หมู่บ้านยิ้มแย้ม...เรื่องดีๆที่น่าอ่าน


ณ หมู่บ้านยิ้มแย้ม ทุกชีวิต อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่มีโจร ไม่มีผู้ร้าย ทุกคนในหมู่บ้านรักใคร่ปรองดองกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีแต่รอยยิ้มให้แก่กันและกันตลอดมา จนหมู่บ้านนี้เป็นที่กล่าวขานเลื่องลือไปทั่ว ว่าเป็นหมู่บ้านยิ้มแย้มที่มี่แต่ความสุข

อยู่มาวันหนึ่ง หัวหน้า หมู่บ้านหวาดระแวง ก็ได้ข่าวความน่าอภิรมย์ของหมู่บ้านยิ้มแย้มและต้องการที่จะแผ่ขยายอาณานิคมของตน เข้าไปยังหมู่บ้านยิ้มแยม ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านหวาดระแวงจึงส่งสายลับชื่อ ยุงยุ เข้าไปสอดแนมว่าทำไมคนในหมู่บ้านย้มแย้มจึงมีแต่รอยยิ้มให้แก่กันและกัน และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด

หลังจากที่สายลับยุยงเข้าไปสอดแนมในหมู่บ้านยิ้มแย้มได้ไม่นาน ก็สังเกตเห็นว่าผู้คนในหมู่บ้ายยิ้มแย้มนั้นเมื่อเจอะเจอกัน

นอกเหนือจากการยิ้มแย้มทักทายกันและกันแล้ว ก็จะมีการมอบ ตัวยิ้มแย้ม ให้แก่กันเสมอ วันหนึ่งสายลับยุยงซึ่งแผงตัวอยู่ข้างมุมตึก สังเกตเห็นชายวัยกลางคนชายหมู่บ้านยิ้มแย้มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าตึก ขณะนั้น เองก็มีชายหนุ่มชาวหมู่บ้านยิ้มแย้มเดินผ่านมา ทั้งคู่ทักทายและยิ้มแย้มให้แก่กัน และไม่ลืมที่จะมอบตัวยิ้มแย้มให้แก่กันและกันก่อนกล่าวคำอำลา

หลังจากที่ชายหนุ่มชาวหมู่บ้านยิ้มแย้มเดินผ่านชายวัยกลางคนมาได้ไม่นาน สายลับยุยงก็เดินออกจากข้างมุนตึกเข้าประกบชายหนุ่ม "ท่านรู้จักชายวัยกลางคนผู้นั้นหรือ" สายลับยุยงเปิดการสนทนา
"ไม่หรอกจ๊ะ เราไม่รู้จักกัน แต่ที่หมู่บ้านยิ้มแย้มนี้ทุกคนคือเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เราปฏิบัติตัวต่อกันอย่างนี้มาตั้งนมนานแล้วหละจ๊ะ" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จากนั้นก็ส่งตัวยิ้มแย้มให้กับสายลับยุยง ตามประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาในหมู่บ้าน ยิ้มแย้ม
"เอ...นี่อะไร" สายลับยุยงแกล้งถาม
"ตัวยิ้มแย้มไงจ๊ะ ตัวยิ้มแย้มคือตัวแทนของความดีและมิตรภาพ...ฉันให้น้าจ๊ะ ตัวยิ้มแย้มนี้จะทำให้น้ามีแต่ความสุขและชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความสดชื่น น้ารับเอาไว้ซิจ๊ะ"
เมื่อได้ฟังดังนั้นสายลับยุยงก็เริ่มแผนการยุยงของตนทันทีด้วยคำพูดที่ว่า
"ถ้าตัวยิ้มแย้มสรรพคุณเลอเลิศอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ แล้วเจ้าไม่กลัวหรอกหรือว่าการที่เจ้าแจกตัวยิ้มแย้มให้กับทุกคนที่เจ้าเจอะเจอจะทำให้ตัวยิ้มแย้มของเจ้าหมดไป แล้วเมื่อนั้น ความสุขความสดชื่นก็จะหายไปจากตัวเจ้า โอ้...ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริง ๆ ข้าเห็นใจเจ้าเหลือเกินพ่อหนุ่ม"

เมื่อชายหนุ่มชาวหมู่บ้านยิ้มแย้มได้ฟังดังนั้นก็เริ่มคิดตามและสีหน้าที่เคยยิ้มแย้มก็กลับหม่นหมองลง เปลี่ยนจากความยิ้มแย้ม เป็นความวิตกกังวล และเดินจากไปโดยไม่ร่ำลา ระหว่างทางขณะที่ชายหน่มมุ่งหน้ากลับบ้านก็ได้พบกับหญิงสาวของหมู่บ้านยิ้มแย้ม หญิงสาวหยุดทักทายและส่งยิ้มให้ตามปรกติ แต่ชายหนุ่มกับไม่ยิ้มตอบ และเมื่อหญิงสาวส่งตัวยิ้มแย้มให้ ชายหนุ่มก็รีบไว้แล้วพูดว่า "ขอบใจ แต่ฉันไม่มีตัวยิ้มแย้มให้กับเธอหรอกนะ เพราะถ้าฉันให้ตัวยิ้มแย้มกับเธอ สักวันหนึ่งตัวยิ้มแย้มก็จะหมดไปจากตัวฉันและเมื่อนั้นชีวิตของฉันก็จะไม่มีความสุขและความสดชื่นในชีวิตก็จะมลายหายไปด้วย..."

หญิงสาวได้ฟังก็เริ่มได้คิด แล้วทั้งคู่ก็จากกันไป ข่าวเรื่องการให้ตัวยิ้มแย้มแก่กันแล้วจะทำให้ตัวยิ้มแย้มที่มีร่อยหรอ ทำให้ความสุขและความสดชื่นในชีวิตหายไปแพร่กระจายไปในหมู่บ้านยิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว แล้วนับแต่นั้นมาชาวหมู่บ้านยิ้มแย้มก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีรอยยิ้มให้แก่กัน ไม่ทักทายกันเหมือนเช่นเดิมเพราะไม่ต้องการเสียตัวยิ้มแย้มให้แก่กัน และเมื่อต้องทักทายกันก็ไม่มีการแจกตัวยิ้มแย้มให้แก่กันอีกต่อไป เพราะกลัวว่าความสุขและความสดชื่นจะหายไปจากตัวเอง ชายหมู่บ้านยิ้มแย้มบางคนถึงกับทำตัวยิ้มแย้มปลอมออกจำหน่าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ในทางกลับกันกลับทำให้เหตุการณ์เลวรายลงจากเดิม ตัวยิ้มแย้มปลอมไม่มีสรรพคุณเหมือนกับตัวยิ้มแย้มจริง และยังทำให้ผู้ที่ได้รับตัวยิ้มแย้มปลอมไป เสียความรู้สึกเกิดเป็นความไม่ไว้ใจกันและกัน ไม่เชื่อกันเหมือนดังแต่ก่อน บัดนี้หมู่บ้านยิ้มแย้มไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ความสุข ความสดชื่น ในชีวิตก็เหือดแห้งไปด้วย ช่างเสียดายเสียเหลือเกิน...... บัดนี้หมู่บ้านยิ้มแย้มได้เปลี่ยนชื่อจากหมู่บ้านยิ้มแย้มเป็นหมู่บ้านหวาดระแวงไปเสียแล้ว!

อ่านนิทานเรื่องนี้จบแล้วท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

“หมู่บ้านยิ้มแย้ม” นั้นเปรียบเสมือนสังคมเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว, กลุ่มเพื่อน หรือ ชุมชน

“ตัวยิ้มแย้ม” คือตัวแทนของความจริงใจ, ความดีและมิตรภาพซึ่งทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับมีแต่ความสุขและชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความสดชื่น ทีสำคัญคือตัวยิ้มแย้มนี้จริงๆ แล้วไม่มีวันหมด

“สายลับยุยง” คือความหวาดระแวงบ่อเกิดของความไม่ไว้ใจกันและกัน ไม่เชื่อกันและหมายรวมถึงบุคคลที่ชอบทำให้คนเราขาดความเชื่อใจกัน

“ตัวยิ้มแย้มปลอม” คือตัวแทนของ การหลอกลวง, การเห็นแก่ได้ และการเอาเปรียบกัน
เราไม่ขอตีความนิทานเรื่องนี้ แต่อยากจะให้ท่านผู้อ่านค่อยๆค้นหาความหมายของนิทานเรื่องนี้กันเอง เพราะหากท่านเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้วท่านทั้งหลายก็จะรักษาความเป็นหมู่บ้านยิ้มแย้มของสังคมหน่วยเล็กๆ ของท่านไว้ได้อย่างมีความสุข




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement