เราเดินทางไปสุพรรณบุรีเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยวางแผนว่าเราจะไปนอน 1 คืน เพื่อพาลูกสาวได้เรียนรู้ ท่องเที่ยวได้หลายแห่ง และสุดท้ายก็แวะพักที่บ้านต้นไม้ค่ะ เราเห็นบ้านน่ารักดีเผื่อมีใครสนใจจะไปพักค่ะ
ที่แรกที่เราแวะคือ "สวนเฉลิมภัทรราชินี หอคอยบรรหาร-แจ่มใส" ถ้าไปสุพรรณแล้วไม่ไปหอบรรหารคงถือว่าไปไม่ถึงสุพรรณบุรี เราขึ้นไปชั้นบนและได้เรียนรู้หลายๆอย่าง เช่นประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนาน รวมทั้งดูวิวเมืองสุพรรณจากมุมสูง เป็นการเรียนรู้สำหรับเด็กๆได้ดีทีเดียว ด้านบนจะมีภาพการสู้รบ ซึ่งเราจะต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ เพราะภาพอาจจะดูรุนแรงสำหรับเด็กบางคน อากาศที่นี่ดีมากๆค่ะ ถ้ามาตอนเย็นจะมีโชว์น้ำพุ และมีสวนน้ำที่เปิดในวันหยุด มีสวนสำหรับพักผ่อน และสนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นที่เด็กๆต้องชื่นชอบ
แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ วัดป่าเลไลยก์ ซึ่งเป็น เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี
ไม่ไกลกันนักเราเดินทางต่อไปยัง อุทยานมังกรสวรรค์ แม้อากาศจะดูร้อน แต่ข้างในที่จัดไว้อย่างดีมีทั้งร้านค้าร้านอาหารสำหรับคนไปทำบุญไหว้พระ มีหอคอยที่เราต้องเดินบันไดขึ้นไปแล้วจะเห็นวิวที่สวยงามมากและลมพัดเย็นสบาย
และเมื่อมาถึงสุพรรณบุรี การเรียนรู้ที่ดีอย่างหนึ่งก็คือการมาที่ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย (บ้านควาย) เด็กๆในเมืองอาจจะไม่ได้สัมผัสกับควายนัก เมื่อมาสถานที่แห่งนี้เราก็ต้องเดินๆๆๆ สามารถป้อนหญ้าเค้าได้ค่ะ และสามารถขี่เกวียนเทียมควายได้ด้วย พร้อมทั้งมีบ้านแบบโบราณให้เราได้ดู แต่จะขึ้นข้างบนก็ค่อนข้างน่ากลัวสักนิดนะ ถ้ามาทันรอบที่มีการทำนาโชว์ด้วยจะดีมากค่ะ แต่อย่างน้อยเราก็ได้นั่งเกวียน ที่นี่มีห้องพักด้วยนะคะ แต่เรามีที่พักในใจแล้ว ตอนนี้เริ่มเหนื่อยและล้ามากเพราะอากาศร้อน เราจึงได้เดินทางต่อไปยังที่พักของพวกเราค่ะ
ตลอดการเดินทางเราต้องอาศัย GPS เพราะไม่เคยเดินทางไปสุพรรณบุรี เมื่อเดินทางมาถึงบ้านต้นไม้ เห็นบ้านแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ เพราะน่ารักมาก และบรรยากาศก็ดีมากเสียด้วยค่ะ บ้านติดบึง ลมสบายๆ >> บึงฉวากรีสอร์ท (บ้านต้นไม้)
ที่นี่มีบ้านพักหลายแบบด้วยกันนะคะ และที่พักจะเป็นทางเดินยาวแบบนี้ ถ้าพักไกลสามารถนั่งรถกอล์ฟไปได้ค่ะ เพราะไกลมากๆ
มาดูบ้านของเรากันค่ะ เราได้บ้านต้นไม้หมายเลข 1 ด้านล่างเห็นเป็นลำต้นแต่ไม่ใช่ลำต้นของต้นไม้นะคะ
ใต้ถุนมีม้านั่งให้เสร็จสรรพ
เดินขึ้นบันไดมา ตอนไปถึงแดดยังแรงอยู่เลยค่ะ
