แก้ไขปัญหารูปหน้าด้วยโบท็อกซ์


บทเรียนราคาแพงจากศัลยกรรมความงามด้วยการผ่าตัด หรือการฉีดสารเพื่อเสริม แต่งแบบถาวร บ่อยครั้งที่มักลงท้ายด้วยภาวะแทรกซ้อนที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาเหมือนเดิมได้ ก่อนตัดสินใจทำจึงควรมั่นใจและศึกษาอย่างถ่องแท้ถึงผลที่อาจจะได้รับ แต่หากไม่มั่นใจทางเลือกหนึ่งก็คือการใช้สารซึ่งออกฤทธิ์เพียงชั่วขณะอย่าง" โบท็อกซ์"นี่ล่ะ

โบท็อกซ์ ( Botox ) เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จากเชื้อแบคทีเรียคลอสทรีเดียม โบตูลินัมชนิดเอ (Clostridium botulinum type A) นำมาใช้ในเรื่องความสวยงามเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณมายาวนานกว่า 30 ปี โดยได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) มานานกว่า 16 ปี

ปัจจุบันจัดเป็นสารที่นำมาใช้แก้ไขปัญหารูปหน้าโดยไม่พึ่งศัลยกรรมมากที่สุด ใช้กันอย่างแพร่หลายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โบท็อกซ์มีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและทำงานน้อยลง ฉะนั้นปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลมาจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ จึงสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ทั้งสิ้น

สมัยก่อนเรารู้จักโบท็อกซ์ในด้านการฉีดเพื่อรักษาริ้วรอย แต่ปัจจุบันนำมาใช้ในหลายกรณี เพราะสามารถแก้ไขรูปหน้าให้ดูสวยและอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม และยังไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย 
 
1.ฉีดรักษาริ้วรอยบริเวณใบหน้า เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก รอยย่นบริเวณหัวคิ้ว
คนหลายล้านคนทั่วโลกนิยมฉีดโบท็อกซ์ก็เพราะจุดเด่นข้อนี้ เพราะริ้วรอยเหล่านี้เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ มากเกินไป เช่น คนที่ชอบขมวดคิ้วเป็นประจำจะมีรอยย่นบริเวณหัวคิ้วให้เห็น ชอบเลิกหน้าผากเป็นประจำก็จะปรากฏรอยย่นหน้าผากได้เร็วกว่าปกติ สามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยการฉีดโบท็อกซ์ หลังฉีดเพียง 7-10 วันริ้วรอยจะค่อยๆ หายไป แต่ละครั้งจะอยู่ได้นานประมาณ 4 เดือน จากนั้นริ้วรอยจะค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม จึงจำเป็นต้องฉีดซ้ำใหม่ (เมื่อมีริ้วรอยกลับมาหลายท่านมักคิดว่าทำให้ริ้วรอยดูแย่ลงและเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ เพราะริ้วรอยจะกลับมาเหมือนสภาพเดิมที่ควรจะเป็น)

2.ปรับความโค้งของคิ้วในรูปแบบต่างๆ
การฉีดโบท็อกซ์เป็นการคลายกล้ามเนื้อในตำแหน่งที่เราต้องการ อยากให้คลายตรงไหนก็ฉีดตรงนั้น อย่างบริเวณคิ้ว ทำให้สามารถปรับรูปร่างของคิ้วได้ตามต้องการ เช่น ตรงตามธรรมชาติ (Horizontal Brow) โค้งเป็นมุม ( Arched Brow ) หรืออยากให้ดูโฉบเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดอย่างนางแบบ (Flared Brow) ก็ได้ทั้งนั้นแต่ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญโดยตรง

3.เสริมความกว้างให้กับดวงตา
บางรายมีกล้ามเนื้อรอบดวงตาโตและหดเกร็งมากกว่าปกติ ทำให้ดูคล้ายๆ คนที่มีถุงไขมันใต้ตา และยังทำให้รอบดวงตาดูเล็กลง หากแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกซ์เพื่อคลายกล้ามเนื้อดังกล่าวจะทำให้อาการบวมใต้ตาน้อยลง และรอบดวงตาดูกว้างขึ้นได้ เป็นการแก้ข้อบกพร่องของใบหน้าอีกรูปแบบหนึ่ง

4.แก้ปัญหารอยย่นบริเวณดั้งจมูก ปัญหาจมูกบาน หรือยกปลายจมูกให้ตั้งขึ้น
รอยย่นเล็กๆ ไล่จากหัวตาลงไปยังบริเวณปีกจมูกด้านข้างเรียกว่า "Wolf Lines" ซึ่งเปรียบเปรยว่าคล้ายรอยย่นของมนุษย์หมาป่า หากจินตนาการง่ายๆ ลองนึกถึงลูกแมวลูกสุนัขก็ได้ครับ จะเห็นรอยย่นเล็กๆ อยู่ข้างจมูก ซึ่งมักพบในคนที่ชอบขยี้จมูกหรือมีปัญหาโรคภูมิแพ้ต้องไอจามอยู่เป็นประจำ สามารถแก้ได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ นอกจากนี้ยังฉีดเพื่อปรับเปลี่ยนให้ปลายจมูกยกตั้งขึ้นได้ หรือแก้ปัญหาจมูกบานได้อีกด้วย

5.รักษาปัญหาร่องแก้มลึก และริ้วรอยรอบริมฝีปาก
ปัญหาร่องแก้มลึกแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกซ์ได้ แต่ต้องเป็นร่องแก้มที่ไม่ลึกมากนัก หากลึกมากควรฉีดสารสังเคราะห์อื่นๆ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก หรือคอลลาเจน จะเห็นผลชัดกว่า การฉีดในตำแหน่งนี้ต้องระวังเป็นพิเศษครับ เพราะอาจทำให้มุมปากตกได้หากไม่มีประสบการณ์ที่ดีพอ สำหรับริ้วรอยรอบริมฝีปาก พบได้บ่อยในคนที่สูบบุหรี่จัด หรือชอบทำปากจู๋อยู่เป็นประจำ หรือรายที่นิยม จูบปากแบบดูดดื่มก็มีสิทธิ์นะ ! เห็นเป็นริ้วเล็กๆ รอบริมฝีปากเกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อรอบริมฝีปาก ฉีดโบท็อกซ์คลายกล้ามเนื้อชนิดนี้ ริ้วรอยจะหายไป แต่ไม่ควรฉีดในปริมาณมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้มีปัญหากับการดูดน้ำ มีน้ำลายไหลย้อยได้

6.ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กลงโดยการลดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร
ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรที่ใหญ่กว่าปกติ กล้ามเนื้อชนิดนี้มีชื่อว่า "Messeter มักพบในคนที่นอนกัดฟัน หรือสบฟันไม่สนิท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรโตผิดปกติหรือบางรายอาจเป็นโดยกำเนิดก็ได้ครับ หากสังเกตจะพบว่าบริเวณคางเป็นเหลี่ยมชัดเจน เมื่อให้ลองกัดฟันจะเห็นลำของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรทั้งสองข้างชัดเจนกว่าคนปกติ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ทำให้รูปหน้าดูเรียวเล็กลงได้ ฉีดแต่ละครั้งอยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน

7.แก้ปัญหารอยหยัก รอยบุ๋มบริเวณคาง
พบได้บ่อยในผู้ชายเห็นเป็นรอยหยัก รอยบุ๋มบริเวณคาง หากฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณคาง ประมาณ 7-10 วันรอยหยักหรือรอยบุ๋มก็จะหายไปได้

8.ฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น (Meso-Botox for Lifting)
เป็นเทคนิกใหม่ที่น่าสนใจ โดยแพทย์จะผสมโบท็อกซ์ที่มีลักษณะเป็นผงร่วมกับน้ำเกลือในปริมาณที่สูงกว่าการฉีดแก้ริ้วรอย และแทนที่จะฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อก็จะฉีดตื้นๆ เข้าไปในชั้นหนังแท้แทน คล้ายกับการปลูกฝีเล็กๆ นั่นละครับ ซึ่งมีหลายเทคนิกครับเช่น ฉีดตามแนวไรผมจากหน้าผากยาวลงมาถึงมุมคางทั้งสองข้าง หรืออาจฉีดกระจายทั่วใบหน้าเข้าไปในชั้นหนังแท้ วิธีนี้ได้ผลดีมากครับ หลังฉีดหนึ่งสัปดาห์จะรู้สึกว่าใบหน้าตึงกระชับขึ้น ผิวที่เคยหย่อนคล้อยดีขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าไม่มัน แลดูละเอียดขึ้นอีกด้วย นับว่าเป็นเทคนิกใหม่ที่ทำให้หน้าตึงโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมให้ยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการฉีดเพื่อรักษาริ้วรอยสักหน่อยเพราะต้องใช้ปริมาณโบท็อกซ์สูงกว่าปกติ แต่ละครั้งจะอยู่ได้นาน 4-5 เดือน

9.ฉีดแก้รอยย่นบริเวณลำคอ
รอยย่นบริเวณลำคอพบได้สองลักษณะคือ สังเกตเห็นเป็นรอยย่นตามลำกล้ามเนื้อในแนวยาวขนานกันทั้งสองข้าง ซึ่งกล้ามเนื้อนี้มีชื่อว่า "Plastysma" หากแก้ไขโดยการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในลำกล้ามเนื้อดังกล่าวจะทำให้รอยย่นในแนวยาวทั้งสองข้างดีขึ้นได้ อีกลักษณะจะเห็นเป็นรอยย่นตามแนวขวาง นิยมฉีดเป็นฟันปลาตามแนวของเส้นร่องริ้วรอยบริเวณลำคอ ก็สามารถแก้ไขรอยย่นบริเวณลำคอได้เช่นกัน แม้ว่าโบท็อกซ์จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่เพื่อความปลอดภัยและคำนึงถึงประสิทธิภาพที่จะได้รับ ควรสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้มั่นใจว่าเป็นโบท็อกซ์ของแท้จากสหรัฐอเมริกาที่องค์การอาหารและยายอมรับและใช้โดยแพทย์ผิวหนังทั่วโลก เพราะได้มีการศึกษาวิจัยด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยอย่างจริงจัง ทั้งยังมีส่วนประกอบของโปรตีนต่ำ จึงมีความเสี่ยงต่อการดื้อยาน้อยมาก

.... อุตส่าห์ทุ่มทุนเสียสตางค์เพื่อความงามทั้งที ก็ต้องเลือกแต่ของแท้ให้ตัวเราเองนะ !...

เพราะปัจจุบันมีโบท็อกซ์เถื่อนไม่น้อยหน้าซีดีเถื่อน เหมือนกันนะ 


Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement