"ผมไม่ได้ไปข่มขืนใครนะ ผมแค่เป็น "ผัวน้อย" เขาเฉยๆ"
ใช่!!!อ่านไม่ผิดแน่ๆ ผู้ชายคนนี้เขาเป็นสามีน้อยจริงๆ ซึ่งยุคนี้ไม่ได้มีแค่ภรรยาน้อย ภรรยาหลวงแล้ว แต่อุตริมีสามีน้อย สามีหลวงเพิ่มขึ้นมาให้ปวดเศียรเวียนเกล้าเข้าไปอีก เชื่อเลยว่าในสังคมยุควิกลจริตทางศีลธรรมมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเต็มใจเป็นสามีน้อย เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเสพแต่ความสุขจนยอมคายศีลธรรมออกจากจิตใจ
เฉกเช่นเดียวกับ ชายวัย 25 ปี ที่มีดีกรีจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ และกำลังจะคว้าปริญญาโทอีกใบที่ประเทศไทย มาเปิดใจอย่างหมดเปลือกถึงวิถีชีวิต ณ วันนี้ วันที่ตัวเองตกที่นั่งเป็นสามีน้อย หรือเรียกง่ายๆ ว่ากำลังเป็น "ชู้" กับแฟนคนอื่นอยู่นั่นเอง
ทำไม...เขาจึงตัดสินใจเช่นนั้นทั้งๆ ที่โอกาส และฐานะของเขาก็สามารถเลือกคบผู้หญิงอื่นๆ ที่โสด และไม่มีพันธะใดใดได้?
"ผมพร้อมที่จะเล่าเรื่องทุกอย่าง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น แต่ผมขออย่างเดียว อย่าถามชื่อ อย่าถ่ายรูป แค่ต้องอยู่ในฐานะผัวน้อยผมก็อายคนอื่นเขาเต็มทีแล้ว"
แล้วเขาก็พรั่งพรูความในใจออกมาว่า รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งช่วงเมษายนปี 48 ผู้หญิงอายุมากกว่า 4 ปี เธอขายเสื้อผ้าอยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่ง แรกๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่ว่าทำไมแม่ค้าคนนี้หน้าดุ ต่อราคาของก็โดนด่า แต่พอเริ่มคุยกันมากขึ้นเลยรู้ว่าเธอเป็นคนไข้ของพ่อตัวเองที่เป็นทันตแพทย์อยู่ จึงสนิทและเริ่มคุยกันมากขึ้น
"หลังจากนั้นผมก็ซื้อขนมไปฝากเขาบ่อยๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย เพราะคิดว่าพี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับผมมากไปกว่ารุ่นน้องคนนึง และผมเพิ่งเลิกกับแฟนด้วย พี่เขาเหมือนเพื่อนคุยแก้เหงา คุยได้สักระยะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เริ่มไปเที่ยวบ้านเขาโดยที่แฟนพี่เขาไม่รู้ว่าเราเริ่มสนิทกันแล้ว"
หนุ่มหน้ามนเล่าอีกว่า พี่คนนี้น่ารักมาก คอยให้คำปรึกษาเป็นกำลังใจที่ดี และอัธยาศัยดีมาก หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็มีอะไรกัน
"ตอนนั้นผมไปส่งเขาที่บ้าน แล้วเราก็มีอะไรกันหลังจากที่รู้จักกันมาได้แค่ 5 เดือน จากนั้นพี่เขาชวนให้มาอยู่บ้านเดียวกันกับเขาเลย ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวพี่เขาอยู่คนเดียว แต่หลังจากที่ตัดสินใจมาอยู่บ้านเดียวกัน พี่เขาก็ไม่ให้ผมไปที่ตลาดอีกเลย บอกแต่ว่าให้อยู่เฝ้าบ้าน และพี่เขาจะระวังเรื่องการตั้งครรภ์มาก จนผมอดถามไม่ได้ว่าทำไมไม่ท้องอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว จนได้รู้ความจริงว่า พี่เขามีแฟนแล้วและคบกันมา 6 ปี เขาทั้งคู่ขายของอยู่ที่ตลาดด้วยกัน"
หลังจากเล่าถึงตรงนี้หนุ่มหน้ามนบอกเสียงอ่อยๆ ต่อว่า ครั้งแรกที่รู้ว่าต้องเป็นสามีน้อย ตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าเธอจะคบผู้ชาย 2 คนในเวลาเดียวกัน และทำไมพี่เขาถึงได้ทำทุกอย่างอย่างแนบเนียนจนแฟนที่คบกันมา 6 ปี ไว้เนื้อเชื่อใจ โดยไม่เอะใจว่าพี่เขาแอบเอาผู้ชายคนหนึ่งมาไว้ที่บ้าน
"ไม่เคยเอะใจเลยว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ทุกวันที่อยู่บ้านพี่ ผมก็มีหน้าที่นั่งรอไป อ่านหนังสือไป ตีสองกว่าก็เตรียมเปิดประตูรอเขากลับมาจากขายของ คิดดูเขาคบกับคนนั้นมาตั้ง 6 ปีแล้ว ผมเพิ่งรู้จักเขาแค่กี่เดือนเอง ผมบอกพี่เขาว่าจะให้พ่อกับแม่มาขอ สร้างอนาคตด้วยกันไปเลย แต่เขากลับบอกว่ายังไม่มั่นใจผม ตอนนี้ผมยังหนุ่มอยู่ยังไม่มีอนาคตที่แน่นอนพอ"
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ตัดสินใจเลิกกับพี่เขาไปเลย หนุ่มวัยเบญจเพส บอกว่า เวลารักใครก็ไม่มีใครอยากเลิกกัน และไม่ใช่เป็นการ "หลง" ด้วย เพราะตนเองมีวุฒิภาวะพอที่ตัดสินใจอยู่กับเขาต่อ
"ผมคิดว่าผมเลว ผมผิดที่ไม่อาจห้ามใจตัวเอง แต่ผมไม่ได้ข่มขืนใครนะ เราสมยอมกันทั้งคู่ ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนเป็นชายโฉด หญิงชั่ว ตอนนี้ผมไปตลาดได้แล้ว แต่ต้องทำเป็นไม่รู้จักกับพี่เขา ทำเหมือนเราสองคนไม่ได้อยู่บ้านเดียว ตลกไหม"
อดถามถึงอนาคตไม่ได้ว่าเขาจะยอมเป็นผัวน้อยไปตลอดชีวิตงั้นหรือ...
"ตอนนี้ผมยังเลิกไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ครับ หลังจากนี้คงทำงานไปสักปี ที่ไหนก็ได้ แล้วค่อยถามพี่เขาว่าตกลงจะเลือกใคร ถ้าเขาเลือกแฟนที่คบกันมา 6 ปี ผมคงกลับไปเรียนต่อ และดำเนินชีวิตในวันข้างหน้าต่อไป
"สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมันเป็นเหมือนอารมณ์ชั่ววูบ ผมอยากฝากบอกทุกคนที่ไม่อยากมีชีวิตเหมือนผมว่า ใครที่มีแฟนอยู่แล้วให้ดูแลกันและกันให้มากๆ ถ้าเพิกเฉยต่อกัน ระวังจะไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็น "ผัวน้อย" คนอื่น ผมเชื่อว่าสังคมนี้ยังมีผู้ชายอีกเยอะที่ถูกกำหนดให้เป็นผัวหลวงและผัวน้อย"
ชีวิตหลังจากนี้ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผัวน้อย" จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้คือสังคมทุกวันนี้มันแย่ แย่จนทำให้คนลืมศักดิ์ศรีและคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่คนไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เมื่อนั้นเขาก็สามารถทำอะไรที่ไม่สมควรได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นพึงระวังรักษาศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเองกันไว้ให้ดี !!!
