'ลบ' เป็น 'บวก'


สมัยเด็กๆ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ สิ่งแรกที่รู้จักก็คือ 'การบวก-ลบ' จำนวนเลข เรารู้ว่าการบวกทำให้มีมากขึ้น ถ้าน้อยลงคือลบ พอโตอีกหน่อย วิธีการเริ่มซับซ้อน มีบวก-ลบในและนอกวงเล็บ ถ้าอ่านโจทย์ไม่ดีตีไม่แตก ก็ผิดพลาดได้ง่ายๆ เคยคิดเหมือนกันว่าทำไมครูตั้งโจทย์ให้ลึกลับซับซ้อน คิดไปมาหลายตลบ บวกนั่นลบนี่ กว่าจะได้คำตอบตอนสุดท้ายก็ทำเอาเหนื่อย

พอโตขึ้นจึงรู้ว่า ชีวิตคนเรา ไม่ต่างจาก โจทย์คณิตศาสตร์ มีหลายสิ่งให้เราขบคิดอยู่ตลอดเวลา การดำเนินชีวิตไม่ใช่สักแต่ว่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะดีจะร้าย อย่าโทษว่าเป็นเพราะกรรมเก่า บุญเก่า ชาติที่แล้วทำกรรมไว้เยอะ หรือทำบุญร่วมกันมา

ใครทำอย่างไร ได้อย่างนั้น ใครคิดอย่างไร เป็นอย่างนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ส่งผลในชีวิตนี้ทั้งสิ้น

เมื่อมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น พิจารณาดูให้ละเอียดทุกขั้นตอน อันไหนคือโจทย์ตั้ง แล้วลบออกเท่าไหร่ มีจำนวนบวกเข้าไปหรือไม่ และอะไรทำให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างที่เห็น

หากเรื่องราวซับซ้อน ก็ให้คิดแบบมีสติ ค่อยๆ แก้โจทย์ทีละชั้น บางครั้งอาจมีเลขยกกำลังทำให้กลายเป็น 2 เหตุการณ์ในเรื่องเดียว

ภาพยนตร์อินโดนีเซียเรื่องหนึ่ง เล่าเรื่องของสองพี่น้องที่เกิดและเติบโตมาด้วยกัน ต่างกันตรงที่คนหนึ่งสวย แต่อีกคนไม่สวย

พ่อแม่รักและเอาใจน้องสาวคนสวยมากกว่าพี่สาว เธอเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ทุกคนเข้าหา และคิดว่าชีวิตคงไม่ต้องพยายามอะไรอีกแล้ว เพราะมีพร้อมทุกอย่าง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ

ขณะที่พี่สาวไม่มีใครเหลียวแล บางครั้งคิดน้อยใจว่าทำไมโลกจึงไม่ยุติธรรม ชีวิตคงดีกว่านี้ถ้าไม่มีน้องมาแย่งความสนใจ

ความต่างทำให้พี่น้องไม่สนิทสนม ไม่ชอบหน้ากันและห่างเหินในที่สุด

เวลาผ่านไปหลายปี สองชีวิตนี้แยกขาดจากกัน แต่ละคนดำเนินชีวิตไปคนละแบบ พี่สาวแต่งงานกับเพื่อนชายที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ส่วนน้องสาวอยู่เป็นโสด ไม่คิดแต่งงาน

ครอบครัวของพี่สาวเริ่มมีปัญหาซึ่งเกิดจากความหวาดระแวงว่าสามีจะนอกใจ เธอคิดว่าตัวเองไม่สวย ไม่น่าสนใจ ไม่มีคุณค่า วันหนึ่งสามีคงต้องทิ้งร้างจากไป ส่วนน้องสาวก็ไม่ยอมลงเอยกับใครสักที ทั้งที่มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตามารุมรัก

จนกระทั่งสองพี่น้องได้มาเจอกันอีกครั้งในพิธีศพของแม่ ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่นาน น้องสาวถามพี่ด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่าเป็นอย่างไรบ้าง เท่านั้นเอง พี่สาวก็น้ำตาคลอ แล้วพูดขึ้นว่า

“ไม่มีความสุข”

“ทำไม” น้องถาม

“เพราะพี่ไม่รู้ว่าความสุขคืออะไร” พี่สาวตอบ

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้องสาวพูดขึ้น

เมื่อกำแพงน้ำแข็งทลายลง ทั้งคู่หันหน้าคุยกัน พี่สาวเผยถึงความรู้สึกที่เคยแอบอิจฉาน้อง เคยคิดว่าชีวิตที่อยู่คนเดียว คงมีความสุขกว่านี้ จึงได้แยกตัวจากครอบครัวไปอยู่เสียห่างไกล แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมากลับรู้สึกโดดเดี่ยวตลอดเวลา

เธอตัดสินใจแต่งงาน เพราะคิดว่านั่นคือวิธีที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข แต่ไม่เชื่อว่าตัวเองมีคุณค่า และเป็นที่รักของสามี จึงรู้สึกหวาดระแวงว่าเขาจะไปมีคนอื่น ความสุขที่ไขว่คว้า ห่างไกลออกไปทุกที

น้องสาวฟังพี่ด้วยท่าทีสงบ ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า

“หนูก็อิจฉาพี่ หลายครั้งที่เคยคิดว่าถ้าเป็นพี่ก็คงจะดี มีอิสระมากมาย อยากทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครมาสนใจหรือคอยบงการ”

ชีวิตของน้องสาวแสนสวย กลับไม่สวยงามอย่างที่เห็น เธอถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืน และปิดเป็นความลับ ไม่มีใครรู้แม้แต่แม่ วันที่พ่อตาย เธอรู้สึกราวกับว่าชีวิตถูกปลดแอกเสียที แต่ผลกระทบที่ตามมาคือเธอเกลียดผู้ชาย และเกลียดตัวเอง

พี่กอดน้องไว้แน่น ทั้งคู่รู้ซึ้งแล้ว ที่ผ่านมาควรอยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อคอยปกป้องกันและกัน

ถ้าชีวิตของสองพี่น้องนี้เป็นโจทย์ ผลลัพธ์ของทั้งคู่ก็มีค่าเป็นลบ แต่สมการของคณิตศาสตร์ ลบคูณลบได้ค่าเป็นบวก

หลังจากที่ใช้เวลาเยียวยา พี่น้องกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เพื่อเรียนรู้ที่จะรักตัวเองและผู้อื่น

ผลด้านบวกของชีวิต บางทีก็มาจากค่าที่เป็นลบได้เหมือนกัน

Source::กรุงเทพธุรกิจ


Tag :




แสดงความคิดเห็น






Content-Seo


Advertisement