สารพันปัญหา


          ความเข้าใจผิดที่พบได้ทั่วไปคือความคิดที่ว่าปัญหาภายในพื้นที่ส่วนนี้ เช่น เชื้อรา กระเพราะปัสสาวะอักเสบ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียดในช่องคลอด มีสาเหตุจากการมีเซ็กซ์โดยไม่ป้องกันหรือเพราะไม่รักษาความสะอาดเท่านั้น แต่บางครั้งผู้หญิงแทบทุกคน จะมีปัญหาสุขภาพอวัยวะเพศหรือระบบสืบพันธุ์ที่ต้องการความเอาใจใส่อยู่บ้าง

           ปัญหาที่ 1 ปวดแสบเวลาฉี่
           สาเหตุ : รู้จักกันดีในชื่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคติดเชื้อในท่อนำปัสสาวะนี้ เกิดจากการเจรญิเติบโตเกินขอบเขตของแบคทีเรียบริเวณช่องทางนำส่งปัสสวะที่เชื่อมหลอดปัสสาวะ กับกระเพาะปัสสาวะ มักพบได้มากในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ
           วิธีแก้ไข: ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำมากขึ้นจะช่วยขับแบคทีเรียออกมา น้ำผลไม้แครนเบอรี่ที่มีน้ำตาลเล้กน้อยก็ช่วยยับยั้งไม่ให้แบคทีเรียหลงเหลืออยู่ได้
           วิธีรักษา : อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง เพราะมันอาจลุกลามกลายเป็นติดเชื้อในไตที่ร้ายแรงกว่ามาก ถ้าคุณมีไข้ หนาวสั่น หรือคลื่นไส้ ควรพบแพทย์ทันที ถ้าคุณมีอาการติดเชื้อมากกว่าหนึ่งครั้ง (2 ครั้งภายใน 6 เดือน) ก็ควรปรึกษาแพทย์
           วิธีป้องกัน : เช็ดทำความสะอาดบริเวณนี้จากหน้าไปหลัง และพยายามฉี่ทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อขับแบคทีเรียออกมา

           ปัญหาที่ 2 เจ็บอวัยวะเพศ
           สาเหตุ : เกิดจากปลายประสาททำงานผิดปกติ บางทีอาจเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บบริเวณอวัยวะเพศมาก่อนหน้านี้ก็ได้ เช่น การคลอดบุตร ซึ่งทำให้ปลายประสาทบริเวณนี้ไวต่อการสัมผัส
           วิธีแก้ไข : แพทย์อาจสั่งยาคลายเครียดขนาดอ่อนให้เพราะจะมีผลต่อปลายประสาท หรืออาจสั่งยาสเตรียรอยด์ เพื่อบรรเทาการอักเสบ
           วิธีรักษา : คุณควรพบแพทย์ผิวหนัง เพราะผิวหนังบริเวณช่องคลอดก็ยังเป็นผิวหนังชนิดหนึ่ง และการพบแพทย์ผิวหนังอาจตรงจุดกว่าสูตินรีแพทย์
           วิธีป้องกัน : ผู้หญิงมักรู้ดีว่าอะไรกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณนี้ เช่น การนั่ง การใส่เสื้อผ้ารัดรูป การออกกำลัง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ หรือปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อตรวจหาอาการบาดเจ็บเก่าๆ การดึงหรือกระตุกของกล้ามเนื้อที่อาจเป็นสาเหตุของการเจ็บปวด

           ปัญหาที่ 3 ประจำเดือนผิดปกติ
           สาเหตุ : แม้ว่าเป็นอาการที่มักสืบทอดทางกรรมพันธุ์ ทฤษฎีหนึ่งบอกว่าเกิดจากประจำเดือนไหลย้อนกลับ หรือการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรืออาจเป็นตั้งแต่แรกเกิดก็ได้
           วิธีแก้ไข : การวินิจฉัยโรคเยื่อบุมดลูกผิดปกติ ทำได้โดยใช้เครื่องมือส่องผนังช่องท้อง ซึ่งจะระบุได้ว่ามีการเติบโตผิดปกตินอกมดลูกหรือไม่
           วิธีรักษา : พบสูตินรีเแพทย์เพื่อทำการรักษา
           วิธีป้องกัน : ควรกินไขมันแต่น้อยและกินไฟเบอร์มากๆ และเลี่ยงอาหารนมเนยก็อาจช่วยได้

