อย่ารู้จักบัตรเครดิตแค่เพียงผิวเผิน
สาวๆส่วนใหญ่รู้จักและคุ้นเคยกับบัตรเครดิตกันเป็นอย่างดี แต่เป็นการรู้จักแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น อันที่จริงบัตรเครดิตแต่ละใบมีรายละเอียดที่ลึกซึ้งกว่านั้น ถ้าเราสามารถรุ้จักมันแบบถึงรากถึงแก่น นับว่าเป็นข้อดีต่อสภาพทางการเงินของเราเลย สิ่งสำคัญที่สุดในการทำสัญญาบัตรเครดิตระหว่างเรากับธนาคารผู้ออกบัตรก็คือ ต้องอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขการใช้ให้เข้าใจมากที่สุด ตั้งแต่วงเงินที่ได้รับ อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม วิธีการชำระเงิน
นอกจากนี้ยังควรทำความเข้าใจถึงสิทธิของเราในฐานะผู้ถือบัตรให้ดีด้วย อย่าเกรงใจหรือลังเลที่จะถามหากเกิดความสงสัยในตัวบัตรที่เราถืออยู่ ทั้งนี้เพื่อความชัดเจนในการใช้และเพื่อรักษาสิทธิของเราในฐานะผู้ถือบัตรด้วย
ใช้บัตรจ่ายอะไรดี
ข้อดีสูงสุดของการซื้อของผ่านบัตรเครดิตก็คือ สามารถช็อปของที่ถูกใจได้ทันทีแม้ว่าขณะนั้นเราจะไม่มีเงินสดติดตัวเลยสักบาทก็ตาม แถมยังสะดวกสบายไม่ต้องพกเงินจำนวนมากให้หนักกระเป๋า แต่ในทางตรงกันข้าม ข้อดีข้อนี้ที่เป็นข้อเสียอย่างมากสำหรับสาวนักช็อปทั้งหลาย เพราะถ้าหากไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจแล้วอาการช็อปสนั่นเมืองก็คงเกิดขึ้นจนบัญชียาวเป็นหางว่าว ดังนั้นถ้าจะให้ดีควรเลือกใช้บัตรกับสินค้าหรือบริการที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้เองแบบชัดเจน ซึ่งจะให้ประโยชน์มากกว่าโทษ ดังรายการต่อไปนี้
น้ำมัน
ถือเป็นเรื่องปกติของคนใช้รถที่ต้องเติมน้ำมัน ดังนั้นค่าน้ำมันจึงไม่สามารถทำให้เกิดหนี้สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ได้ เพราะรถต้องกินน้ำมันอยู่เป็นประจำตามเส้นทางชีวิต ถึงแม้จะจ่ายเงินสดก็ต้องจ่ายในมูลค่าที่เท่ากันอยู่ดี ดังนั้นเก็บเงินสดไว้จับจ่ายเรื่องอื่นดีกว่า แถมยังช่วยให้คะแนนสะสมในบัตรพุ่งปรี๊ดอีกด้วย
ของกินของใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ต
คุณแม่บ้านหรือคุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อจับจ่ายของกินของใช้จิปาถะเข้าบ้าน เชื่อไหมว่าการใช้บัตรเครดิตจะช่วยเพิ่มความรอบคอบและความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง เพราะใบแจ้งยอดในแต่ละเดือนจะทำให้คุณแม่บ้านตรวจเช็กค่าใช้จ่ายที่หมดไปได้ว่ามากหรือน้อยเกินโควต้าแค่ไหน หากฟุ่มเฟือยเกินไปครั้งหน้าจะได้เริ่มประหยัดเสียที
ค่าใช้จ่ายรายเดือนสารพัดชนิด
เริ่มตั้งแต่ค่าโทรศัพท์ หรือค่าเคเบิล แทนที่จะแยกจ่ายก็ควรโอนทุกอย่างให้จ่ายผ่านบัตรเครดิตใบเดียวนี่แหละเพราะมันคือค่าใช้จ่ายที่มีตัวเลขค่อนข้างแน่นอนอยู่แล้ว และที่สำคัญก็คือ ต้องจ่ายแน่ๆเพราะฉะนั้นควรรวบยอดเอาไว้เลย นอกจากจะสะดวกในการชำระเงินแล้ว เราจะได้คะแนนสะสมเป็นของกำนัลในแต่ละเดือนแบบไม่ต้องไปเดินช็อปให้เมื่อยด้วย
สินค้าที่มีมูลค่ามากๆ
ประเภทตั๋วเครื่องบิน ร้านอาหาร ที่พักโรงแรมหรู ค่ารักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ เป็นสินค้าที่เราค่อนข้างแน่ใจว่าจำเป็นต้องซื้อ เงินสดที่เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหล่านี้ยอ่มมีอยู่แล้ว เป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของเราได้อีกระยะหนึ่งด้วย การจ่ายสดสำหรับของฟุ่มเฟือยอย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆ รวมถึงบริการบันเทิงทั้งหลาย แทนการใช้บัตรเครดิตนับว่ามีประโยชน์ไม่ใช่น้อย เพราะทุกครั้งที่ต้องเปิดกระเป๋าควักเงินจ่าย จะช่วยให้ความรู้สึกเสียดายนั้นบังเกิด เรียกว่าลดความฟุ่มเฟือยลงได้แบบคาดไม่ถึงทีเดียว
สบายใจไร้ดอกเบี้ย
ตามปกติแล้วบัตรเครดิตจะมีระยะเวลาที่เรียกว่า "ระยะปลอดดอกเบี้ย" ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เราไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ยจากการใช้บัตร โดยระยะเวลาดังกล่าวจะแตกต่างกันไปขึ้นกับเงื่อนไขของธนาคารผู้ออกบัตร สังเกตง่ายๆจากในใบเรียกเก็บเงินที่ธนาคารส่งมาให้ วันนัดชำระเงินวันสุดท้ายนั่นแหละเรียกว่า ระยะปลอดดอกเบี้ย แต่ถ้าในกรณีที่เราไม่สามารถจ่ายยอดเงินที่เต็มจำนวนชำระได้ ทางออกที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ดอกเบี้ยงอกงามคือ การชำระเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ควรมากกว่ายอดชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เราอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยโดยไม่มีวี่แววที่ยอดค้างชำระจะลดลง แม้ว่าเราได้จ่ายยอดชำระขั้นต่ำทุกเดือนก็ตาม
เทคนิคการใช้วงเงิน
การใช้บัตรเครดิตเป็นการกู้ยืมชนิดหนึ่ง ตามกฎ 20-10 ซึ่งเป็นกฎเกี่ยวกับการบริหารหนี้ให้เกิดประสิทธิภาพนั้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดจาการกู้ยืมไม่ควรเกินร้อยละ 20 (ไม่รวมค่าผ่อนบ้าน) และค่าใช้จ่ายประจำเดือนไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของรายได้สุทธิของตัวเองในแต่ละเดือน สมมติว่าเงินเดือน 15,000 บาท ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการกู้ยืม รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจากการใช้บัตรเครดิตไม่ควรเกิน 4,500 บาท จึงจะถือว่าเป็นการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพที่สุด
กลโกงยุคดิจิตอล
เทคโนโลยีกลโกงล่าสุดเกี่ยวกับบัตรเครดิตอันนับเป็นกลโกงที่น่ากลัวมากก็คือ การก๊อปปี้ข้อมูลในบัตรจริงไปทำบัตรใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนเรียกว่าเป็นบัตรปลอมไม่ได้เลย วิธีการก็คือ การรูดบัตรผ่านเครื่องก๊อปปี้แถบแม่เหล็กเพียงเท่านี้ข้อมูลทั้งหมดในแถบแม่เหล็กหลังบัตรเครดิตก็จะถูกนำไปถ่ายทอดลงบัตรพลาสติกใบใหม่แล้วใช้รูดแทนเจ้าของบัตรตัวจริง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ การก๊อปปี้ข้อมูลนี้สามารถทำได้ง่ายๆในเวลาไม่กี่วินาที แม้ตอนที่เราเผลอหรือแม้กระทั่งตอนที่พนักงานร้านอาหารเดินนำบัตรไปให้แคชเชียร์หรือนำมาส่งคือจเของบัตร ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมิจฉาชีพสามารถใช้กลโกงนี้ได้ เราควรใส่ใจกับทุกขึ้นตอนการรูดชำระเงินเป็นพิเศษ ไม่ควรเดินไปที่อื่น หรือคุยโทรศัพท์โดยไม่ได้มองพนักงาน และควรตรวจสลิปบัตรเครดิตให้ละเอียดรอบคอบทุกครั้งก่อนเซ็นชื่อ
บทความจาก ELLE