1. การวางแผนการเดินทางอย่างเข้มงวดจนเกินไปอาจทำให้ทริปไม่สนุก
เพราะคุณไม่สามารถกำหนดเด็กๆให้เป็นไปตามแผนที่คุณต้องการได้ เขาอาจจะร้องโยเยตอนคุณพ่อคุณแม่เจอร้านอาหารสุดโปรด ไม่ยอมหม่ำดีๆ จะร้องกินแต่นม ขว้างปาข้าวของสุดฤทธิ์ จนคุณต้องเดินออกจากร้าน ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับประทานแม้แต่คำเดียว ดังนั้น หากต้องการเดินทางพร้อมลูกเล็ก ควรวางแผนเอาไว้หลวมๆ หรือควรเป็นแผนที่ยืดหยุ่นได้จะดีกว่า
2. สิ่งอำนวยความสะดวกอาจไม่พร้อมเหมือนอยู่บ้าน
แม้ปัจจุบันจะมีพ่อแม่พาลูกเล็กออกเดินทางไปไหนต่อไหนมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมว่าบรรดาเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมจะรองรับลูกค้ากลุ่ม ครอบครัวกันนัก ดังนั้น หากต้องการพาลูกเดินทางไปด้วยจริงๆ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมทำใจยอมรับความจริงข้อนี้กันให้มากๆ เพราะการบริการบางอย่างก็ยังไม่พร้อม หรือยังไม่ถูกเตรียมเอาไว้ให้บริการ เช่น เก้าอี้นั่งสำหรับเด็ก เตียงเสริมสำหรับเด็ก เป็นต้น
3. ความปลอดภัยของลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องรับผิดชอบ
สำหรับบางร้านที่มีเก้าอี้นั่งสำหรับเด็กแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจในเรื่องของความปลอดภัยดีพอ ก็อาจเตรียมแค่เก้าอี้ที่ตัวเล็กๆเหมาะสำหรับเด็กนั่งเอาไว้ให้ ในจุดนี้พ่อแม่ที่ยอมให้ลูกนั่งเก้าอี้เหล่านั้นต้องดูแลความปลอดภัยให้ดี เพราะหากไม่มีสายรัด เด็กอาจตกจากเก้าอี้ลงมาได้ ซึ่งความสูงของเก้าอี้ก็มากพอจะทำให้เด็กบาดเจ็บได้เลยทีเดียว หรือบางท่านพาลูกไปเปลี่ยนผ้าอ้อมตามห้างสรรพสินค้าก็ต้องระวังกลิ้งตกจากจุดเปลี่ยนผ้าอ้อม เพราะจุดเปลี่ยนผ้าอ้อมอาจเป็นฟูกยางหนาประมาณ 2-3 นิ้ว แต่ไม่มีขอบนูนๆ ขึ้นมากั้นเอาไว้ไม่ให้เด็กตก ขณะที่คุณแม่หันไปล้างมือ หยิบทิชชู เด็กจึงอาจกลิ้ง หรือพลิกตัวตกลงมาได้
4. รับมือกับความคาดหวังของคนที่พบเจอ
คนที่ไม่มีลูก หรือไม่เคยเลี้ยงเด็ก ส่วนใหญ่จะผ่านตาภาพของแม่และเด็กจากโฆษณาทั้งหลาย ที่พ่อแม่ลูกรักกัน ยิ้ม หอมแก้มกัน มีแต่เสียงหัวเราะ และความสุข แต่ความจริงก็คือ ภาพเหล่านั้นมันไม่ได้เกิดเสมอไปหรอกค่ะ มันต้องมีช่วงโหดมันฮากันบ้าง ร้องไห้งอแงกันบ้าง ซึ่งคุณแม่อาจกลายเป็นแม่ใจร้ายในสายตาของคนอื่น หรือถูกมองอย่างตำหนิที่ไม่สามารถจัดการกับลูกได้ ซึ่งก็ขอเป็นกำลังใจให้ให้คุณแม่ที่ต้องพยายามอดทนกับการแสดงออกของคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจด้วย
5. หากกังวลเรื่องความสะอาด ควรเตรียมภาชนะส่วนตัวไปด้วย
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำใจกับเรื่องความสะอาด ถ้าอยู่บ้านคุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่ถ้าพาลูกไปข้างนอก คุณแทบไม่สามารถควบคุมได้เลย นอกเสียจากว่าจะเตรียมจานชามช้อนส้อมของลูกไปเองทุกอย่าง
6. ควรฝึกลูกให้พร้อมสำหรับการใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
อุปกรณ์เช่น รถเข็นเด็ก อาจเป็นสิ่งที่สถานที่บางแห่งเตรียมเอาไว้ให้ครอบครัวได้ยืมใช้ แต่ถ้าเด็กไม่ยอมนั่งเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน บทหนักก็จะตกแก่คุณพ่อคุณแม่เองนั่นละค่ะ
7. ควรเลือกสถานที่ที่ลูกมีส่วนร่วมด้วยได้
เช่น การพาลูกๆ ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ (ไม่เอาพิพิธภัณฑ์แบบตู้กระจก วางของโชว์นิ่งๆนะคะ ควรเลือกพิพิธภัณฑ์แบบ Active หน่อย มีกิจกรรมให้เด็กร่วมทดลอง จิ้ม กด เล่น แบบนั้นเด็กจะชอบมากกว่า) หรือพาไปสวนสนุก ข้อนี้เด็กๆชอบแน่ แต่พ่อแม่อาจต้องยืนปวดขาต่อคิวรอเล่นเครื่องเล่น กิจกรรมที่เด็กๆ ไม่ค่อยสนุกเอาเสียเลย คงเป็นการร่วมช้อปปิ้งกับพ่อแม่ ซึ่งจากที่พบเห็นหากลูกโยเยนัก พ่อแม่บางท่านก็ส่งแท็บเล็ตหรือไอโฟนให้ลูกกดเล่นเสียเลย จะได้อยู่นิ่งๆระหว่างรอพ่อแม่เลือกซื้อเสื้อผ้า ซึ่งก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย ดังนั้น ถ้าอยากให้ลูกรู้สึกพึงพอใจ เพลิดเพลินเวลาออกนอกสถานที่กับพ่อแม่ ก็อย่าลืมมองหาสถานที่ที่พวกเขาจะได้ขยับแข้งขยับขา กระโดดโลดเต้นเอาไว้ด้วยนะคะ
เรียบเรียงข้อมูลจาก life&family manageronline