           ปัญหาที่ 4 คันอวัยวะเพศ
           สาเหตุ : ช่องคลอดค่อนข้างมีระดับพีเอชเป็นกรด เมื่อสมดุลของกรดและต่างเสียไป (เช่นในกรณีมีอสุจิหลงเหลือหลังจากร่วมเพศจะทำให้ช่องคลอดมีสภาพเป็นด่างมากกว่า) กลุ่มของแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องคลอดตามธรรมชาติจึงอาจยึดครองพื้นที่และทำให้เกิดอาการคันจากเชื้อราได้
           วิธีแก้ไข : การกินยาปฏิชีวนะสักชุดตามแพทย์สั่งอาจช่วยได้ แต่ยาปฏิชีวนะก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเสียเอง เพราะมันไปทำลายแบคทีเรียดีในลำไส้และช่องคลอด
           วิธีรักษา : พบสูตินรีแพทย์ ถ้าคุณมีอาการติดเชื้อราเป็นประจำ คู่รักของคุณอาจต้องเข้ตรวจด้วย เพราะอาจติดต่อกันได้
           วิธีป้องกัน : เจือจางน้ำมันต้นชา 10 หยด ลงในอ่างน้ำอุ่น หรือ3-4 หยดผสมกับน้ำมันอัลมอนด์หวานบนผ้าอนามันแบบสอดแล้วสอดเข้าช่องคลอด

           ปัญหาที่ 5 อวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็น
           สาเหตุ : อาการแบคทีเรียในช่องคลอดผิดปกติจะสัมพันธ์กับความเครียด ซึ่งส่งผลปรับเปลี่ยนระดับภูมิคุ้มกันและแบคทีเรีย ช่องคลอดจะส่งกลิ่นคาวจัดกว่าเดิมหลังมีเซ็กซ์ และก่อนมีประจำเดือน มันอาจเกิดจากอากาศร้อน สุขภาพไม่ดี ไม่รักษาความสะอาด การใช้ห่วงคุมกำเนิดหรือแผ่นยางคุมกำเนิด หรือการฉีดสวนล้างช่องคลอดเป็นประจำ ทำให้แบคทีเรียดีหายไป
           วิธีแก้ไข : ใช้เจลที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือน้ำแอปเปิ้ลหมักหยดลงบนผ้าอนามันแบบสอดหรือก้นสำลีแล้วสอดในช่องคลอดก็อาจช่วยฟื้นฟูสภาพเป็นกรดในช่องคลอดได้ และควรใช้ถุงยางอนามัยไปพร้อมกันเพื่อช่วยช่องคลอดกลับสู่สภาวะเป็นกรดตามธรรมชาติ ป้องกันการเกิดแบคทีเรียด (การมีเซ็กซ์โดยไม่ป้องกันทำให้ช่องคลอดเป็นด่าง และส่งกลิ่นเหม็น
           วิธีรักษา : เมื่อพบแพทย์ อย่าพยายามปกปิดกลิ่นด้วยการล้าง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใดๆ หรือใส่ผ้าอนามัยมีน้ำหอม แพทย์จำเป็นต้องตรวจสอบสภาพที่เป็นจริง<br>
           วิธีป้องกัน : ดูแลเอาใจใส่ตัวเอง กินอาหารมีประโยชน์นอนหลับให้เพียงพอ หาวิธีระบายความเครียดและดื่มน้ำมากๆ

           ปัญหาที่ 6 ติดโรคทางเพศสัมพันธ์
           สาเหตุ : เป็นไปได้ที่คุณหรือคู่รักติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยจึงเป็นวิธีดีที่สุดในการป้องกันโรค ควรตรวจแพ็พ สเมียร์ครั้งแรกภายใน 1 ปีของการมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ และตรวจเป็นประจำทุก 2 ปี (บ่อยกว่านั้นถ้าพบความผิดปกติ)
           วิธีแก้ไข : เชื้อคลามิเดียและหนอนในเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อเหล่านี้จึงรักษาง่ายด้วยการกินยาปฏิชีวนะ แต่ยังไม่มีวิธีรักษาการติดเชื้อไวรัส ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าอาการของเชื้อเอชไอวี เริม และหูดไวรัสสามารถบรรเทาหรือควรคุมได้แต่ไม่สามารถทำลายตัวไวรัสนั้นได้
           วิธีรักษา : เข้ารับการตรวจภายใน
           วิธีป้องกัน : ถ้าคุณตัดสินใจเลิกใช้ถุงยางอนามัย ควรมั่นใจก่อนว่าคุณและคู่รักได้รับการตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์แล้ว ถ้าคุณหรือเขามีเพศสมัมพันธ์กับคนอื่น ก็ต้องเริ่มใช้ถุงยางอนามัยอีกครั้ง

Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement