วรรณ (ชื่อสมมติ) ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวขาวอมชมพู ผิวเนียน แต่เมื่อวรรณเริ่มเล่าเรื่องและปลดไหล่เสื้อให้เห็นรอยแผลเป็นแดงนูนยาวตลอดไหล่ขวาและแผ่นหลัง ไม่น่าเชื่อว่าจากเหตุการณ์รักสามเส้า เรื่องสามีของเธอกับหญิงคนอื่นจะทิ้งบาดแผลไว้ได้น่ากลัวเท่านี้
"ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้ ร้ายที่สุดเท่าที่เราคิดได้ก็แค่ลงไม้ลงมือกันหรือไม่ก็ตบตีกันเท่านั้น ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน นั่นคือความคิดคาดการณ์ของวรรณตอนที่เธอตัดสินใจไปตามสามี โดยที่มั่นใจว่าเขาไปอยู่บ้านของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ถึงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2545 แต่วรรณยังจำได้เป็นอย่างดี
"แฟนเป็นคนหน้าตาดี แล้วเค้าก็เจ้าชู้ด้วย แฟนเรากับผู้หญิงคนนี้ทำงานที่เดียวกัน ตอนแรกๆเราก็ไม่รู้เรื่องแล้วไม่คิดอะไร จนกระทั่งคนที่ออฟฟิศเค้ามาบอกเรา ก็เลยคุยกันกับแฟนว่าจะเอายังไงเลิกกับเขาได้มั้ย เพราะมีลูกด้วยกันแล้ว 2 คน ไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจ แฟนก็บอกว่าเขาจะเลิกกับทางนั้น เราไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนนั้นตัวต่อตัวหรอกนะ เคยแต่ต่อว่าทางโทรศัพท์ เพราะเค้าโทร.มาแล้วให้แฟนเราออกไปหา พอคืนนั้นแฟนไม่กลับบ้าน เราก็คิดว่าเขาอยู่ด้วยกันแน่ๆ เราไม่เชื่อว่าเค้าจะเลิกกันจริงๆเลยตามไปที่นั่น
ต้องเรียกว่าเป็นการบุกไปถึงถิ่นของฝ่ายตรงข้ามอย่างที่ไม่ได้เตรียมรับมือไว้ก่อนเลย วรรณบอกว่าอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าเขายังอยู่ด้วยกันใช่มั้ย เธอจึงไปถึงอพาร์ทเมนท์ของอีกฝ่าย หลังจากเคาะห้องและไม่มีเสียงตอบอยู่นาน เธอจึงตะโกนและเคาะเรียกอยู่เรื่อยๆ"
"ตอนแรกเราเอามือปิดตาแมวเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าแฟนเราเค้ารู้ว่าเป็นเรามา เค้าจะไม่เปิดประตูให้ แต่เค้าก็รู้ว่าเป็นเรา เค้าบอกวาไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่เราไม่เชื่อแล้วล่ะ แล้วเค้าก็เปิดประตู แต่ไม่ได้ออกมา เค้าแทงมีดออกมา เราก็รีบผลักประตูเข้าไป เค้าหายเข้าไปนานมาก จนกระทั่งเปิดออกมาอีกที ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร รู้แต่ว่าถูกสาดน้ำเปียกไปหมด แล้วก็ตกใจเลยหลบ หันข้างให้ประตู มันก็เลยโดนไหล่กับหลังไปเต็มๆ"
ความคิดที่ว่า..น้ำนั้นคือน้ำกรดนั้นไม่มีอยู่ในหัวของวรรณแม้แต่น้อย เธอรู้แต่ว่าเธอเริ่มปวดแสบปวดร้อน และทำอะไรไม่ถูก "ตอนแรกมันจะชาๆ แล้วก็แสบ พอก้มมองตัวเอง ก็เห็นว่าเสื้อเราหายไปครึ่งตัวเลย เห็นเนื้อแดงๆ เราก็เลยเข้าไปในห้องน้ำเค้า เอาน้ำราดตัวใหญ่เลย ตอนนั้นเจ้าของห้อง ผู้หญิงที่เค้าสาดเรานั้นเค้าวิ่งลงไปข้างล่างแล้ว เราเอาน้ำราดตัวแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวของเค้านั่นล่ะคลุมออกมา พอลงมาข้างล่าง เราก็ถูกรปภ.มาล็อคตัวไว้เพราะเค้าโทร.ไปแจ้งความว่า เราบุกรุก ยามเค้าก็ล็อคตัวเราไว้ส่งตำรวจ แต่ตอนนั้นเราเริ่มไม่ไหวแล้ว มันแสบไปหมด ก็บอกเค้าว่าจะเอาเรื่องอะไรก็ตามไปแล้วกันแต่ตอนนี้ขอหาหมอก่อนเถอะ ตอนที่นั่งในรถไปหาหมอ ดิ้นไปตลอดทาง เพราะมันอยู่นิ่งไม่ไหวแล้ว มันแสบมันร้อนไปหมด นั่งก็ไม่ได้ นอนก็ไม่ได้ ไปถึงหมอก็รีบฉีดยาแก้ปวดให้"
จากวันนั้น เธอต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ เพื่อรักษาผิวหนังที่ถูกน้ำกรดกัด บาดแผลที่เธอได้รับนั้นเข้าขั้นสาหัส วรรณต้องใช้เวลารักษาตัวเป็นเวลานานมาก "จากโรงพยาบาลแรกก็เดือนกว่า เปลี่ยนมาอีกโรงพยาบาลก็อีกเดือนกว่า มาพักฟื้นที่บ้านอีกเดือนหนึ่ง ตอนแรกหมอเขาจะรักษาแผลให้ ทำความสะอาดแผลให้มันสะอาดตลอดเวลา พอแผลเริ่มแห้งเค้าก็จะเริ่มขูดแผลที่แห้ง แล้วทีนี้ก็เอาเนื้อที่ต้นขามาแปะที่หลัง แล้วก็ล้างแผลทุกวัน แต่ปรากฎว่าเนื้อมันไม่ติด หมอเลยเอาหนังที่ศรีษะมาปลูกและปะที่หลังแทน ตอนนั้นต้องโกนหัวเลย"
ความรู้สึกของผู้หญิงที่เคยมีผิวพรรณดี มีหน้าตาเข้าขั้นดูดีที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ เธอบอกว่า "ตอนนั้นท้อมาก รับสภาพตัวเองไม่ได้เลย ตอนที่แผลสดๆน่ากลัวมาก แล้วพอเริ่มแห้งขึ้นมันเหมือนกับเราลอกคราบได้เลย ไม่อยากมองกระจกเลย ร้องไห้ทุกวัน ตอนที่นอนเจ็บอยู่ก็นึกถึงหน้าพ่อแม่แล้วก็ลูกเอาไว้ จากที่เราเป็นคนไม่เคยมีแผลเลย แล้วเราก็เป็นคนขาวด้วย แล้วต้องมาเป็นแบบนี้ เวลาอาบน้ำแล้วเห็นตัวเอง ก็แย่ทุกที ตอนนั้นคิดเหมือนกันนะว่าให้ตายไปเลยดีกว่าที่จะเป็นแบบนี้"
แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายสู้ไม่ได้กับกำลังใจที่เข้มแข็งของตัวเราหรอก วรรณบอกว่าเธอผ่านเวลาที่เลวร้ายมาได้และคิดสู้ต่อไปก็เพราะกำลังใจจากคนรอบข้าง "มีเพื่อน พ่อ แม่ พี่น้อง คอยให้กำลังใจ เรารู้ว่าเราต้องอยู่เพื่อลูก เพื่อคนอื่นอีก ทั้งหมอก็บอกว่าไม่เเป็นไรหรอก แฟนไม่ดีก็หาใหม่ เพื่อนเราก็บอกว่า แผลแค่นี้..มันไม่ได้มาแย่งข้าวเรากินหรอก"
และเธอก็เชื่อว่า บาดแผลแค่ไหนไม่ได้ทำให้ความเป็นคนของเธอเปลี่ยนไป วันนี้วรรณมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น ไปพร้อมกับสภาพบาดแผลที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างที่มันควรจะเป็น วรรณมีนัดกับหมอต้องฉายแสงเพื่อลบรอยแผลเป็นอยู่เป็นประจำ แต่เร็วๆนี้เธอคาวดว่าจะมีนัดอื่นเพิ่มมาอีกหนึ่ง..นัดขึ้นศาลสู้ความกับมือสาดน้ำกรดนั่นเอง ดูเหมือนว่าผู้หญิงคู่นี้มีภาระกิจทีต้องสะสางกันอีกนาน...พอถามถึงฝ่ายชายคนกลาง..ได้คำตอบว่า
"ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน เราเลิกกัน เหมือนเค้าจะไปมีคนใหม่อีก" ได้ยินแล้วก็ชวนให้คิดว่า คุ้มมั้ยเวลาทำร้ายใครสักคนเพื่อแย่งชิงคนรัก หรือทำร้ายใครแค่อารมณ์สะใจเพียงชั่ววูบ แต่ผลที่ตามมาทำลายชีวิตคนทั้งคนไปได้ทั้งคู่