบาลประกาศใช้นโยบายคืนภาษีรถคันแรก  ซึ่งจะมีผลต่อรถ 5 ล้านคันปัจจุบันในกรุงเทพฯ  บนท้องถนนที่รองรับได้แค่ 2 ล้านคัน

 

   2.จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

       ในจาการ์ตา มีคำเรียกรถติดโดยเฉพาะ ว่า “macet” ทางเลือกหนึ่งของคนเมืองหลวงคือ  Ojek หรือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่บริการทั้งดี เร็ว และเลาะลัดไปได้ทุกเส้นทาง  คนป่วยที่ต้องรีบไปโรงพยาบาล(ด้วยอาการที่ไม่หนักมาก) เรียกใช้บริการเป็นประจำ   เพราะบริการสาธารณะอย่างอื่นไม่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะ รถเมล์

 

   3.ไนโรบี ประเทศเคนยา

       หลังจากอังกฤษให้เอกราชแล้ว สิ่งหนึ่งที่เจ้าอาณานิคมทิ้งไว้ให้ไนโรบีคือ คือ “วงเวียน” จำนวนมาก แม้ว่าถนนที่กำลังมุ่งไปจะโล่ง แต่เพราะวงเวียนตรงหน้าและรถที่กำลังวนอยู่ ทำให้เราจำเป็นต้องจอดรอ เป็นอย่างนี้ทุกวงเวียน  ทำให้ระยะทางเพียงแค่ 1 กิโลเมตรคนไนไรบีบอกว่าเดินยังเร็วกว่าขับรถ  และจะยิ่งสาหัสเมื่อถึงวันศุกร์  ถ้าฝนตกด้วยแล้วล่ะก็ ชาวไนโรบีบอกว่าให้นอนรอในรถได้เลย

  

   4.มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

       เพราะบริการขนส่งสาธารณะที่ไม่มีประสิทธิภาพ หลายคนเลือกใช้รถยนต์ส่วนตัว และทุกๆ  1 อาทิตย์จะต้องมีรถชนอย่างน้อย 1 คันต่อถนน 1 สาย ขนาดมีกฎว่า ถ้าเลขทะเบียนรถยนต์ลงท้ายด้วย 1 หรือ 2  คันนั้นห้ามใช้ในวันจันทร์ และถ้าใครลงท้ายด้วยเลข 3 หรือ 4 ห้ามขับในวันอังคาร แต่พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ กฎดังกล่าวได้รับการผ่อนปรน รถทุกคันสามารถใช้ถนนได้ นั่นล่ะ…รถติดของจริง

   5.มุมไบ  ประเทศอินเดีย

       ชาวมุมไบบอกว่า นักขับในเซาเปาโลที่ติดยาว 180 กิโลเมตร ยังโชคดีกว่ารถติด 5 กิโลเมตรในมุมไบ   เพราะรถทุกคันขับด้วยอัตราและลีลาความเร็วอย่างรถพยาบาล  ยังไม่นับฝูงวัว ลูกม้า และขอทาน ที่คอยมาวนเวียนอยู่รอบๆ  เช่นเดียวกัน คนที่นี่ชอบบีบแตรเป็นชีวิตจิตใจ แม้จะเห็นว่ามีอีกหลายร้อยคันติดยาวเหยียดอยู่ข้างหน้าก็ตาม

 

   6.กัมปาลา ประเทศอูกันด้า

       ที่นี่รถติดทุกเช้าและเย็น โดยเฉพาะเวลาฝนตก เนื่องจากจากสภาพถนนที่เลวร้ายและระบบการระบายน้ำที่ไร้ประสิทธิภาพ นักขับมอเตอร์ไซค์เองก็จะทำทุกวิถีทางที่จะผ่านถนนเส้นนั้นไปได้ ดังนั้นแม้รถจะติดแค่ระยะทางสั้นๆ แต่สามารถทำให้พื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นจลาจลย่อยๆ ขึ้นมาได้

 

   7.เลกซิงตัน รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา

       เมืองนี้ มีการออกแบบผังเมืองก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมจะเข้ามา  รถจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาสู่เมืองจึงไม่สมดุลต่อสภาพท้องถนนที่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับความเจริญสภาพปัจจุบัน ถนนเส้นรอบนอกเมืองจะแน่นขนัดทุกเช้าและเย็น  ความลำบากก็คือ ถนนตลอดสาย ไม่มีต้นไม้สักต้นคอยบังแดด และโดยเฉพาะช่วงที่มีบาสเก็ตบอลแมตช์สำคัญในสนามใหญ่ใจกลางเมือง  เมื่อนั้นคนก็จะใช้ถนนอย่างไร้กฎ

สภาพการจราจรในกรุงเซาเปาโล ที่ทำสถิติรถติดยาวเหยียด 180 กิโลเมตร

 

   8.ออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

       คนที่นี่นิยมใช้รถส่วนตัว เพราะรักความสะดวกสบาย รถเมล์จึงว่างถึงว่างมาก  ว่ากันว่า อนาคตอันใกล้ของออสติน ก็คือ เซาเปาโลนั่นแหละ

 

   9.กรุงโซล  ประเทศเกาหลีใต้

       คนขับรถในกรุงโซล มีไม่น้อยไม่เคารพกฏจราจร มักขับฝ่าไฟแดงเสมอ  หรือถ้าจอดติดสี่แยกอยู่ แม้จะมีคันหน้าแค่ 2-3 คัน ไฟเขียวแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะเขยื้อนไปไหนได้ ยังคงติดอยู่อย่างนั้น  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแทบทุกแยก และบังเอิญว่าในกรุงโซลก็มีแยกเยอะมากเสียด้วย สุดสัปดาห์  ความเร็วโดยเฉลี่ยที่ชาวโซลใช้คือ 15-20 เมตรต่อ1ชั่วโมง และถ้าจะกลับเข้าโซลในบ่ายวันอาทิตย์อาจใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง จากปกติที่เคยใช้เวลาเพียง 40 นาที

 

   10.ดากา ประเทศบังคลาเทศ

       ว่ากันว่า ดากาเป็นเมืองที่คนอยู่หนาแน่นมากที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้นเมืองนี้ขาดระบบการเดินทางขนส่งที่ดี   ทางด่วนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชากร 15 ล้านก็ไม่มี คนที่นี่นิยมใช้บริการถลาก ซึ่งกินเวลาถึง 2-3 ชั่วโมงในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากนั้น บรรยากาศยังตลบไปด้วยฝุ่น ความร้อน และเสียงจอแจวุ่นวาย  กฎจราจรไม่สามารถใช้บังคับอะไรได้

 

 

 

ข้อมูลจาก bbc.co.uk และ way magazine





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement