รวมเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาวได้แบบปลอดภัยไร้กังวล
เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีปัญหาสีฟันคล้ำหรือมีคราบบนผิวฟันหลงเหลือชัดเจน คงกำลังมองหาทางแก้ไขเพื่อให้สีฟันกลับมาขาวสะอาดเหมือนเดิม เพราะถ้าพูดกันตามจริงแล้วปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ขาดความมั่นใจในการพูดและการยิ้ม ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพและความกล้าแสดงออกโดยรวมของคนๆ หนึ่งอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้น เมื่อมีนวัตกรรมหรือวิธีการฟอกสีฟันเกิดขึ้น จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถกู้รอยยิ้มสวยสะอาดและความมั่นใจกลับมาให้เจ้าของฟันได้ ใครที่มีแพลนจะไปฟอกฟันขาว มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนจะไปฟอกฟันขาวหรือใช้อุปกรณ์ฟอกสีฟัน เพื่อให้ได้ฟันขาวสะอาดมาอย่างถูกวิธี และได้ประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
สีฟันคล้ำ ฟันเหลือง คราบสะสมติดผิวฟันฝังแน่น เกิดจากอะไร?
สาเหตุของฟันเหลือง เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
• ปัจจัยธรรมชาติ บางคนมีสีฟันเดิมที่ไม่ได้ขาวมาตั้งแต่เกิด รวมไปถึงเมื่ออายุมากขึ้น ฟันที่เคยขาว ก็มีโอกาสที่เนื้อฟันจะบางลงและเปลี่ยนสีได้เช่นเดียวกัน
• พฤติกรรมการรับประทานอาหาร คนที่บริโภคชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผักผลไม้ที่มีสีเข้มเป็นประจำ รวมไปถึงผลไม้ที่มีกรดอย่างเช่น มะนาว ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวเคลือบฟัน ก็มีโอกาสทำให้ฟันเหลืองหรือเนื้อฟันเปลี่ยนสีได้
• พฤติกรรมการใช้ชีวิต ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำมักมีปัญหาฟันเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ เนื่องจากเขม่าจากควันบุหรี่เข้าไปเกาะรอบตัวฟันและฝังแน่นจนสุขภาพฟันมีปัญหาอื่นๆ ตามมา
• การดูแลสุขอนามัยช่องปาก การที่ฟันเหลืองและมีคราบสะสมฝังแน่น ส่วนใหญ่มักเกิดจากการทำความสะอาดฟันที่ไม่ทั่วถึง ทำให้เศษอาหารไม่ถูกชะออกเป็นเวลานาน จนติดแน่น กลายเป็นคราบสะสมฝังลึกอยู่ที่ผิวฟัน นานๆ ไปอาจเกิดการสะสมของแบคทีเรียและคราบหินปูนสีเข้มจนทำให้ฟันผุหรือฟันตายได้
การฟอกสีฟันมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ก่อนเริ่มขั้นตอนฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะตรวจเช็กสุขภาพช่องปากก่อน หากพบว่ามีฟันผุ หรือโรคเหงือก ควรจะต้องรักษาให้หายก่อน และนอกจากนี้ ทันตแพทย์จะขูดหินปูน และขัดคราบสีผิวนอกของฟันออกก่อน การฟอกสีฟันนั้น ทันตแพทย์จะใช้ชุดน้ำยาฟอกสีฟันซึ่งมีสารประกอบด้วย สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ทาลงบนผิวฟัน
นอกจากการฟอกสีฟันด้วยชุดน้ำยาฟอกสีฟันแล้ว ยังมีการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ ซึ่งเป็นการใช้คลื่นเลเซอร์ความยาวเฉพาะ ทำงานร่วมกับเจลชนิดพิเศษ โดยใช้เวลาในการทำในคลินิกประมาณ 30 – 40 นาที สีฟันก็จะขาวได้เร็วขึ้น ขณะที่หากฟอกสีฟันที่บ้านด้วยตัวเอง จะใช้เวลา 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อให้สีฟันขาวขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับการฟอกสีฟันที่คลินิก
การฟอกสีฟัน ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
• การฟอกสีฟัน ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เคลือบฟันบางลง แต่การฟอกสีฟันคือการที่น้ำยาฟอกสีฟันไปทำปฏิกริยากับเม็ดสีในตัวฟัน
• สีของฟันจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เนื่องจากเคลือบฟันที่บางลง
• สีฟันที่ขาวขึ้นจากการฟอกสีฟัน จะไม่อยู่ถาวร อาจจะต้องมีการฟอกซ้ำเป็นะระยะๆ ซึ่งจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับการดูเเลหลังจากการฟอกสีฟัน
• การฟอกสีฟันที่เห็นผลเร็วที่สุด คือ การฟอกสีฟันที่ทำโดยทันตแพทย์
• การฟอกสีฟันไม่สามารถทำได้ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือขณะให้นมบุตร
• ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเริ่มการฟอกสีฟัน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และฟัน ว่ามีความพร้อมหรือไม่
วิธีการลดอาการเสียวฟันจากการฟอกสีฟัน
• ลดการรับประทานอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน หรือเครื่องดื่มที่เย็นเกินไป
• ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมช่วยลดอาการเสียวฟัน
• รับประทานยาแก้ปวด เมื่อมีการเสียวฟัน
การดูแลฟันหลังจากการฟอกสีฟัน
• อาจใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อป้องกันอาการเสียวฟันด้วย
• ทำความสะอาดฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อลดการสะสมของคราบบนผิวฟัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดสีบนผิวฟัน
• หลังจากการฟอกสีฟัน ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากบุหรี่มีสารที่ทำให้เกิดคราบบนผิวฟัน
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรใช้หลอดในการดื่ม เพื่อไม่ให้สีจากเครื่องดื่มสัมผัสผิวฟัน
• หลังจากฟอกสีฟันอย่างน้อย 7 วัน หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกที่มีสีเข้ม