จากหน้าบ้านค่ะ มองไปไกลๆเขียวๆ
รู้สึกเหมือนบ้านขึ้นมาทันที มีชั้นวางรองเท้าให้เรียบร้อยมากๆ
เนื่องจากแดดส่อง แดดแรง เราจึงไม่ได้เปิดม่านค่ะ เพราะแอร์คงสู้ความร้อนไม่ไหว ขอปิดม่านไว้ก่อน แต่หากเปิดม่านจะได้วิวบึงสวยงามมาก
บ้านกว้างระดับหนึ่งเลยค่ะ มีตู้เสื้อผ้า มีทีวีให้ มีตู้เย็นเล็กให้ค่ะ
แปรงฟันล้างหน้าข้างนอก และด้านในเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำ มีน้ำอุ่นและฝักบัว ไม่มีอ่างอาบน้ำค่ะ
ตรงข้ามบ้านของเรามีสนามเด็กเล่น ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ แต่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไร เพราะคนเข้าพักทิ้งขยะกัน
และอาจจะเป็นช่วงหน้าฝนที่ทำให้ดูเลอะกว่าเดิม
ด้านหน้าเป็นร้านอาหารและประหนึ่งล็อบบี้โรงแรมค่ะ เช็คอินเช็คเอ้าท์ที่นั่น มีขนมขายนิดหน่อยค่ะ
ศาลาริมน้ำ ถ้าเย็นๆกว่านี้จะดีมากเลยค่ะ
จากระเบียงห้องนอนค่ะ
บรรยากาศยามเย็นริ่มบึง
พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว
ที่นั่งในโซนสนามเด็กเล่นค่ะ
ฝนน่าจะเพิ่งหยุดไปไม่นานก่อนเราไปถึง เลยเล่นได้ไม่เยอะ เพราะเปียกเลยค่ะ
ตกเย็นแมลงเริ่มมา ยุงเริ่มมี เด็กคนนี้รู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจเราต้องรีบกลับขึ้นห้อง แต่แมลงเยอะจริงๆค่ะ
หลังจากให้ลูกขึ้นไปอยู่บนบ้าน เราก็เดินเล่นดูบ้านไปอีกนิดใกล้ๆบ้านต้นไม้ของเรา เดินไปอีกหน่อยมีบ้านแฝดด้วยค่ะ เผื่อไปกันหลายคน
จักรยานสำหรับเช่า
ลานจอดรถด้านหน้าค่ะ มีที่จอดรถเยอะ
รถรับส่งตามบ้าน
และเพราะเราเดินทางและแวะหลายแห่ง ค่อนข้างเพลีย ไม่อยากออกไปหาอะไรทานข้างนอก จึงสั่งอาหารที่รีสอร์ทมาทานค่ะ
เราไม่คิดว่าจะได้มาจานใหญ่ๆอย่างนี้ จานแรก "ข้าวผัดไก่"
กระดูกหมูทอดกระเทียม
ยำผักบุ้งทอดกรอบ ให้ผักบุ้งมาเยอะมากๆ แต่ฉ่ำน้ำมันไปนิดค่ะ
สุดท้าย แกงป่าลูกชิ้นปลากราย
อาหารของที่นี่อร่อยนะคะ ราคาไม่แพงด้วยค่ะ คิดถูกที่ทานที่บ้านเพราะไม่เหนื่อยด้วย
ตอนเช้าอาหารจะไม่เยอะนะคะ อาจจะเพราะวันที่ไปพักคนพักน้อยก็เป็นได้ค่ะ มีเป็นขนมปังปิ้ง ข้าวต้ม ไข่ดาว กาแฟ โอวัลติน ประมาณนี้ค่ะ
หากสนใจลองเข้าไปดูข้อมูลที่ bungchawakresort.com
สำหรับทริปนี้เราไม่ได้ตั้งใจรีวิวเป็นจริงเป็นจังนะคะ เห็นบ้านต้นไม้แล้วคิดว่าหลายๆคนคงจะชอบค่ะ ถ้าไปบางช่วงอาจจะไม่มีแมลงเยอะก็ได้ เราไปช่วงหน้าฝน โชคดีที่ตลอดทั้งวันที่แวะสถานที่ต่างๆฝนไม่ตกค่ะ
ก่อนกลับขับไปอีกนิดเดียวก็ถึงสวนสัตว์บึงฉวากค่ะ เดินดูสัตว์กันและไปยังอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ
ทริปนี้ทั้งสนุกทั้งเหนื่อยเลยค่ะ แต่เป็นทริปครอบครัวที่ได้ใช้เวลาร่วมกันและเรียนรู้ไปด้วยกันค่ะ