ผู้หญิงที่มีโรคที่อวัยวะเพศ ส่วนใหญ่มักต้องตรวจภายใน และผู้หญิงที่อายุมากกว่า 35 ปีไปแล้ว แม้จะไม่มีโรคที่อวัยวะสืบพันธ์ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใครก็ควรไปให้แพทย์ตรวจภายในปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูขนาดและรูปร่างมดลูก ดูผลการตรวจมะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า การทำแปปสเมียร์ (Pap smear)
เหตุผลที่การไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในเป็นเรื่องน่ากลัว ก็เพราะเราไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง ผู้หญิงนะคะ ดอท คอม มีคำแนะนำให้ค่ะ
1. ต้องผ่อนคลาย ไปห้องน้ำ ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะให้เรียบร้อย จำได้ไม่ต้องไปเข้าห้องน้ำในระหว่างการตรวจ (ก่อนไปห้องน้ำ ถามแพทย์ก่อนว่า ต้องใช้ตัวอย่างปัสสาวะด้วยไหม จะได้ทำพร้อมกันไปเลย)
2. แพทย์จะเริ่มด้วยการถามประวัติการแพทย์ของเราและครอบครัว
3. จากนั้น แพทย์จะขอให้ถอดเสื้อผ้าและเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อของโรงพยาบาลแทน
4. แพทย์อาจจะตรวจร่างกายตามปรกติ รวมถึงการตรวจตา หู หัวใจ ปอด ความดันเลือด และชั่งน้ำหนัก รวมทั้งตรวจท้อง ด้วยการกดบริเวณท้องและสะโพก แล้วถามว่าเจ็บตรงไหนบ้าง แพทย์อาจเจาะตัวอย่างเลือดจากแขน เพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมน (ในกรณีที่ประจำเดือนมาผิดปรกติ อาจตรวจไม่ได้ผล) อาจมีการตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อดูโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย
5. แพทย์จะตรวจทรวงอก โดยสัมผัสบริเวณเต้านมและหน้าอก เพื่อหาก้อนเนื้อ ถุงน้ำ (cyst) หรือความผิดปกติอื่นๆ แพทย์จะตรวจของเหลวที่ไหลออกมาจากหัวนม หรือสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับขนาดและรูปร่างของเต้านม (ในเมืองไทย หากต้องการให้แพทย์ตรวจทรวงอก ต้องแจ้งให้ทราบก่อน มิฉะนั้นจะข้ามขั้นตอนนี้ไป)
6. ต่อไปคือการตรวจเชิงกราน การตรวจเชิงกรานไม่เจ็บเพียงแต่จะรู้สึกแปลกๆในบางช่วง ใช้เวลาตรวจราว 5 นาที
**แพทย์จะให้เรานอนบนโต๊ะตรวจ วางส้นเท้าบนที่วางที่เรียกว่า "ขาหยั่ง" แพทย์จะเริ่มตรวจอวัยวะภายนอก (หรือปากช่องคลอด) เพื่อดูว่ามีถุงน้ำ (cyst) หรือรอยแดง อาการระคายเคือง และดูว่ามีตกขาวหรือไม่ จากนั้นจะตรวจปากมดลูก ซึ่งเป็นช่องที่เปิดเข้าสู่มดลูก โดยใช้คีมที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกรูปร่างเหมือนปากเป็ด (speculum) สำหรับถ่างผนังช่องคลอดให้เปิดออก ถ้าเราไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนและไม่ควรสำรวจตัวเองด้วยการขยายผนังช่องคลอดมาก่อน อาจรู้สึกเจ็บนิดหน่อยในขั้นตอนนี้ แต่แพทย์จะใช้คีมขนาดที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรืออึดอัดมากเกินไป (ถ้าอยากรู้ อาจขอกระจกมาส่องดูว่า ปากมดลูกเป็นหน้าตาอย่างไร เวลาที่มีเครื่องถือถ่างช่องคลอดอยู่ข้างใน)
**แพทย์จะไม่สามารถบอกได้ว่าใครเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนโดยดูจากความกว้างหรือความแน่นของช่องคลอด กรดูจากสภาพของเยื่อพรหมจรรย์ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน และการไปตรวจภายในกับสูตินรีแพทย์ก็ไม่สามารถทำให้เราเสียพรหมจรรย์ได้ด้วย
**ตอนที่แพทย์สอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด เราอาจรู้สึกเหมือนถูกกดที่กระเพาะปัสสาวะ (อาจรู้สึกเหมือนอยากปัสสาวะขึ้นมาทันที ทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการ) ถ้าเราถูกกดที่กระเพาะปัสสาวะ เราสามารถบอกแพทย์ให้ปรับเครื่องมือให้รู้สึกสบายขึ้น
**จากนั้นแพทย์จะทำแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) โดยการใช้ไม้ยาวๆมีปลายเหมือนไม้ไอศกรีม ป้ายบริเวณปากมดลูกเบาๆเพื่อนำเซลล์ไปตรวจ การขูดเซลล์ที่ปากมดลูกไปตรวจนี้คือการตรวจหาเซลล์มะเร็ง ถ้าเรามีเพศสัมพันธ์แล้ว แพทย์อาจนำตกขาวจากปากช่องคลอดไปตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย การป้ายตกขาวไปตรวจนี้ไม่เจ็บ
**ขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจ แพทย์จะใช้นิ้วหนึ่งหรือสองนิ้วที่สวมถุงมือและทาครีมหล่อลื่นสอดเข้าไปในช่องคลอด และใช้มืออีกข้างกดที่ท้องส่วนล่างเบาๆ เพื่อสัมผัสดูอวัยวะภายใน รวมถึงมดลูก รังไข่ และท่อรังไข่ ให้บอกแพทย์ถ้าเรารู้สึกแปลกๆหรือปวด เพราะมันอาจเป็นเครื่องหมายบอกว่ามีการติดเชื้อ รังไข่หรือมดลูกบวม มีถุงน้ำ หรือมีเนื้องอก
** แพทย์บางคน อาจตรวจบริเวณระหว่างทวารหนักกับช่องคลอดโดยการสอดนิ้วหนึ่งนิ้วที่สวมถุงมือเข้าไปในทวารหนัก และสอดอีกนิ้วเข้าไปในช่องคลอด เราอาจรู้สึกถึงแรงกดเหมือนปวดอุจจาระ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นเรื่องปกติ และความรู้สึกจะหายไปในสองสามวินาที
นั่นคือขั้นตอนทั้งหมด ถ้ามีข้อสงสัยจงอย่าลังเลที่จะถามแพทย์ ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดในระหว่างตรวจให้บอกทันที
เหตุผลที่การไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในเป็นเรื่องน่ากลัว ก็เพราะเราไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง ผู้หญิงนะคะ ดอท คอม มีคำแนะนำให้ค่ะ
1. ต้องผ่อนคลาย ไปห้องน้ำ ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะให้เรียบร้อย จำได้ไม่ต้องไปเข้าห้องน้ำในระหว่างการตรวจ (ก่อนไปห้องน้ำ ถามแพทย์ก่อนว่า ต้องใช้ตัวอย่างปัสสาวะด้วยไหม จะได้ทำพร้อมกันไปเลย)
2. แพทย์จะเริ่มด้วยการถามประวัติการแพทย์ของเราและครอบครัว
3. จากนั้น แพทย์จะขอให้ถอดเสื้อผ้าและเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อของโรงพยาบาลแทน
4. แพทย์อาจจะตรวจร่างกายตามปรกติ รวมถึงการตรวจตา หู หัวใจ ปอด ความดันเลือด และชั่งน้ำหนัก รวมทั้งตรวจท้อง ด้วยการกดบริเวณท้องและสะโพก แล้วถามว่าเจ็บตรงไหนบ้าง แพทย์อาจเจาะตัวอย่างเลือดจากแขน เพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมน (ในกรณีที่ประจำเดือนมาผิดปรกติ อาจตรวจไม่ได้ผล) อาจมีการตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อดูโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย
5. แพทย์จะตรวจทรวงอก โดยสัมผัสบริเวณเต้านมและหน้าอก เพื่อหาก้อนเนื้อ ถุงน้ำ (cyst) หรือความผิดปกติอื่นๆ แพทย์จะตรวจของเหลวที่ไหลออกมาจากหัวนม หรือสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับขนาดและรูปร่างของเต้านม (ในเมืองไทย หากต้องการให้แพทย์ตรวจทรวงอก ต้องแจ้งให้ทราบก่อน มิฉะนั้นจะข้ามขั้นตอนนี้ไป)
6. ต่อไปคือการตรวจเชิงกราน การตรวจเชิงกรานไม่เจ็บเพียงแต่จะรู้สึกแปลกๆในบางช่วง ใช้เวลาตรวจราว 5 นาที
**แพทย์จะให้เรานอนบนโต๊ะตรวจ วางส้นเท้าบนที่วางที่เรียกว่า "ขาหยั่ง" แพทย์จะเริ่มตรวจอวัยวะภายนอก (หรือปากช่องคลอด) เพื่อดูว่ามีถุงน้ำ (cyst) หรือรอยแดง อาการระคายเคือง และดูว่ามีตกขาวหรือไม่ จากนั้นจะตรวจปากมดลูก ซึ่งเป็นช่องที่เปิดเข้าสู่มดลูก โดยใช้คีมที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกรูปร่างเหมือนปากเป็ด (speculum) สำหรับถ่างผนังช่องคลอดให้เปิดออก ถ้าเราไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนและไม่ควรสำรวจตัวเองด้วยการขยายผนังช่องคลอดมาก่อน อาจรู้สึกเจ็บนิดหน่อยในขั้นตอนนี้ แต่แพทย์จะใช้คีมขนาดที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรืออึดอัดมากเกินไป (ถ้าอยากรู้ อาจขอกระจกมาส่องดูว่า ปากมดลูกเป็นหน้าตาอย่างไร เวลาที่มีเครื่องถือถ่างช่องคลอดอยู่ข้างใน)
**แพทย์จะไม่สามารถบอกได้ว่าใครเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนโดยดูจากความกว้างหรือความแน่นของช่องคลอด กรดูจากสภาพของเยื่อพรหมจรรย์ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน และการไปตรวจภายในกับสูตินรีแพทย์ก็ไม่สามารถทำให้เราเสียพรหมจรรย์ได้ด้วย
**ตอนที่แพทย์สอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด เราอาจรู้สึกเหมือนถูกกดที่กระเพาะปัสสาวะ (อาจรู้สึกเหมือนอยากปัสสาวะขึ้นมาทันที ทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการ) ถ้าเราถูกกดที่กระเพาะปัสสาวะ เราสามารถบอกแพทย์ให้ปรับเครื่องมือให้รู้สึกสบายขึ้น
**จากนั้นแพทย์จะทำแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) โดยการใช้ไม้ยาวๆมีปลายเหมือนไม้ไอศกรีม ป้ายบริเวณปากมดลูกเบาๆเพื่อนำเซลล์ไปตรวจ การขูดเซลล์ที่ปากมดลูกไปตรวจนี้คือการตรวจหาเซลล์มะเร็ง ถ้าเรามีเพศสัมพันธ์แล้ว แพทย์อาจนำตกขาวจากปากช่องคลอดไปตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย การป้ายตกขาวไปตรวจนี้ไม่เจ็บ
**ขั้นตอนสุดท้ายของการตรวจ แพทย์จะใช้นิ้วหนึ่งหรือสองนิ้วที่สวมถุงมือและทาครีมหล่อลื่นสอดเข้าไปในช่องคลอด และใช้มืออีกข้างกดที่ท้องส่วนล่างเบาๆ เพื่อสัมผัสดูอวัยวะภายใน รวมถึงมดลูก รังไข่ และท่อรังไข่ ให้บอกแพทย์ถ้าเรารู้สึกแปลกๆหรือปวด เพราะมันอาจเป็นเครื่องหมายบอกว่ามีการติดเชื้อ รังไข่หรือมดลูกบวม มีถุงน้ำ หรือมีเนื้องอก
** แพทย์บางคน อาจตรวจบริเวณระหว่างทวารหนักกับช่องคลอดโดยการสอดนิ้วหนึ่งนิ้วที่สวมถุงมือเข้าไปในทวารหนัก และสอดอีกนิ้วเข้าไปในช่องคลอด เราอาจรู้สึกถึงแรงกดเหมือนปวดอุจจาระ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเป็นเรื่องปกติ และความรู้สึกจะหายไปในสองสามวินาที
นั่นคือขั้นตอนทั้งหมด ถ้ามีข้อสงสัยจงอย่าลังเลที่จะถามแพทย์ ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดในระหว่างตรวจให้บอกทันที