นานมาแล้ว.......มีเรื่องเล่าระหว่างหญิงสาวและชายหนุ่มผู้ซึ่งรักกันมากและสาบานว่า แม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้ และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคง จึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา นางกล่าวว่า........
"หากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก ข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร.. ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้ เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้าเจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้ เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไปไม่แก่ไม่เฒ่าไม่มีวันตายจะอยู่อย่างนี้นิรันดร....เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขา เคยเป็นที่รักและต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...... วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้า ทำให้เขาจำเจ้าได้ วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง เจ้าจะแก่และตายตามสภาพของอายุขัยที่ควรเป็น.....และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง......."
หลังจากนั้นมาปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย....เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้ แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า....
หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ ความทุกข์ทรมานของหญิงสาวถูกเฝ้าดูอย่างเยาะเย้ย โดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากนั้นไม่มีจริง...แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าในช่วงหลังๆ มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตน...แต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน
แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงปรากฎตัวเพื่อเอ่ยถามกับหญิงสาว
"เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วหรือ...ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้ข้าได้เห็นอำนาจและพลังของรักแท้ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆแม้กระทั่งคำสาปของข้า"
"จริงๆแล้วข้ามีเหตุผลของข้า" หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป "ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายามเพียงแต่ ข้ากลัวว่า...หากความพยายามของข้าสัมฤทธิ์ผล....แล้ว...."
"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"
หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น
"อาจใช่ มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่า หากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่า เขาจะทำให้เจ้าจำเขาได้เช่นนั้นหรือ?"
หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่ง ก่อนจะตอบออกไป
"สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น ท่านรู้อะไรไหม....ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขา เฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า รอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด.... และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัส คือ การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รัก โดยที่เราไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้.........หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัว พอที่จะพยายามทำให้เขารัก ทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้ง เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้ แตทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมัน.......ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้ ว่า....ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือ ข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้ ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง แต่ข้าก็ยังอยากเห็น รอยยิ้มของเขา...ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่าน อย่างไรก็ตาม นี่ก็คือความรักของข้า คือสิ่งที่ข้าเป็น...
แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาล แต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์...."
นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ เพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง
ในชีวิตของคนเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่า เรารักใครสักคนมากมายเหมือเกิน และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราต้องการความรักตอบกลับมา หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รับรักตอบคือ การสูญเวลาเปล่า แต่ก็มีหลายต่อหลายคนที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้งสามารถรักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก.....ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกหรือไม่ และถ้าเลือกเราจะเลือกเดินทางไหนเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญก็คือ เมื่อเลือกแล้วอย่าคิดเสียใจในสิ่งที่ตัวเองเลือก .......ทางเลือกเป็นของคุณ
"หากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก ข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร.. ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้ เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้าเจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้ เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไปไม่แก่ไม่เฒ่าไม่มีวันตายจะอยู่อย่างนี้นิรันดร....เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขา เคยเป็นที่รักและต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...... วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้า ทำให้เขาจำเจ้าได้ วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง เจ้าจะแก่และตายตามสภาพของอายุขัยที่ควรเป็น.....และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง......."
หลังจากนั้นมาปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย....เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้ แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า....
หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ ความทุกข์ทรมานของหญิงสาวถูกเฝ้าดูอย่างเยาะเย้ย โดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากนั้นไม่มีจริง...แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าในช่วงหลังๆ มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตน...แต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน
แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงปรากฎตัวเพื่อเอ่ยถามกับหญิงสาว
"เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วหรือ...ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้ข้าได้เห็นอำนาจและพลังของรักแท้ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆแม้กระทั่งคำสาปของข้า"
"จริงๆแล้วข้ามีเหตุผลของข้า" หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป "ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายามเพียงแต่ ข้ากลัวว่า...หากความพยายามของข้าสัมฤทธิ์ผล....แล้ว...."
"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"
หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น
"อาจใช่ มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่า หากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่า เขาจะทำให้เจ้าจำเขาได้เช่นนั้นหรือ?"
หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่ง ก่อนจะตอบออกไป
"สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น ท่านรู้อะไรไหม....ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขา เฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า รอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด.... และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัส คือ การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รัก โดยที่เราไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้.........หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัว พอที่จะพยายามทำให้เขารัก ทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้ง เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้ แตทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมัน.......ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้ ว่า....ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือ ข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้ ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง แต่ข้าก็ยังอยากเห็น รอยยิ้มของเขา...ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่าน อย่างไรก็ตาม นี่ก็คือความรักของข้า คือสิ่งที่ข้าเป็น...
แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาล แต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์...."
นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ เพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง
ในชีวิตของคนเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่า เรารักใครสักคนมากมายเหมือเกิน และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราต้องการความรักตอบกลับมา หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รับรักตอบคือ การสูญเวลาเปล่า แต่ก็มีหลายต่อหลายคนที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้งสามารถรักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก.....ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกหรือไม่ และถ้าเลือกเราจะเลือกเดินทางไหนเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญก็คือ เมื่อเลือกแล้วอย่าคิดเสียใจในสิ่งที่ตัวเองเลือก .......ทางเลือกเป็นของคุณ