ผิวขาดน้ำ ปัญหาผิวของสาวสมัยใหม่

อีกหนึ่งปัญหาที่เรามักจะพบในช่วงหน้าร้อนคือ ปัญหา ผิวขาดน้ำ หรือ Dehydrated Skin นั่นเอง เราได้ยินคำนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว สาวๆหลายคนคงสงสัยว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่าผิวเราขาดน้ำหรือเปล่า และผิวขาดน้ำเป็นอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

อย่างไรเรียกว่าผิวขาดน้ำ
อาการผิวขาดน้ำใกล้เคียงกับผิวแห้งมากค่ะ แต่ต่างกันตรงที่ ผิวขาดน้ำ จะมีทั้งความมันและแห้งแบบไม่เป็นเวลา เพราะกลไกของผิวเกิดการทำงานแบบชะงัก เนื่องจากขาดสารหล่อเลี้ยงที่สำคัญ นั่นคือน้ำนั่นเองค่ะ แต่หลายคนก็เข้าใจผิดว่าคนที่จะมีผิวขาดน้ำได้ต้องทำงาน Outdoor เท่านั้น ซึ่งไม่จริงเลยค่ะ สาวๆที่ทำงานในออฟฟิศก็มีโอกาสที่จะพบเจอกับอาการ ผิวขาดน้ำ ได้เช่นกัน เพราะความเครื่องปรับอากาศที่นั้น ดึงเอาความชื้นในอากาศออกไป อากาศจึงแห้งขึ้นค่ะ

รู้ได้อย่างไรว่าผิวขาดน้ำ

แต่งหน้าไม่ติด หรือไม่อยู่ทน
ปกติแล้วหากเป็นอาการของผิวแห้ง การซึมสู่ผิวของครีมบำรุงก็ยังดำเนินไปตามปกติ แต่หากมีผิวที่ขนาดน้ำแล้วครีมบำรุงที่เราลงไปมักไม่ค่อยซึม หรือซึมได้ไม่ดีนัก รวมไปถึงเครื่องสำอางประเภทรองพื้นที่จะสังเกตได้ว่าจะเกลี่ยยากขึ้นและยังเป็นขุยอีกด้วย

ผิวหน้าอิดโรย ไม่สดใส ไม่ยืดหยุ่น
ผิวที่ขาดน้ำมักจะหยาบกระด้างขึ้น ขาดความยืดหยุ่น ขาดความนุ่มกระชับ หรือในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะมีรอยจ้ำแดง เนื่องมาจาก โครงสร้างของผิวที่เป็นความยืดหยุ่นขาดน้ำอย่างแรง

วิธีการเติมน้ำให้ผิว

สารบำรุงประเภท Hydration
สกินแคร์ประเภท Anti-aging ที่มีส่วนส่วนผสมของวิตามิน เอ หรือ เรตินอลชนิดเข้มข้น ช่วยลดริ้วรอย หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีส่วนผสมของ ของ hydrogen peroxide, retinoic acid, benzoyl peroxide, hexachlorophene มักทำให้ผิวยิ่งขนาดน้ำมากขึ้น ควรหันมาเติมน้ำให้ผิวด้วย ครีมหรือเจลตระกูล Hydration มากขึ้น เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ กระบวนการของเซลล์ผิวหนัวก็จะมีประสิทธฺภาพมากขึ้น ง่ายต่อการบำรุง หรือแต่งหน้า ลดอาการขาดน้ำของผิวไปได้ค่ะ

อย่านอนดึก
การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนอกจากไม่ดีต่อสุขภาพกายแล้ว ก็ไม่ดีต่อผิวของคุณด้วยค่ะ การพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้ร่างกายเราได้มีการฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก ส่งผลให้ผิวเราได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และหากนอนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวก่อนนอนด้วยนะคะ

บำรุงผิวจากภายใน ดื่มน้ำให้มากขึ้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าการดื่มน้ำที่เพียงพอ ประมาณวันละ 6-8 แก้วนั้น เป็นการบำรุงจากภายในที่ทำได้ง่ายๆ ยิ่งช่วงไหนอากาศร้อนๆ เรายิ่งควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ วิธีคิดง่ายๆว่าวันนึงเราควรจะดื่มน้ำเท่าไรนั้น ให้ นำน้ำหนักตัว (เป็นหน่วยกิโลกรัม) คูณกับ 30 จะได้ ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน ซึ่งมีหน่วยเป็น มิลลิลิตร (เช่น 45 กิโลกรัม x 30 = 1,350 มิลลิลิตร หรือ 1.35 ลิตรต่อวัน)

วิธีแก้ปัญหาผิวขาดน้ำ
วิธีที่ง่ายและตรงจุดที่สุด คือการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เป็นสูตร Hydration, การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอและเป็นเวลา สุดท้ายการดื่มน้ำที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องากร

สำหรับครีมบำรุงผิวประเภท Hydration นั้นมีมากมาย แต่ก็มีพื้นฐานเดียวกันคือ คุณสมบัติป้องกันการสูญเสียน้ำ น้ำคือตัวทำ ให้ผิวสวย คนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง พวกนี้ผิวสูญเสียน้ำเยอะ ต้องรีบฟื้นฟู ส่วนเครื่องสำอางที่ใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหรือวอเตอร์เบสนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ จุดประสงค์ก็เพื่อให้คนที่มีผิวมันหรือคนที่ต้องการให้อาหารแก่ผิว จำพวกวิตามินอี วิตามซีหรือสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ต่างๆ ใช้น้ำเป็นตัวนำอาหารผิวเหล่านั้นเข้าไป เป็นการหลีกเลี่ยงสาเหตุของสิวอุดตันอีกด้วยค่ะ

รู้อย่างนี้แล้วพยายามดื่มน้ำให้มากเข้าไว้จะดีที่สุด (ยกเว้นคนเป็นโรคไต หรือโรคที่แพทย์สั่งควบคุมการดื่มน้ำ) เพราะการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายมีวิธีเดียวเท่านั้น ส่วนการทำความสะอาดก็เอาแค่พอควร จะได้ไม่เป็นการทำลายชั้นไขมัน และเปิดรูให้น้ำระเหยออก

ดื่มน้ำตอนไหนเวิร์คสุด
ควรหมั่นดื่มน้ำตลอดทั้งวัน โดยการจิบน้ำบ่อยๆ หรือแบ่งออกเป็น 5 เวลาด้วยกัน

- หลังตื่นนอนตอนเช้า
ดื่มน้ำ 1 แก้ว (400 ซีซี) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
- ตอนสายๆ
ดื่มน้ำ 2 แก้ว (ช่วงเวลาประมาณ 9.00-10.00 น.) ) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป
- ตอนบ่ายๆ
ดื่มน้ำ 2 แก้ว (ช่วงเวลาประมาณ 13.00-14.00 น.)
- ตอนเย็น
ดื่มน้ำ 2 แก้ว (ช่วงเวลาประมาณ 19.00 -20.00 น.)
- ก่อนนอน
ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

ในทุกๆวัน ร่างกายเราจะสูญเสียน้ำจากกิจกรรมต่างๆระหว่างวัน หรือจากการขับถ่าย ถ้าเราดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในส่วนนี้ได้ แต่หากผิวยังแห้งขาดน้ำอยู่ การดื่มน้ำอย่างเดียวอาจจะไม่ตรงจุดนัก ควรเพิ่มครีมบำรุงผิวที่ช่วยเติมน้ำ และความชุ่มชื้นใหกับผิวด้วยค่ะ