คำขอโทษ


“ปล่อยขวัญไปเถอะ ขวัญรักเขา” ฉันตะโกนใส่ชายวัยกลางคนที่กำลังดึงแขนฉันไว้ แววตาของเขาแสดงออกถึงความผิดหวัง เสียใจ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาเพราะนึกไม่ถึงว่าฉันจะทำแบบนี้กับเขาได้ เมื่อเขานิ่งเงียบเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดอะไร ฉันจึงสะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุมของเขา โผเข้าไปสู่อ้อมกอดของ

“นัท” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ยืนรอรับฉันอยู่ เราตระกองกอดกันอย่างรักใคร่ ทิ้งให้ชายอีกคนหนึ่งคุกเข่าร้องไห้มองเราสองคนเดินห่างออกไป

งานพับถุงกระดาษในมือหยุดชะงักลง เมื่อนึกถึงความหลังขึ้นมา ฉันจำภาพนั้นได้ติดตาเหมือนกับมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ทั้งๆที่มันก็ผ่านมาแล้วเกือบ5ปี ป่านนี้ชายคนนั้นคนที่ฉันทอดทิ้งเขามาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ยังไม่ทันที่ฉันจะได้นึกอะไรต่อไปก็มีเสียงแหบห้าวตวาดขึ้นมา

“อีขวัญ เอาเงินมากินเหล้าหน่อยสิวะ” นัทนั่นเองที่เป็นคนเอ่ยประโยคนี้ หมู่นี้เขาดื่มหนักมาก ใบหน้าที่เห็นตรงหน้าบ่งบอกว่าผ่านการทำงานหนัก ริ้วรอยและผิวที่คล้ำแดดจนหยาบกร้านทำให้นัทดูแก่กว่าอายุจริงเกือบเท่าตัว ไม่ต่างอะไรกับฉันจากที่เคยทาครีมราคาแพง อยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน 4-5ปีมานี้ฉันต้องพับถุงกระดาษและร้อยพวงมาลัยขายแลกกับรายได้น้อยนิดที่แทบจะไม่พอใช้จ่ายในบ้าน ฉันจึงทนไม่ได้ที่เขาจะนำเงินนี้ไปดื่มเหล้า

“พี่ไม่คิดจะหางานทำบ้างเหรอ” ฉันลองถามเขาดูทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทาง

“อีนี่หาว่าฉันเกาะแกกินเหรอมานี่เลย” นัทกระชากผมฉันขึ้นมาและนั่นก็เป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานฝ่ามือหยาบกร้านของเขาต้องกระทบกับใบหน้าของฉันแน่นอน แล้วก็จริง แต่ฉันไม่มีแรงต่อสู้เลย ร่างของฉันเซไปกระทบผนังแล้วร่วงลงสู่พื้น นัทค้นเงินที่ฉันซ่อนไว้ไปจนหมด

“ทีหลังแกอย่าทำเก่งกับฉันอีก” เขาทิ้งคำขู่ไว้ก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังจนฉันสะดุ้ง

ฉันนอนนิ่งไม่ไหวติงอย่างนี้มากี่ชั่วโมงแล้วนะ มีเพียงน้ำตาที่มันไหลเพื่อชะล้างความรู้สึกเจ็บปวดไปจากใจฉัน นัทคนเก่าของฉันหายไปไหน ชีวิตคู่มันสวยงามแค่ปีแรกเพราะเรามีเงิน เงินที่ฉันขโมยมาจากผู้ชายคนนั้น คนที่เขารักฉันจนหมดใจ เราใช้เงินนั้นเช่าบ้านดีๆอยู่ จับจ่ายเพื่อความสะดวกสบายต่างๆ พอเงินเริ่มหมด

ฉันก็ตั้งท้องไม่สามารถทำอะไรได้ นัทจึงต้องออกไปหางานทำ แต่นั่นก็ทำให้เขาเริ่มติดเหล้าติดผู้หญิง เงินที่ได้ไม่เคยถึงมือฉันเลย ทำให้ฉันคิดถึงผู้ชายอีกคน เขาไม่เคยทำกับฉันแบบนี้ ตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับเขา เขาไม่เคยเห็นใครสำคัญกว่าฉัน ไม่เคยทำให้ฉันเสียใจหรือตีฉัน ทุกครั้งที่ร้องไห้จะมีเขาคอยปลอบโยนและยืนเคียงข้างเสมอ

แต่ฉันกลับตอบแทนเขาด้วยการหนีตามผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย แต่แม้จะคิดถึงเขาเท่าไรก็ไม่กล้าจะบากหน้ากลับไปหาเขา รู้ดีว่าสิ่งที่ทำมันคงไม่มีใครให้อภัยได้

ฉันรื้อตู้เสื้อผ้าหยิบรูปถ่ายที่ซ่อนไว้ออกมาดู มันเป็นภาพที่ฉันกับเขาถ่ายคู่กันในวันที่ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ฉันก็ไม่สมารถเรียนให้จบอย่างที่เขาหวังไว้ ฉันกอดกรอบรูปไว้อย่างถนอม ถามตัวเองว่าทำไมถึงเลวอย่างนี้ กรรมคงตามสนองฉันแล้วใช่ไหม ทันใดนั้นเองกรอบรูปก็โดนกระชากไปจากมือของฉัน

“นี่แกคิดจะกลับไปหาตาแก่นี่เหรอ” นัทผลักฉันจนหลังกระแทกกับตู้เสื้อผ้า

“โอ๊ย” “พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ฉันกลับมาทันได้ยินแกรำพึงรำพันถึงตาแก่นี่หน่ะสิ” เขาขว้างกรอบลงกับพื้นจนแตกกระจาย ฉันถลาเข้าไปเพื่อจะเก็บมันขึ้นมา นัทเหยียบลงมาที่มือทั้ง2ข้างของฉัน ความเจ็บปวดทั้งกายและใจพุ่งขึ้นมาจนฉันแทบทนไม่ได้ น้ำตาร่วงพรูลงมาจนมองอะไรไม่เห็น แต่เขาก็ไม่ได้สงสารฉันแม้แต่น้อย

“อย่ามาทำสำออย รักฉันมากไม่ใช่เหรอ คิดจะกลับไปหามันตอนนี้ สายไปแล้วเว้ย ป่านนี้ตาแก่นั่นคงลืมแกไปแล้ว”

“ไม่ ขวัญรู้ดีว่าเขายังรักขวัญอยู่” ฉันพยายามเถียงเข้าข้างตัวเอง และนั่นก็ยิ่งทำให้นัทมีโทสะมากขึ้น ฝ่ามือของเขาตวัดลงมา ฉันหลับตาด้วยความกลัว เสียงฝ่ามือกระทบผิวหนังดังสนั่นแต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ฉันกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“กอล์ฟ เป็นไงบ้างลูก” มืออันสั่นเทาของฉันประคองใบหน้าเล็กที่มีรอยแดงๆจากการกระทำของนัท

“พี่ตีลูกทำไม”

“ก็มันเสือกมาขวางทางฉันทำไม” เขาบีบแขนและตะคอกใส่ลูก

“ฉันเป็นพ่อแกนะ” เด็กชายกอล์ฟร้องไห้จนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังคงกระหน่ำทุบตีด้วยความเมามาย ฉันทนภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้ ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตนเองจะทำ ฉันคว้าเตารีดที่วางอยู่บนพื้นฟาดลงไปตรงศีรษะของนัท เลือดไหลอาบใบหน้าของเขาจนแดงฉาน

“แกอีขวัญ แกตาย” ฉันขว้างข้าวของทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือเพื่อป้องกันนัทที่พยายามเข้ามาทำร้าย อะไรบางอย่างที่ฉันขว้างไปโดนแผลพอดีทำให้นัททรุดลงกับพื้น ฉันฉวยโอกาสนี้พาลูกวิ่งหนีออกมา

เขายังคงตะโกนด่าทอตามหลังมา “แกคิดว่าจะหนีไปได้เหรอ ตาแก่นั่นมันไม่ยอมรับลูกแกหรอก”
ฉันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแต่ก็คิดตามที่นัทพูด ใช่สิฉันลืมนึกไปว่าฉันไม่มีที่จะไปแล้ว บ้านหลังเดียวที่ฉันเคยมีก็คงไม่ต้อนรับฉันอีกต่อไป

“แม่ครับ พ่อเขาพูดถึงใคร แม่จะไปหาใครเหรอ” หน้าอันไร้เดียงสาของลูกชายวัย4ขวบ ทำให้ฉันรู้สึกละอายใจ จะเล่าเรื่องแบบนี้ให้ลูกฟังได้อย่างไร เมื่อโตขึ้นเขาคงจะเข้าใจเองหลังจากนั่งรถมาจนถึงอีกฟากของเมือง เราสองคนแม่ลูกมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยตลอด 5-6ปีที่ผ่านมา แต่ฉันก็จำมันได้ดี รั้วสีฟ้าเข้มที่คุ้นตา ต้นไม้ใหญ่ที่มีกล้วยไม้และกาฝากมาอาศัยใบบุญ ชิงช้าไม้สีชมพูอ่อนที่แกว่งไกวไปตามกระแสลม ฉันเปิดประตูรั้วเข้าไป ประตูที่เคยคิดว่าเป็นตัวขังอิสรภาพของฉัน วันนี้ฉันเปิดมันเพื่อจะมาทวงถามวันคืนเก่าๆ ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ที่เก้าอี้โยกตรงชานหน้าตัวบ้านเหมือนอย่างเคย ทันทีที่เรามองหน้ากันเขาส่งสายตาอ่อนโยนและวิ่งเข้ามากอดฉันด้วยความดีใจ ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยบวกกับความทุกข์ตลอด5-6ปีนั้น ทำให้เขาดูแก่ไปกว่าเดิมมากแต่กระนั้นสีหน้าของเขาก็ทำให้ฉันรู้ว่า เขายังรักฉันไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ฉันจะทำเลวแค่ไหนเขาก็ยังอภัยให้ฉันได้เสมอ ไม่มีคำว่ากล่าวใดๆหลุดจากปากเขา น้ำตาของฉันล่วงลงบนหลังเท้าของเขาเมื่อฉันก้มลงกราบ พร้อมเอ่ยคำที่อยากบอกเขามานาน

“ขวัญขอโทษค่ะพ่อ”




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement