ถึงเวลาที่คุณอาจจะต้องเปลี่ยนงานแล้วหรือยัง มาดู 10 สัญญาณบอกเหตุกัน


ในชีวิตคนเราเรียนรู้ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายปีดีดัก ในช่วงนั้นเชื่อว่าทุกคนต้องมีความฝันเรื่องงานกันบ้างล่ะค่ะ และเมื่อถึงเวลาทำงานจริงๆในบางครั้งก็เลือกงานไม่ได้เสียด้วยสิ บางคนไม่ได้ทำงานอย่างที่ฝันแต่กลับชอบงานนั้น บางคนได้ทำตามฝันแต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิดก็มี ถึงจุดๆหนึ่งเราควรฟังสัญชาตญาณของเราเองด้วยค่ะ มาดูกันว่าถึงเวลาที่คุณจะเปลี่ยนงานได้หรือยัง ไม่ว่าจะสายงานเดิมแต่คนละที่ หรือเปลี่ยนสายงานไปเลยก็ตาม เพราะบางครั้งไม่ใช่เพราะงานแต่เพราะคนที่เราทำงานด้วยนั่นแหละค่ะ



ฝันกลางวันบ่อยๆ

การฝันกลางวันไม่ใช่เพียงการเพ้อฝันหาคู่เดท คู่รักแต่อย่างไร แต่บางครั้งที่เราเหม่อและคิดนู่น คิดนี่ไปเรื่อยๆ อาจจะหมายถึงว่าคุณไม่มีสมาธิกับงานที่ทำ และการที่เราไม่มีสมาธิก็เป็นตัวบอกได้ว่า งานที่เราทำอยู่ทุกวันไม่ใช่งานที่ชอบหรือไม่ใช่งานที่เราอยากจะทำจริงๆ



ตื่นนอนไม่เคยมีความสุข

ตอนเช้าไม่อยากลุกจากเตียง ไม่อยากขยับกาย ไม่อยากกระตือรือร้นอะไรเลย นี่คือสัญญาณบอกได้ชัดเจนว่าเราไม่ได้รักงานที่ทำเลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานเลย ฉะนั้นถ้าเราไม่มีความสุขตั้งแต่ลืมตาตื่นในแต่ละวันแล้วเนี่ย จะเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าเราจะทำงานไม่ราบรื่น ทำไม่เต็มที่ และทำไปงั้นๆ



ความฝันในการทำงานวัยเด็กยังคงร่ำร้อง

ทำงานในแต่ละวันถ้าเราทำเพราะว่ามัน "โอเค" ก็สามารถทำไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเมื่อไรที่เราไปนึกย้อนถึงสมัยวัยเรียนของเรา แล้วความฝันในสมัยนั้นเราก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ได้เดินตามหาเลย หากเป็นบ่อยๆแสดงว่างานที่เราบอกว่า "โอเค" คงเป็นเพียงแค่การทำงานเพื่อต้องการเงินเดือนเท่านั้นแหละ ใจจริงๆยังมีงานที่อยากจะทำอยู่แน่นอน



สถานการณ์การเงินของคุณย่ำแย่

ถ้าการเงินของคุณไม่ได้ย่ำแย่เพราะใช้บัตรเครดิตจนเกินงบหรือใช้ไปหลายใบจนวนเวียนหาทางจ่ายไม่ได้ แสดงว่าเงินเดือนของคุณยังคงไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือน หากคุณยังรักงานที่ทำอยู่ คุณควรไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อการเลื่อนตำแหน่ง หรือหากจำเป็นคุณควรหาทางเปลี่ยนงานเพื่ออัพเงินเดือนของคุณ ไม่ว่าจะงานสายเดิมหรือเปลี่ยนสายงานก็ตาม



งานที่ฝันไม่ใช่อย่างที่คิด

ความฝันในการเปิดร้านเบเกอรี่หรือร้านกาแฟ เป็นฝันของหลายๆคน แต่เมื่อได้ลงมือทำจริงๆแล้ว ทั้งวันสิ่งที่คุณต้องทำคือ เบเกอรี่หรือชงกาแฟ คุณแทบไม่ได้ทำอย่างอื่น นอกจากงานด้านการเงินของร้าน ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณเหนื่อย จนสุดท้ายก็ต้องจ้างพนักงานเพิ่มไม่ว่าจะเป็นพาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ก็ตาม และนั่นจะทำให้คุณปวดหัวกับเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมาอีก แต่ถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของคุณเอง คุณอาจจะเป็นหนึ่งในพนักงานและอาจจะพอมีเวลาออกไปทำงานอย่างอื่นได้ด้วย เมื่อร้านอยู่ตัวแล้ว คุณเพียงแค่คอยควบคุมงานทุกอย่างให้อยู่ในระบบ



คุณรู้ตัวดีว่า คุณทำได้มากกว่านี้

งานอะไรก็ตามที่คุณบอกว่าคุณทำเต็มที่แล้ว ทั้งๆที่จริงๆคุณก็รู้อยู่เต็มอกว่าคุณทำได้มากกว่านี้ เต็มที่กว่านี้ การที่คุณทำได้ยังไม่เต็มที่เพราะใจคุณไม่ได้อยู่ที่งาน หรือคุณรู้สึกว่างานของคุณไม่ใช่สิ่งที่คุณเป็นและสิ่งที่คุณต้องการเสียแล้ว



ความหวือหวา ชีวิตชีวาในการทำงานหายไป

มันเป็นเรื่องแน่นอนที่เราทำอะไรเดิมๆทุกวันก็ต้องมีบ้างที่เริ่มเบื่อ หรือจำเจ ตอนแรกๆของการเข้าทำงานอะไรก็ดีไปหมด สนุกกับการทำงาน ตอนนี้รู้สึกอยากให้เลิกงานเพื่อออกไปใช้ชีวิตข้างนอก นั่นแปลว่า คุณเองก็มีงานอื่นๆในใจแล้วล่ะ เพียงแต่ยังไม่อยากก้าวออกจากงานเดิมๆ



คนรอบข้างเริ่มบ่นอุบว่าคุณเปลี่ยนไป (ในแง่ลบ)

ถ้าเมื่อไรที่คุณเริ่มบ่นเรื่องงานบ่อยๆกับเพื่อน หรือเอางานกลับไปทำที่บ้านตลอด จนเหมือนไม่มีเวลาเป็นของตัวเองล่ะก็ พิจารณาตัวเองโดยด่วน เพราะคุณเกาะติดกับงานเสียจนขาดการใช้ชีวิตในสังคมไป คุณอาจจะเลือกที่จะเป็นแบบนี้ จนใครๆก็ไม่กล้าชวนคุณไปไหน เพราะไปไหนก็มัวห่วงแต่เรื่องงาน คุณเองก็เริ่มเสียสุขภาพจิตเพราะจดจ่อกับงานจนไม่รู้สังคมภายนอก



ลองคิดถึงตัวเองในอีก 20-30 ปีข้างหน้า

เมื่อถึงตอนนั้นถ้าคุณหันมามองงานที่ทำอยู่ตรงนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร จะภูมิใจหรือไม่ งานที่ทำควรเป็นส่วนหนึ่งของความภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นงานเงินเดือนมากหรือน้อยก็ตาม ความภาคภูมิใจก็อยู่ตรงที่คุณรับผิดชอบตัวเองได้ ใช้ชีวิตได้ไม่เป็นภาระใคร และรู้สึกได้ใช้ชีวิตได้เต็มที่ทั้งกับงานและด้านสังคมอีกด้วย

หลายๆคนกลัวที่จะเปลี่ยนงาน แต่หากคิดกันดีๆ หากเราไม่ลองไม่เริ่มก็จะไม่รู้ ลองสอบถามจากเพื่อนๆหรือคนรู้จักถึงงานต่างๆไว้เป็นข้อมูล เพื่อที่วันใดที่คุณพร้อมจะเปลี่ยนงานจะได้มั่นใจได้เต็มที่




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement