มะตูม (Bael)




มะตูม (Bael)

ถ้าหากคุณเคยดูข่าวในพระราชสำนัก เวลาที่ท่านทูตไทยต้องเดินทางไปรับราชการที่ต่างประเทศ จะต้องเข้าเฝ้าในหลวงซึ่งพระองค์จะทรงส่งยอดไม้เล็ก ๆ มีใบ 3 ใบ เป็นรูปไข่สีเขียวเข้มเป็นมันให้ท่านทูตทัดหูเป็นสิริมงคล ซึ่งไม้นั้นคือ ยอดมะตูม สัญลักษณ์ของความรุ่งเรือง อันถือเป็นไม้มงคล 1 ใน 8 ชนิดของไทยโบราณและเป็นพรรณไม้ประจำจังหวัดชัยนาทด้วย

แต่ในปัจจุบัน เรารู้จักและคุ้นเคยกับมะตูมในรูปแบบเค้กมะตูม น้ำมะตูมเชื่อมกันมากที่สุด มะตูม หรือ มะปิน ในภาษษของชาวเหนือและเรียกว่ามะปีส่า ในภาษากะเหรี่ยงและแม่ฮ่องสอนนั้น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Baelfruit เป็นพืชสมุนไพรวงศ์ Rutaceae ซึ่งมีชื่อเรียกกันทางวิทยาศษสตร์ว่า Aegle Marmelos Corr. 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะตูมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงประมาณ 10-15 เมตร ที่ให้ร่มเงาได้ดี คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้านเพื่อป้องกันโจรปีน เพราะตามลำต้นและกิ่งไม้หนามแข็งตรง ที่ปลายแหลมคมยาว ราว 1 นิ้ว ใบประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบ เรียงวกลับ ใบย่อยเป็นรูปไข่ปลาใบแหลมผิวใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ขนาดกว้างเฉลี่ย 2-7 ซม. ส่วนความยาวของใบอนู่ที่ 4-12 ซม.

ดอกมะตูมเป็นสีขาวบริสุทธิ์หรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและที่ปลายกิ่ง เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแดด มีความทนทาน สามารถขึ้นได้ดีในทุกสภาพพื้นที่ ปลูกง่ายทุกภาคทั่วไทย ออกดอกราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ออกผลในเดือนธันวาค-กุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดสดลงในทราย ผสมปุ๋ยผมมัก เมื่อลำต้นโตขนาดเท่าดินสอ จึงย้ายลงไปในหลุม หรือาอจใช้วิธีขุดหน่อทีงอกขึ้นใกล้กับโคนต้นใหญ่ไปปลูกใหม่ก็ได้เป็นพืชที่ชอบน้ำและความชื้นปานกลาง

~บ้านเรา มีมะตูมอยู่ 3 สายพันธุ์ โดยแบ่งตามลักษณะของผลที่งอก พันธุ์ที่นิยมปลูกและใช้บริโภคคือ “มะตูมไข่” ผลมีรูปร่างคล้ายมะขวิด คือเป็นรูปไข่หรือรียาว ขนาดประมาณ 10-14 ซม. มีเปลือกหนาและแข็งมาก ผิวของเผลือกเกลี้ยงและเรียบ

ความเป็นมา
เป็นไม้พื้นเมืองของออสเตรเลีย ศรีลังกาและอินเดีย จึงได้ชื่อภาษาอังกฤษอีกชื่อหนึ่งว่า Bengal Quince คนไทยถือและเชื่อเกี่ยวกับความดีความเป็นสิริมงคล ส่วนชาวอินเดียมีความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาว่า มีความผูกพันอยู่กับพระศิวะ และมีคุณสมบัติเป็นยาชั้นดีด้วย

คุณค่าละคุณประโยชน์
ใบอ่อนและยอดอ่อนของมะตูมใช้ทานเป็นผักจิ้มน้ำพริกหรือกินกับลาบและใช้ผสมใส่ในแกงบอน เพื่อปรุงรสและกลิ่นให้หอมเย็น แถมยังแก้โรลำไส้ด้วยเพราะมีสารเมือก (Mucilage) เพ็กติน (Pectin) และสารที่มีรสขมบางคนนำใบมาคั้นหรุงเป็นแกงบนที่ถือว่าเป็นแกงในพิธีมงคลของคนไทยสมัยโบราณ

เปลือกมะตูมใช้ย้อมผ้าเป็นสีเหลืองได้ ส่วนเนื้อไม้มักนำไปใช้ทำเป็นตัวเกวียน และเพลาที่ใส่ติดกับล้อเกวียน

ผลมะตูมอ่อน ค่อย ๆ ฝานออกเป็นชิ้นบาง ๆ จะนำไปตากแห้ง หรือชงสด ๆ กับน้ำเพื่อดิ่มกันแก้ท้องเสีย นอกจากนี้ยังทำเป็นยาธาตุทที่ช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยรักษาโรคลำไส้เรื้อรัง หรือแก้โรคบิดในเด็ก โดยใช้ผสมในสัดส่วน 1ต่อ 10 ดื่มครั้งละ 20-30 ซี.ซี. ไม่ช้าไม่นาน อาการจะคลายและหายไป หรือจะนนำมะตูมอ่อนทั้งลูกมาด้มกับน้ำ แล้วนำไปให้หญิงมีครรภ์ดิ่ม เชื่อว่าทำให้แม่และเด็กปลอดภัย ช่วยให้คลอดง่าย แถมยังได้ลุ้นลูกหรือหลานในครรภ์ เพราะว่ากันว่าหากต้มลูกมะตูมแล้วเปลือกแตกจะได้ลูกสาว ถ้าเปลือกไม่แตกจะได้ลูกชาย

สำหรับผลแก่และสุกแล้ว จะเลือกทานสด ๆ ก็ได้ หรือจะนำมาขูดเหลือกออกให้เกลี้ยง ทุบเปลือกให้แตก แล้วนำไปต้มกับน้ำตาลทรายแดงทั้งลูก มีสรรพคุณทางยาเป็นยาระบายท้อง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ จะทำให้ถ่ายคล่อง แถมยังมีประโยชน์ช่วยขับผายลม แก้ร้อนใน ที่สำคัญคือ จากการทดลองพบว่าสารเพ็กตินในมะตูมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคในลำไส้ สุดท้ายคือยางที่หุ้มรอบเมล็ดมีความเหนียวสามารถนำไปใช้เป็นกาวติดสิ่งของได้ คนสมัยก่อนใช้ยางนี้ไปผสมกับสีเพื่อวาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง เพราะทำให้ภาพคงทน

วิธีทำน้ำมะตูม
นำมะตูมแห้งมาต้มกับน้ำ โดยใส่น้ำให้พอท่วม หลังจากต้มตนเดือดแล้ว ให้เทเอากากมะตูมทิ้งไป โดยกรองด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นให้นำเอาน้ำมะตูม 1 ส่วน ผสมกับน้ำตาลครึ่งส่วน คนให้เข้ากันจนละลาย จะเลือกดื่มร้อน ๆ แทนน้ำชาก็ชุ่มอ หรือจะเลือกนำไปแช่ตู้เย็นไว้ดื่มก็ชื่นใจ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นสัปดาห์ เป็นเครื่องดื่มสุขภาพสำหรับแขกที่มาเยือนได้ดี เพราะมีกลิ่นหอมเย็นชวนดื่ม ช่วยแก้อาการร้อนในและช่วยระบายท้อง

Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement