กังวล โมโห หงุดหงิด ขัดใจ ไอ้นั่นไอ้นี่ ไม่ได้ดั่งใจเล้ย เรื่องเล็กน้อยๆ รายวัน เกิดขึ้นเสมอๆ ไม่นับความผิดหวังเสียใจ วิกฤติอารมณ์ตั้งแต่ขนาดย่อมไปจนถึงปานถูกถาโถมด้วยคลื่นสึนามิจากแรงสั่นคลอน 9.8 ริกเตอร์ ที่มาเยือนชีวิตเป็นระยะ ห่างบ้างถี่บ้าง แล้วแต่ชะตาใคร
เป็นเวรเป็นผลของกรรมใดที่ใครหรือเราเองก่อไว้ตั้งแต่ชาติโน้นหรือเมื่อกี้นี้ เป็นข้อสอบชีวิต ท้าพิสูจน์ความเข้มแข็ง ไม่ทุกข์จะรู้รสสุขได้อย่างไร อะไรก็แล้วแต่จะคิดได้ เพื่อให้ได้คำตอบต่อความไม่ชอบใจในเบื้องต้นว่า ทำไมชีวิตต้องเปรอะด้วยความสึกแย่ๆ ลบๆ
มีความสุขอย่างเดียวไม่ได้หรือ
หลีกหนีไม่พ้น แต่อย่าไปเกลียดมัน เพราะถ้าจับพลิกจับหงาย ปลิ้นในออกนอกมาดูดีๆ จะรู้ว่า ทุกอารมณ์ความรู้สึกลบมีความหมาย อาจเป็นกุญแจอีกหนึ่งดอกสำคัญนำไปสู่ความสุขได้ง่ายๆ
มองผิวเผินจะเห็นแค่ความขุ่นมัวของอารมณ์ มองให้ทะลุจะตระหนักว่าอารมณ์ลบคือ"ข้อมูลสำคัญ" เป็นสัญญาณฉุกเฉินเตือนให้เรารู้ว่ามีอะไร"ไม่ดี" เกิดขึ้นในขั้นต้อง"ปรับเปลี่ยนมุมองและวิธีการ" ต่อสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่รอบตัวเรากันใหม่แล้ว โดยมุมมองในที่นี้หมายถึง เราตีความสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร และวิธีการหมายถึงการกระทำที่เราเลือกจะปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนแปลง หรือกำจัดสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิตออกไปจากชีวิต
คล้ายความป่วยไข้ทางกาย เจ็บตรงนั้น ปวดตรงนี้ คือสัญญาณบ่งชี้ความผิดปกติหรือโรคไข้บางอย่าง เป็นเสียงร้องเรียกให้เราเยียวยารักษาตัว ใจเราก็ไม่ต่าง นิยามสั้นๆ ง่ายๆ ว่าทุกข์คือภาวะใจไม่สบาย เมื่อมีอาการเตือนในรูปอารมณ์เป็นลบ ต้องวินิจฉัยให้เจอว่าสะท้อนปัญหาใด แล้วลงมือเยียวยารักษาแก้ไขทันทีให้ถึงต้นตอ
อย่าหนี อย่าแค่กัดฟันเก็บกดไว้ อย่าหลอกตัวเองว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (มันจะย้อนกลับมา) อย่าเผลอปล่อยใจปลดสติให้ไหลหายไปกับอารมณ์ลบๆ แต่ให้ยอมรับว่า เออ มันเกิดขึ้นแล้วนะ นี่เรากำลังรู้สึกแย่ นี่จริงนะ แล้วตั้งข้อสงสัยทันทีว่า มีอะไรผิดปกติ?
มีตรงไหนต้องปรับเปลี่ยน? มีจุดไหนต้องแก้ไข?
ยกตัวอย่าง เมื่อเราโกรธ อย่ามัวหมกมุ่นคับแค้นปล่อยควันออกหูดูไม่งามไปวันๆ แต่ให้ตระหนักว่า ความโกรธเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า มาตรฐานหรือกฎเกณฑ์บางอย่างที่เรายึดถือหรือยึดติดอยู่กำลังถูกละเมิด มองให้ออกว่า ทำไมจึงถูกละเมิด กฎเกณฑ์มาตรฐานของเราสมเหตุสมผล
ควรได้รับความเคารพหรือเปล่า หรือไม่ใช่เพราะเรา อย่างนั้นจะปล่อยให้มันถูกละเมิดต่อไปไหม จะเปลี่ยนจะปรับความคิดการกระทำอะไรตรงไหน ไม่ให้เกิดซ้ำเกิดซากอีก
หรือเมื่อไหร่รู้สึกกังวลหวาดกลัว ก็ให้รู้ว่านั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์บางอย่าง ฉะนั้นอย่าเสียเวลาเหงื่อแตกใจเสียทุกข์เปล่าล่วงหน้า เอาเวลาไปทุ่มกับการเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า แล้วคิดอะไรๆ ให้เป็นบวกเข้าไว้
หรือเมื่อรู้สึกเศร้า นั่นก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีการสูญเสียเกิดขึ้น ก็ต้องตีโจทย์ให้แตกว่า ทำไมจึงสูญเสีย สิ่งที่สูญเสียมีค่าควรแก่การเสียใจมากน้อยแค่ไหน มันสำคัญขนาดไหนหรือ หาอะไรมาแทนที่ได้ไหม เรามองให้เป็นการปิดหน้าเก่าเปิดหน้าใหม่ได้หรือเปล่า
หยุดฟูมฟายเสียดายแล้วเดินไปขึ้นรถเมล์ป้ายหน้าจะดีกว่าไหม หรือเรายึดติดมากไป ตัวเรายังไม่ใช่ของเราเลย ปล่อยวางบ้างดีกว่านะต่อไปนี้
เข้าใจอารมณ์เป็นทุกข์ว่า ไม่ได้เป็นแค่อะไรที่เราท่านหลีกหนีกันไม่พ้น หากเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจากข้างในตัวเราเอง เท่ากับเจอทางออกสู่ความสุขแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นเรื่องของความมุ่งมั่นเด็ดขาดของใจที่กล้าคิดใหม่ทำใหม่ เพื่อชีวิตที่เป็นสุขขึ้น
ทีละก้าว เดี๋ยวก็ถึง
Be Happy :)