ใช่!!!อ่านไม่ผิดแน่ๆ ผู้ชายคนนี้เขาเป็นสามีน้อยจริงๆ ซึ่งยุคนี้ไม่ได้มีแค่ภรรยาน้อย ภรรยาหลวงแล้ว แต่อุตริมีสามีน้อย สามีหลวงเพิ่มขึ้นมาให้ปวดเศียรเวียนเกล้าเข้าไปอีก เชื่อเลยว่าในสังคมยุควิกลจริตทางศีลธรรมมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเต็มใจเป็นสามีน้อย เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการเสพแต่ความสุขจนยอมคายศีลธรรมออกจากจิตใจ
เฉกเช่นเดียวกับ ชายวัย 25 ปี ที่มีดีกรีจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ และกำลังจะคว้าปริญญาโทอีกใบที่ประเทศไทย มาเปิดใจอย่างหมดเปลือกถึงวิถีชีวิต ณ วันนี้ วันที่ตัวเองตกที่นั่งเป็นสามีน้อย หรือเรียกง่ายๆ ว่ากำลังเป็น "ชู้" กับแฟนคนอื่นอยู่นั่นเอง
ทำไม...เขาจึงตัดสินใจเช่นนั้นทั้งๆ ที่โอกาส และฐานะของเขาก็สามารถเลือกคบผู้หญิงอื่นๆ ที่โสด และไม่มีพันธะใดใดได้?
"ผมพร้อมที่จะเล่าเรื่องทุกอย่าง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น แต่ผมขออย่างเดียว อย่าถามชื่อ อย่าถ่ายรูป แค่ต้องอยู่ในฐานะผัวน้อยผมก็อายคนอื่นเขาเต็มทีแล้ว"
แล้วเขาก็พรั่งพรูความในใจออกมาว่า รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งช่วงเมษายนปี 48 ผู้หญิงอายุมากกว่า 4 ปี เธอขายเสื้อผ้าอยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่ง แรกๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่ว่าทำไมแม่ค้าคนนี้หน้าดุ ต่อราคาของก็โดนด่า แต่พอเริ่มคุยกันมากขึ้นเลยรู้ว่าเธอเป็นคนไข้ของพ่อตัวเองที่เป็นทันตแพทย์อยู่ จึงสนิทและเริ่มคุยกันมากขึ้น
"หลังจากนั้นผมก็ซื้อขนมไปฝากเขาบ่อยๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย เพราะคิดว่าพี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับผมมากไปกว่ารุ่นน้องคนนึง และผมเพิ่งเลิกกับแฟนด้วย พี่เขาเหมือนเพื่อนคุยแก้เหงา คุยได้สักระยะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เริ่มไปเที่ยวบ้านเขาโดยที่แฟนพี่เขาไม่รู้ว่าเราเริ่มสนิทกันแล้ว"
หนุ่มหน้ามนเล่าอีกว่า พี่คนนี้น่ารักมาก คอยให้คำปรึกษาเป็นกำลังใจที่ดี และอัธยาศัยดีมาก หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็มีอะไรกัน
"ตอนนั้นผมไปส่งเขาที่บ้าน แล้วเราก็มีอะไรกันหลังจากที่รู้จักกันมาได้แค่ 5 เดือน จากนั้นพี่เขาชวนให้มาอยู่บ้านเดียวกันกับเขาเลย ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวพี่เขาอยู่คนเดียว แต่หลังจากที่ตัดสินใจมาอยู่บ้านเดียวกัน พี่เขาก็ไม่ให้ผมไปที่ตลาดอีกเลย บอกแต่ว่าให้อยู่เฝ้าบ้าน และพี่เขาจะระวังเรื่องการตั้งครรภ์มาก จนผมอดถามไม่ได้ว่าทำไมไม่ท้องอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว จนได้รู้ความจริงว่า พี่เขามีแฟนแล้วและคบกันมา 6 ปี เขาทั้งคู่ขายของอยู่ที่ตลาดด้วยกัน"
หลังจากเล่าถึงตรงนี้หนุ่มหน้ามนบอกเสียงอ่อยๆ ต่อว่า ครั้งแรกที่รู้ว่าต้องเป็นสามีน้อย ตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าเธอจะคบผู้ชาย 2 คนในเวลาเดียวกัน และทำไมพี่เขาถึงได้ทำทุกอย่างอย่างแนบเนียนจนแฟนที่คบกันมา 6 ปี ไว้เนื้อเชื่อใจ โดยไม่เอะใจว่าพี่เขาแอบเอาผู้ชายคนหนึ่งมาไว้ที่บ้าน
"ไม่เคยเอะใจเลยว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ทุกวันที่อยู่บ้านพี่ ผมก็มีหน้าที่นั่งรอไป อ่านหนังสือไป ตีสองกว่าก็เตรียมเปิดประตูรอเขากลับมาจากขายของ คิดดูเขาคบกับคนนั้นมาตั้ง 6 ปีแล้ว ผมเพิ่งรู้จักเขาแค่กี่เดือนเอง ผมบอกพี่เขาว่าจะให้พ่อกับแม่มาขอ สร้างอนาคตด้วยกันไปเลย แต่เขากลับบอกว่ายังไม่มั่นใจผม ตอนนี้ผมยังหนุ่มอยู่ยังไม่มีอนาคตที่แน่นอนพอ"
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ตัดสินใจเลิกกับพี่เขาไปเลย หนุ่มวัยเบญจเพส บอกว่า เวลารักใครก็ไม่มีใครอยากเลิกกัน และไม่ใช่เป็นการ "หลง" ด้วย เพราะตนเองมีวุฒิภาวะพอที่ตัดสินใจอยู่กับเขาต่อ
"ผมคิดว่าผมเลว ผมผิดที่ไม่อาจห้ามใจตัวเอง แต่ผมไม่ได้ข่มขืนใครนะ เราสมยอมกันทั้งคู่ ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนเป็นชายโฉด หญิงชั่ว ตอนนี้ผมไปตลาดได้แล้ว แต่ต้องทำเป็นไม่รู้จักกับพี่เขา ทำเหมือนเราสองคนไม่ได้อยู่บ้านเดียว ตลกไหม"
อดถามถึงอนาคตไม่ได้ว่าเขาจะยอมเป็นผัวน้อยไปตลอดชีวิตงั้นหรือ...
"ตอนนี้ผมยังเลิกไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ครับ หลังจากนี้คงทำงานไปสักปี ที่ไหนก็ได้ แล้วค่อยถามพี่เขาว่าตกลงจะเลือกใคร ถ้าเขาเลือกแฟนที่คบกันมา 6 ปี ผมคงกลับไปเรียนต่อ และดำเนินชีวิตในวันข้างหน้าต่อไป
"สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมันเป็นเหมือนอารมณ์ชั่ววูบ ผมอยากฝากบอกทุกคนที่ไม่อยากมีชีวิตเหมือนผมว่า ใครที่มีแฟนอยู่แล้วให้ดูแลกันและกันให้มากๆ ถ้าเพิกเฉยต่อกัน ระวังจะไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็น "ผัวน้อย" คนอื่น ผมเชื่อว่าสังคมนี้ยังมีผู้ชายอีกเยอะที่ถูกกำหนดให้เป็นผัวหลวงและผัวน้อย"
ชีวิตหลังจากนี้ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผัวน้อย" จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้คือสังคมทุกวันนี้มันแย่ แย่จนทำให้คนลืมศักดิ์ศรีและคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่คนไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เมื่อนั้นเขาก็สามารถทำอะไรที่ไม่สมควรได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นพึงระวังรักษาศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเองกันไว้ให้ดี !!!