เมื่อเราตามเด็กๆประถมไปเรียนรู้วิถีชีวิตภูมิปัญญาของชาวนาไทยที่ บ้านนาครูธานี


เราได้มีโอกาสติดตามการทัศนศึกษาในเทอมนี้เด็กๆมีโอกาสที่ดีมากที่จะเรียนรู้วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวนาไทยที่บ้านนาครูธานี เราจึงขออนุญาตทางโรงเรียนเพื่อติดตามไปเก็บภาพประสบการณ์ การเรียนรู้ที่สนุกสนานแต่เปี่ยมด้วยความรู้ในครั้งนี้ด้วย


และในเทอมนี้ เด็กๆได้ทำโครงงานเรื่อง "ข้าว" โดยที่โรงเรียนให้เด็กปลูกข้าวกัน


และทุกๆวันเด็กจะต้องมาตรวจและดูแลแปลงนาของตนเองพร้อมจดบันทึก (ตอนนี้ข้าวขึ้นสูงแล้วนะคะแต่ไม่ได้เก็บภาพมา)

และเพราะโครงการนี้ ทางโรงเรียนจึงได้จัดให้เด็กๆได้เรียนรู้จากของจริงรวมไปถึงวิถีชาวนาไทยแบบจริงๆอีกด้วย



เราออกเดินทางกันประมาณ 7.30 น. มุ่งหน้าไปทาง อ.ลาดหลุมแก้ว แม้จะขับตามรถโรงเรียนแต่เราก็เปิด GPS ไว้

แนะนำว่าหากจะเดินทางไปให้เปิด GPS เพื่อนำทางค่ะ



สองข้างทางเมื่อใกล้ถึงบ้านนาครูธานี ในช่วงนี้เขียวชอุ่ม ดูแล้วสดชื่นมากๆ


เมื่อไปถึงก็ต้องไปรวมพลกันก่อนค่ะ



แค่เมื่อเราไปถึง เราสัมผัสได้ถึงอากาศที่สดชื่น กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า 

บ้านนาครูธานี จะมีสองฝั่ง ซึ่งต้องข้ามถนน ฉะนั้นกฎข้อหนึ่งที่เด็กๆต้องจำให้ขึ้นใจคือ ไม่วิ่งพรวดพราดออกนอกถนน

ก่อนข้ามถนนทุกครั้งต้องมีผู้ปกครอง คุณครูหรือทีมงานของบ้านนาครูธานี



ที่นี่เด็กๆจะต้องช่วยเหลือตัวเอง จัดเก็บทุกอย่างเข้าที่ และถอดรองเท้า



แม้จะเป็นการเรียนรู้วิธีชีวิตแต่ทุกคนต้องอยู่ในกฎระเบียบของที่นี่ เชื่อฟังและพร้อมฟังเสมอ



เนื่องจากที่บ้าน เป็นบ้านของครูธานี ทุกคนต้องขึ้นไปกราบพระกันก่อนค่ะ



และก่อนเริ่มกิจกรรม เด็กๆจะได้รับฟังข้อมูลจากครูธานี บอกเล่าเรื่องราวต่างๆและกฎต่างๆ



เมื่อพร้อมทำกิจรรม ทุกคนก็มุ่งหน้าไปอีกฝั่งและเดินด้วยเท้าเปล่า



ต้องรอให้รถผ่านไปก่อน เราจะได้ข้ามถนนอย่างปลอดภัย เพราะเมื่อไปกันกรุ๊ปใหญ่ๆ จะต้องอยู่ในระเบียบ



เมื่อพร้อม นั่งกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบและพร้อมตั้งใจฟัง ก็จะได้เริ่มกิจกรรม



ครูธานี ผู้มีหัวใจเป็นครูจริงๆ ได้สอนให้เด็กๆเรียนรู้เกี่ยวกับข้าวแทบทุกขั้นตอนค่ะ

เด็กๆทุกคนจะได้ทำทุกขั้นตอนค่ะ



การนวดข้าวด้วยการย่ำ ก่อนอื่นเด็กๆจะต้องไหว้ข้าวที่เราจะเหยียบก่อนค่ะ

จากนั้นก็เดินวนเพื่อให้เมล็ดข้าวหลุดออกจากรวงข้าว



การตำข้าวด้วยกระเดื่องเพือกะเทาะเปลือกให้เหลือเฉพาะเมล็ดข้าว

จะใช้การเหยียบปลายครกเดื่อง ปลายอีกข้างก็จะยกสูงขึ้นเมื่อปล่อยเท้า สากก็จะตกไปตำเมล็ดข้าวเปลือก



ใช้ครกตำข้าว เป็นการนำข้าวเปลือกมาตำเพื่อให้เปลือกข้าวหลุดออกจากเมล็ดข้าว



เครื่องฝัดข้าว

จะใช้แรงของเราในการหมุนเพื่อให้ลมพัดเอาเปลือกข้าวหลุดออกไป



การฝัดข้าว

เพื่อให้เหลือเฉพาะเมล็ดข้าวสารเท่านั้น อาจจะต้องทำหลายๆรอบเพื่อให้เปลือกข้าวร่วงให้มากที่สุด



หลังจากเด็กเรียนรู้เรื่องข้าวเปลือกและเมล็ดข้าวแล้ว ก็แยกไปตามฐานเพื่อทำกิจกรรมต่อไป

ฐานนี้เป็นเล่นปาไม้ ปาให้โดนขวดน้ำอัดลม ทั้งสองทีจะแข่งขันกันว่าทีมใดปาได้มากที่สุด



หลังจากเล่นเสร็จแล้ว ทุกๆคนจะต้องร่วมมือกันเก็บอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพเดิม



เมื่อเสร็จจากฐานใดฐานหนึ่ง เป็นการวนฐานไปเรื่อยๆ เด็กๆจะมานั่งรอขึ้นรถอีแต๊ก



ประสบการณ์ครบถ้วนแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆนะคะ

นอกจากการนั่งรถอีแต๊กชมชุมชนแล้วเด็กๆยังมีโอกาสได้ลองขับกันด้วยค่ะ



แอบขึ้นไปเก็บภาพ อยู่ในบรรยากาศที่เด็กๆกรี๊ดกร๊าดด้วยความสนุกสนาน



อีกหนึ่งฐานที่จะนำไปทำขนม คือการขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายขูดมะพร้าว

นอกจากการได้ลองขูดกันทุกคนแล้ว ยังได้ฟังเรื่องราวที่น่าสนใจอีกด้วย



ที่นี่จะมีกล้วยทอดแสนอร่อย แต่ก็ต้องการแป้งเพื่อทอดด้วยค่ะ

จึงมีฐานการโม่แป้งให้เด็กๆได้ทดลองโม่และเรียนรู้อุปกรณ์ด้วยค่ะ



ฐานถัดมาเป็นการนั่งเรือพาย ซึ่งจะมีทีมงานของทางบ้านนาครูธานีสอนและอาจขึ้นเรือไปด้วยหากผู้ปกครองหรือคุณครูพายไม่เป็น

เด็กๆจะต้องสวมเสื้อชูชีพกันทุกคนค่ะ บริเวณที่พายเรือกันก็กว้างขวาง 



ฐานถัดมาใกล้ๆกันคือ การเดินสะพานไม้

เป็นไม้ไผ่ซึ่งเมื่ออยู่กลางแดดจะร้อนมาก ต้องเดินให้เร็วนิดหนึ่งแต่ต้องระมัดระวัง ใจพร้อม ลุยได้เลย เมื่อเดินสะพานเสร็จจะได้ให้อาหารปลา



ทางเดินที่ปลูกผักและสมุนไพร พร้อมครัวแบบสมัยก่อนมีให้เด็กๆได้เห็นด้วยค่ะ



จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าไปอีกฝากถนนเพื่อเก็บไข่ไก่

เด็กๆต้องเข้าไปหาไข่ไก่เพื่อนำมาเก็บไว้ขายค่ะ 



นั่งเกวียนกันค่ะ



และอีกกิจกรรมที่สนุกคือการปีนต้นไม้ ใครปีนได้สูงก็จะสั่นกระดิ่งได้ แต่ปลอดภัยแน่นอนค่ะเพราะมีเชือกคล้องไว้



เสร็จกิจกรรมช่วงเช้า เด็กๆพักรับประทานอาหาร เนื่องจากเป็นกิจกรรมของทางโรงเรียน โรงเรียนจึงได้จัดเตรียมอาหารไปเองค่ะ

หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ทางบ้านนาครูธานีมีจัดเตรียมไว้ให้

รับประทานอาหารเสร็จมีเวลาให้พักผ่อนและวิ่งเล่นกันตามอัธยาศัย และรอน้องๆอนุบาลจากอีกโรงเรียนด้วยค่ะ



ช่วงบ่ายก่อนไปดำนา เด็กๆได้เรียนรู้เกี่ยวกับควายและความน่ารักของควายค่ะ



จากนั้นเดินเท้าเปล่าไปยังทุ่งนาด้านหลัง อากาศดีมาก ลมเย็นสบาย พร้อมกลิ่นธรรมชาติ



ก่อนการดำนา ต้องรวมพลกันก่อน พื้นที่เด็กๆเหยียบย่ำตรงนี้ชื้นแฉะแต่คุณครูให้นั่งลงไปได้เลยค่ะ เพราะยังไงก็ต้องลงนากันอยู่แล้ว



จะดำนา ก็ต้องเรียนรู้วิธีก่อนค่ะ เด็กๆตั้งใจฟังกันดีมากๆ



และก็ถึงเวลาลงนาจริงกันแล้ว



ดำนาเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาโดนฉีดน้ำ...สนุกสนานกันใหญ่ค่ะ



ใครดำนาเสร็จแล้วก็จะมายังฐานสุดท้ายคือการลงสไลเดอร์โคลน ความสูงนั้นสูงพอควร



เด็กๆที่ลงสไลเดอร์ไปแล้วก็จะได้เล่นโคลนกัน แต่ใครไม่ลงหรือลงไปแค่รอบเดียวก็สามารถมาลงสระกลางนาได้เพื่อทำความสะอาด



แต่เด็กๆส่วนใหญ่จะเล่นในโคลน คลุกกันจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใครกันเลยล่ะค่ะ



ก่อนกลับต้องล้างตัวกันก่อน



และต้องล้างให้สะอาดก่อนไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกลับโรงเรียน



หลังอาบน้ำสระผมและแต่งตัวเสร็จแล้ว เด็กจะได้รับประทานน้ำแข็งไส กับกล้วยทอดที่เด็กๆช่วยกันขูดมะพร้าวและโม่แป้งไปค่ะ

ประสบการณ์ในครั้งนี้ไม่เฉพาะเด็กๆเท่านั้น ผู้ใหญ่เองก็รู้สึกสนุกไปกับการเรียนรู้นี้ด้วย และได้ความรู้อีกมากมายเลยค่ะ


หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับบ้านนาครูธานีเพิ่มเติมให้ติดต่อไปที่ ครูธานี หอมชื่น



Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement