ความศักดิ์สิทธิ์ของคำว่า "แม่"


ค่ำวันหนึ่ง ผมได้รับเชิญ

ไปร่วมงานเลี้ยงที่ภัตตาคารใหญ่แห่งหนึ่ง
เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ก็คิดจะกลับบ้าน
เพราะถึงเวลาควรกลับได้แล้ว

ผมเดินมาคนเดียวที่ลานจอดรถ
ที่เปิดไฟสว่างไสว มีรถจอดเต็มไปหมด
เพื่อจะขับรถกลับบ้าน

เมื่อเดินมาถึงรถ ก็ไขกุญแจเข้าไปในรถ
ปรากฎว่ามีวัยรุ่น 3 คน ที่เดินตามมาห่างๆ
โดยผมไม่เฉลียวใจว่า เขาจะมาดี หรือมาร้าย
ปราดเข้าเอาปืนจี้ที่ศีรษะ และให้เข้าไปในรถ

ผมตกใจ ไม่กล้าร้อง เขาให้ผมเข้าไปในรถ
โดยนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ
วัยรุ่นคนหนึ่งทำหน้าที่คนขับ อีกคนนั่งที่เบาะหลัง
โดยมีคนหนึ่งคอยเอาปืนจี้ผมตลอดเวลา
วัยรุ่นคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับ ก็สตาร์ทรถ
และขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เขาเปิดเพลงดังมาก
หัวเราะพูดจากันเอะอะ โวยวาย สูบบุหรี่ควันโขมงไปหมด

ผมอยู่ในภาวะที่เครียดมาก
พอหมดภาวะนั้นแล้ว ก็เริ่มมีสติ
จึงขอบุหรี่เขาสูบมวนหนึ่ง
เพื่อทำตัวให้เข้ากับสถานการณ์

ผมอัดบุหรี่เข้าไปเต็มที่ แล้วจึงเริ่มคุยกับเขา
ผมแสดงความจริงใจ โดยบอกเขาว่า
ผมเป็นนักเรียน ไม่มีเงินมากหรอก
ถ้าจะเอาเงิน ผมก็จะให้เงินทั้งหมดที่มีอยู่
แต่ขอกระเป๋าเอกสารเอาไว้เถิด
ว่าแล้วเงินก็ให้เขาไปจนหมด

ผมขอให้เขาเบาเสียงเพลงลงหน่อย เพราะดังมาก
เขาก็ไม่ยอม ผมเลยชวนคุยเรื่องว่า
เขาคงมีแฟน ไม่ไปหาแฟนหรือ
เขาก็ตอบแบบกระชากๆว่าไม่สนใจหรอก มีแฟนกี่คนก็ได้
ตอนนี้ก็มีกันทุกคน แต่ไม่สำคัญหรอก

ผมก็ถามว่ามาเที่ยวดึกๆอย่างนี้พ่อไม่ว่าหรือ
เหมือนนัดหมายกัน ทั้งสามคำรามใส่คำว่า พ่อ แถมพูดหยาบๆ
และบอกว่าอย่าเอ่ยถึงพ่อได้ไหม พวกเขาเกลียดพ่อ

ผมก็เลยเปลี่ยนมาคุยเรื่องแม่
ถามเขาว่าแม่รักเขาไหม
เขามีทีท่าอ่อนลง บอกว่าแม่รักเขา และตีพวกเขา

ผมได้ทีก็เลยชวนคุยเรื่องแม่ต่อไปอีก โดยบอกว่า
เขาก็คงรักแม่เหมือนกับที่ผมรักแม่
และแม่ก็คงรักพวกเขาเหมือนกับที่แม่รักผม

ผมมาอเมริกาเพื่อศึกษา แม่ก็เป็นห่วง และคิดถึง
ถ้าแม่รู้ว่าผมตกอยู่ในภาวะอันตรายหรือเป็นอะไรไป
แม่คงจะโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก
คงเหมือนกับแม่ของพวกเขาเหมือนกัน
ถ้าหากรู้ว่ามีอันตรายเกิดกับลูก แม่คงแทบสูญสิ้นชีวิต

พวกเขานั่งเงียบ และเบาเสียงวิทยุลง
ผมเลยขอร้องเขาว่า
อย่าทำอันตรายอะไรผมเลย
ให้นึกถึงความรู้สึกของแม่ ซึ่งถ้าหากรู้ว่า
ลูกได้รับอันตรายแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าหากเขาอยากได้รถก็เอาไปเถิด
อยากได้เงินก็ให้เงินไปแล้ว
แต่อย่าทำอันตรายผมเลย
ผมได้ยินเสียงกริ๊กจากปืนที่คนนั่งข้างหลังจ้องอยู่
คงเป็นการปลดกระสุนปืนออก
แล้วก็ยื่นปืนให้ผมพร้อมกับยื่นมือให้ผมจับ

เขาบอกว่า จากวันนี้ไป เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ
ผมก็จับมือเขา แล้วเราทุกคนก็หัวเราะพร้อมๆกัน
คนหนึ่งบอกว่าอยากดื่มเบียร์
เขาก็จอดรถ ซื้อเบียร์กระป๋อง มาดื่มกันในรถที่ขับไป

สุดท้ายเขาจอดรถในที่ใกล้ๆ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
บอกเขาจะไปกันละนะ เขาไม่เอารถหรอก จะคืนรถให้

ขอให้ผมโชคดีในการเรียน
จะได้กลับบ้านไปพบแม่ที่ผมรัก
ซึ่งเขาก็รักแม่ของเขา
และเขาก็จะไปหาแม่ของเขาเช่นกัน
พอเขาลงจากรถ ผมก็ขับรถกลับบ้านที่พัก
ด้วยความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่

สิ้นปีนั้น ผมก็ย้ายเมืองไปอยู่นิวยอร์ก
เมื่อจบการศึกษาด้านกุมารเวช
และเริ่มเรียนทางด้านจิตเวชต่อไปอีก

ประสบการณ์นี้ผมไม่เคยลืมเลือน
คิดว่าตัวเองรอดชีวิต
ไม่มีอันตรายมาได้ ด้วยคำว่า "แม่" นี่เอง

เรื่องนี้ก็ไม่เคยเล่าให้แม่ฟัง
ปีนี้เป็นปีที่แม่ของผม (ทองอยู่ นาควัชระ)
ได้รับเกียรติรับเลือกเป็นแม่ดีเด่นของชาติ
แม่คงจะรู้เรื่องจากนิตยสารนี้แหละ
จะได้รู้ คำว่า "แม่" นั้นศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองชีวิตลูกได้

และอยากให้ลูกทุกๆคน รักแม่
ให้แม่รักลูก
เพราะเป็นสายใยอันเดียวที่จะทำให้มนุษย์อุ่นใจ
ปลอดภัย และเป็นมงคลกับชีวิต

บทความนี้เขียนขึ้น
เพื่อเทิดทูนบูชาพระคุณของ "แม่" ของคนทั้งโลกครับ




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement