สามีจากไปเพราะฉันหูหนวก



          ฉันปวดหัวติดต่อกันมา 2 วัน แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมายเพราะคิดว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่พอย่างเข้าวันที่ 3 ฉันตื่นขึ้นมาและพบว่ามันช่างเป็นวันที่เงียบสงัดซะจริงๆ ไม่มีแม้แต่เสียงต่างๆที่คุ้นเคย จนกระทั่งลูกๆวิ่งเข้ามาพูดกับฉัน จึงรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ฉันแจ้นไปโรงพยาบาลและรับฟังข่าวร้ายเรื่องระบบประสาทภายในหูถูกทำลาย หลังจากวันนั้น ฉันยังคงเข้ารับการตรวจอีกหลายครั้ง แต่แพทย์ก็ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร มีเพียงข้อสันนิษฐานว่าอาจะเป็นเพราะเชื้อไวรัส ซึ่งนั่นสามารถทำให้ฉันเป็นคนหูหนวกไปตลอดชีวิต

          3 เดือนหลังจากนั้นคือช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ฉันไม่สามารถทำงานต่อไปได้จึงต้องลาออกมาเป็นแม่บ้าน ภาระทุกอย่าง จึงตกอยู่ที่สามี ไหนจะพ่อแม่ของเขาและยังมีลูกๆของเราอีก 3 คน การเขียนเป็นวิธีเดียวเมื่อต้องสื่อสารกับคนอื่น แต่ก็ลำบากพอสมควรเพราะลูก 2 คนที่เพิ่งอายุ 8 และ 6 ขวบ เขียนได้เฉพาะประโยคง่ายๆอย่าง "หิวมั้ย" หรือ "อยากออกไปข้างนอกหรือเปล่า" ส่วนคนสุดท้องยังเขียนหนังสือไม่ได้เลย นานเข้าๆฉันกับลูกสื่อสารกันเพียงท่าทาง เพราะพอเขียนไปนานๆเขาจะเหนื่อยและรำคาญ บางครั้งเขาถึงกับโยนกระดาษและปากกาทิ้งแล้ววิ่งหนีไป ที่แย่กว่านั้นลูกคนสุดท้องถึงกับไม่ยอมพูดกับฉันเลย สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างที่สุด

          ฉันเริ่มรู้สึกถึงความกลัว หวาดระแวงจากการไม่ได้ยิน และไม่กล้าที่จะย่างก้าวออกไปไหน จึงหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน เพราะกลัวภัยจากการไม่ได้ยินเสียง และคิดว่าบ้านคือที่หลบภัยที่ดีและสงบที่สุด แต่กลับต้องหวาดระแวงว่าลูกๆจะทะเลาะกันโดยที่ฉันไม่รู้ ทำให้ฉันต้องวนเวียนดูพวกเขาทุกๆชั่วโมง

          อย่างไรก็ตาม ฉันพยายามอยู่อย่างมีความหวัง และเสาะแสวงหาทุกวิถีทางที่จะรักษา แต่ก็ไม่ได้ผล หมอคนหนึ่งแนะนำให้ฉันปลูกเซลล์กระดูกแทนที่เสียไป ด้วยค่าผ่าตัดที่สูงลิบลิ่ว ฉันจำใจตัดวิธีนี้ทิ้งเพราะสู้ราคาไม่ไหว

          สามีฉันเริ่มเครียดและหงุดหงิด หลายเดือนหลังจากที่พยายามหาวิธีรักษา เขาบอกฉันว่า การไปหาหมอทำให้เปลืองเวลาและเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ฉันเริ่มหมดหวังและเลิกคิดที่จะดิ้นรนต่อไป ภาวะการเงินในครอบครัวเราเริ่มแย่ลง รายได้จากสามีคนเดียวไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้าน และเรื่องที่ทำให้อะไรต่อมิอะไรแย่ลงไปอีก นั่นคือ เรามักทะเลาะกันเรื่องลูก ช่วงแรกๆก็โต้ตอบกันด้วยการเขียน แต่ในที่สุดก็ยกเลิกทุกวิธีที่ใช้ รวมทั้งเลิกสื่อสารกันไปเลย ระยะหลังเขาเริ่มกลับบ้านดึกแทบทุกวัน ตอนแรกฉันคิดว่าเพราะเขาต้องทำงานหนัก แต่ภายหลังจึงทราบว่าเขาไปดื่มเหล้าและเที่ยวคาราโอเกะ ฉันพยายามไม่คิดอะไรมาก ถึงแม้จะไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าคงไม่เป็นไร เพราะเราใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 10 ปี

          แต่แล้วโลกก็เหมือนถล่มลงมา เมื่อเขาบอกฉันว่าพบผู้หญิงคนใหม่และต้องการหย่า เขาเก็บข้าวของและเดินออกจากบ้าน ฉันได้แต่มองดูและรับรู้ว่าต่อไปนี้คงไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว แต่ก็สัญญากับตัวเองว่าจะต้องอยู่ให้ได้ พ่อแม่สามียังคงอยู่กับฉันเพื่อช่วยดูแลหลานๆรวมทั้งฉันด้วย แม่สามีต้องออกทำงานเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ท่านได้งานเป็นพนักงานทำความสะอาด ส่วนคุณพ่อช่วยดูแลเด็กๆในเวลาที่ฉันทำอาหารและดูแลบ้าน

          ฉันกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หมอยังยืนยันเรื่องการปลูกเซลล์กระดูก ท่านแนะนำให้ฉันสมัครกองทุนช่วยเหลือของโรงพยาบาลเพราะทราบว่าฉันมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งถ้าได้รับการคัดเลือก โรงพยาบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

          นับเป็นความโชคดีที่ฉันผ่านการพิจารณาและได้รับการผ่าตัด จึงมีโอกาสกลับมาได้ยินเสียงต่างๆอีกครั้ง ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เมื่อหมอเปิดเครื่องทดสอบการฟังและตื่นเต้นจนต้องร้องไห้ เมื่อได้ยินเสียงลูกๆ 2 เดือนหลังจากนั้น บริษัทแห่งหนึ่งรับฉันเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานบรรจุxxxบห่อ

          เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป มันสอนให้ฉันเรียนรู้ว่าอย่ามองข้ามความสำคัญของสุขภาพ ฉันมั่นใจและเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังได้เห็นน้ำใจของเพื่อนใหม่และเก่าที่แวะเวียนกันมาให้กำลังใจระหว่างเข้ารับการรักษา ปัจจุบันพ่อแม่สามียังคงอยู่กับฉันแม้ลูกชายท่านจะทิ้งเราไปนานแล้ว ความจริงฉันและสามีกำลังหย่ากัน ทุกสิ่งทุกอย่างใกล้จะจบ ฉันไม่เคยคิดจะให้อภัยเขาที่ทิ้งเราไปในเวลาที่ลำบาก แต่ก็พยายามคิดและมองในแง่ดีว่าเป็นเพราะโชคชะตาทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงแม้ชีวิตคู่จะพังทลาย แต่ฉันก็ยังมีลูกๆที่เหมือนเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิม

Tag :




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement