7 ขั้นตอนตรวจภายใน ด้วยตนเอง




ถ้าพูดถึงเรื่อง ตรวจภายใน สำหรับผู้หญิงยุคใหม่แล้วล่ะก็ เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะใครๆก็รู้ว่าเป็นการเช็คสุขภาพที่สำคัญมากๆของผู้หญิงเรา และเป็นเรื่องของสุขภาพไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร แต่ก็อย่างว่าค่ะ คงมีอยู่บ้างที่ครั้งแรกแล้วอาจรู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ว่างบ้าง ลืมบ้าง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เอาเป็นว่าก่อนถึงมือหมอ ลองใช้มือตัวเองสำรวจตรวจตราซะก่อน ซึ่งถือเป็นการตรวจเบื้องต้นด้วยตัวเองที่สะดวก ง่าย เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้และรักษาอาการผิดปกติได้อย่างทันท่วงที

7 ขั้นตอน ตรวจภายในด้วยตัวเอง
1. ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มตรวจ จากนั้นจัดท่าของตัวเองว่าจะนั่งหรือนอนอย่างไรให้เห็นอวัยวะเพศของตัวเองได้ดีที่สุด อาจจะนอนชันเข่า หลังพิงฝาโดยใช้หมอนหมุนหลัง หรือนั่งยองๆ นั่งคุกเข่า ท่าใดท่าหนึ่งก็ได้ที่คิดว่าสะดวกสุด
       
2. หากระจกที่สามารถใช้ถือดูอวัยวะเพศของคุณมา 1 บาน
       
3. ให้ใช้มือข้างหนึ่งที่ถนัดแยกแคมใหญ่ทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วมองและคลำดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ก้อน ตุ่มแข็ง ตุ่มน้ำ แผล รอยบวม หรือมีบริเวณที่สีเปลี่ยนไป คล้ำมากหรือแดงมากหรือไม่
       
4. จากนั้นใช้นิ้วแยกแคมเล็กออกจากกัน ตรวจหาความผิดปกติต่างๆ แบบเดียวกับขั้นตอนที่ 3 แล้วตรวจดูที่บริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีอาการบวมแดงหรือเปล่า และใช้มือดึงรั้งผิวหนังที่คลุมบริเวณคลิตอริสขึ้นไป เพื่อตรวจดูว่ามีแผลหรือไม่
       
5. ใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอด แล้วกดแยกหนังช่องคลอดออกจากกัน สังเกตตกขาวในช่องคลอด ถ้าเป็นสีขาวขุ่น เป็นมูกเหนียวหรือมูกใส มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แสดงว่าเป็นตกขาวปกติ แต่ถ้ามีลักษณะคล้ายคราบนมที่เด็กแหวะออกมา และมีอาการคันด้วย แสดงว่าอาจมีเชื้อราหรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด ถึงเวลาที่ต้องไปพึ่งคุณหมอสูติฯ แล้ว
       
6. ใช้นิ้วมือคลำบริเวณส่วนล่างของแคมใหญ่ทั้งสอง โดยใช้นิ้วมือหนึ่งอยู่ในช่องคลอด และอีกนิ้วหนึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของแคมใหญ่ ดูว่ามีก้อนคล้ายถุงน้ำบริเวณนั้นหรือเปล่า เพราะเป็นตำแหน่งของต่อมที่สร้างมูกออกมาช่วยหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งท่อที่ปล่อยมูกนี้เจอปัญหาอุดตันได้บ่อย ถ้าคลำได้เป็นก้อนนิ่มๆ ล่ะก็อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้อักเสบเป็นหนองได้
       
7. สุดท้ายตรวจบริเวณฝีเย็บและรูทวารว่ามีก้อนเนื้อที่เรียกว่า ริดสีดวงทวารหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบปรึกษาหมอว่าจะมีวิธีรักษาอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะลำบากเวลาขับถ่าย

สัญญาณแบบนี้ไม่ดีแน่!!
++
มีรอยแดงตำแหน่งเดียว ไม่ว่าอยู่ส่วนไหนของอวัยวะเพศก็ตามอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคบางชนิด เช่น ปากช่องคลอดอักเสบหรือมะเร็งปากช่องคลอด
++ บวม อาจเกิดได้จาก แมลงกัดต่อยหรืออาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางชนิด เช่น โรคไต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งถ้าเป็นโรคเหล่านี้ก็มักมีอาการบวมที่อื่นร่วมด้วย
++ สาวๆที่มีไฝหรือจุดคล้ำ ดำ ทุกๆ 2-3 เดือน ควรหมั่นสังเกตว่าจุดเหล่านี้มีสีเข้มขึ้นหรือใหญ่ขึ้นหรือเปล่า ถ้าใหญ่ขึ้นหรือสีเข้มขึ้นต้องปรึกษาคุณหมอ เพราะอาจเป็นมะเร็งได้
++ ตุ่มน้ำ อาจเกิดจากเริมหรือผิวหนังอักเสบที่อวัยวะเพศก็ได้
++ ก้อน อาจเป็นเนื้องอกหรือเกิดจากการอักเสบ ถ้าเป็นเนื้องอกที่บริเวณนี้มักจะไม่ใช่มะเร็ง สามารถรักษาได้ แต่อย่าละเลย แบบว่ามีก็ช่างมัน!

อาการผิดปกติที่พบได้บ่อย
++ คัน จัดเป็นอาการยอดฮิต สาเหตุมีหลากหลาย เช่น ติดเชื้อรา แพ้ผ้าอนามัย หรือโรคเบาหวาน ซึ่งไม่สามารถสรุปได้โดยไม่ตรวจภาย ถ้ามีอาการ พยายามอย่าเกา และไปขอคำแนะนำการรักษาจากคุณหมอ
++ แสบ อาจมีสาเหตุจากโรคหลายๆอย่าง ที่พบบ่อยคือโรคเริมปากช่องคลอด หรืออาจเกิดจากคันแล้วเกาจนเป็นแผลถลอก
++ เลือดออก อาการแบบนี้พบไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเกิดอาการก็ไปพบหมอดีกว่าค่ะ อย่าลองรักษาเองเลย
++ อาการไม่ปกติอื่นๆ คุณผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกแปลกๆ เช่น รู้สึกยุบยิบที่ตรงนั้น หรือเจ็บแปลบๆ เหล่านี้อาจเกิดจากปัญหาส่วนตัว เช่น เป็นคนที่เหงื่อออกง่าย ใส่กางเกงในคับเกินไป เป็นต้น

เรื่องเล็กๆของจุดซ่อนเร้น
++ หมั่นตรวจตราจุดซ่อนเร้น ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
++ หลังเสร็จธุระต้องทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้แห้ง เพื่อจะได้ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
++ คุณผู้หญิงที่ใช้กระดาษทิชชูทำความสะอาด ต้องระวังอย่าให้มีเศษกระดาษเปื่อยหลุดเข้าไปในช่องคลอด เพราะจะทำให้เกิดอาการคัน หรือตกขาวผิดปกติได้
++ เลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยและกระดาษชำระที่เติม กลิ่น สี เพราะทำห้ระคายเคืองได้ รวมถึงผ้าอนามัยแบบสอด เพราะอาจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคถ้าคุณใส่นานเกินไป
++ ระวังผลการใช้สบู่ที่ไม่คุ้นเคย หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
++ อย่าสวมกางเกงที่คับเกินไป นอกจากจะอึดอัดแล้ว เวลาเหงื่อออกจะทำให้เกิดอาการคันได้ง่าย ยิ่งบางคนที่แพ้สารเคมีในกางเกงในด้วยแล้วยิ่งทำให้คันมากขึ้น
++ อย่าสวนล้างช่องคลอดเด็ดขาด เพราะน้ำจะทำลายสภาพความเป็นกรดในช่องคลอดให้เจือจางลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

สำหรับบางคนอาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า ตรวจภายในไม่ใช่เรื่องน่ากลัวและน่าอาย เป็นการเช็กสุขภาพเฉพาะส่วนที่ใช้เวลาในการตรวจเพียง 5 นาที

จะเป็นการดีที่สุดถ้าให้แพทย์เป็นคนตรวจ หากไม่กล้าพบหมอผู้ชาย เลือกหมอสูติฯที่เป็นผู้หญิงตรวจให้ก็ได้ โดยปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากญาติมิตรที่ไว้ใจได้และเคยมีประสบการณ์ ก่อนตัดสินใจ

ค่าใช้จ่ายในการตรวจภายใน เฉพาะค่า lab อยู่ที่ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท ต่อครั้ง ราคาขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลนั้นๆ ซึ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐราคาก็จะต่ำกว่านี้มาก

รู้เทคนิคขั้นตอนอย่างนี้แล้ว ก็ลองทำกันดูนะคะ ส่ว่นการไปพบคุณหมอสูติฯนั้นควรจะตรวจปีละครั้ง โดยสามารถเลือกคุณหมอสูติฯผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้

ของอย่างนี้ถ้ารักถ้าหวงกันจริงก็ต้องดูแลให้ถูกต้องนะคะ ยังไงกันก่อนแก้ ย่อมดีกว่าตามรักษากันภายหลัง คุณว่ามั้ยคะ





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement