งานแต่งงานของ คู่บ่าวสาว สมัยนี้ ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงเรื่องสตูดิโอแต่งงานก่อนเป็นอันดับแรกๆ อาจจะเกิดจากกระแสการจัดงาน Wedding Fair ที่มีการจัดขึ้นหลายๆครั้งในรอบ 1 ปี นอกจากนี้ เมื่อคู่รักตัดสินใจจะแต่งงาน ทุกคู่ หรือคู่แต่งงานส่วนใหญ่ ย่อมไม่เคยมีประสบการณ์ หรือความรู้ในการจัดเตรียมงานมาก่อน ทำให้ไม่ทราบว่าจะเริ่มจากอะไรก่อน หลัง หรือแหล่งที่เลือกซื้อสินค้า และบริการทางด้านงานแต่งงาน อยู่ไหน หรือมีตัวเลือกอะไรบ้าง
รายละเอียด หรือลำดับ Step ความคิด เราจะมาช่วยแจกแจงกันอีกในโอกาสหน้า แต่วันนี้ขอตัดประเด็นมาที่ เรื่องของสตูดิโอแต่งงาน ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเราขอสรุปให้ง่าย นำไปใช้ได้จริง แบบสั้นๆ โดยแบ่งเป็นข้อๆได้ดังนี้ค่ะ
1. ให้ดูความต้องการของเราเป็นหลัก ว่าต้องการภาพถ่าย หรือชุดแต่งงานสำหรับวันงาน
a. ถ้าต้องการภาพถ่าย
- ให้ดูเรื่องของฝีมือ หรือสไตล์ในการถ่ายภาพ และการจัดอัลบั้มก่อนเป็นหลักสำคัญ
- ช่างภาพท่านนั้น ที่ถ่ายภาพได้ถูกใจเรา ยังอยู่กับสตูดิโอนั้นรึเปล่า
- ชนิดของกล้อง เป็น กล้องดิจิตอล หรือ กล้องฟิล์ม ( ตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกล้องดิจิตอล ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลขึ้นไป ) ซึ่งจะมีผลต่อ คุณภาพของ ภาพที่เราจะนำไปขยาย ถ้าไม่ได้ต้องการนำไปขยายใหญ่มาก คุณภาพของกล้องดิจิตอลในปัจจุบันก็ถือว่าเข้ามาตรฐานแล้ว และสามารถถ่ายมาให้เราเลือกได้หลายๆภาพ ถือว่าได้เปรียบกล้องฟิล์มแบบเก่า แต่ถ้าใครยังต้องการคุณภาพสี และความละเอียดมากๆ ก็คงต้องหาสตูดิโอที่ยังใช้กล้องฟิล์มอยู่ด้วยค่ะ ฟิล์มที่เคยนิยมใช้คือ ฟิล์ม 120 ที่จะเป็นแผ่นฟิล์มขนาดใหญ่กว่าฟิล์มธรรมดา
- จากนั้น มาดูเรื่องการแต่งหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว ว่าแต่งให้คู่อื่นๆเป็นยังไงบ้าง ดูดี อย่างที่เราชอบรึเปล่า ถ้าเป็นไปได้ ก่อนตกลงเซ็นต์สัญญา ก็ให้คุยรายละเอียดพวกนี้ให้ชัดเจน ล็อคตัวช่างแต่งหน้า-ช่างทำผม ไว้ก่อนเลยได้มั๊ย จะได้ไม่มีปัญหาว่าแต่งหน้า ทำผม ไม่ถูกใจ
- ดูเรื่องชุด ที่ใช้ถ่ายภาพ ว่ามีชุดอะไรให้เลือกบ้าง ทั้งชุดแต่งงาน ชุดนานาชาติ หรือว่าคู่บ่าวสาวต้องนำชุดไปเอง...ในกรณีที่ถ่ายหลายสไตล์
- ในกรณีไปถ่ายภาพนอกสถานที่ จะไปที่ไหนได้บ้าง ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง อะไรที่ต้องเพิ่มเติมจากแพคเกจนี้หรือไม่ คิดอย่างไร เดินทางอย่างไร
b. ถ้าต้องการชุดแต่งงาน สำหรับใส่ในวันงาน
- ต้องขอดูชุดที่อยู่ในแพคแกจที่เค้านำเสนอก่อนตัดสินใจ วางมัดจำค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชุดงานเช้า หรืองานตอนเย็น ควรเช็คดูความเก่า-ใหม่ของชุด ทั้งของเจ้าบ่าว และเจ้าสาว และก็บอกไปเลยว่าเราจะจองชุดนี้ไว้สำหรับวันงานเรา ให้เค้าทำการสัญญาให้เราให้เรียบร้อย ว่าเราจะได้ชุดนี้สำหรับวันงานของเราแน่นอน ถ้าเป็นไปตามข้อตกลง เลือกชุดได้เป็นที่พอใจแล้ว ก็ค่อยทำสัญญาซื้อแพคเกจที่เราพอใจ ทีนี้จะได้ตัดปัญหาเรื่อง ไม่มีชุดที่เราต้องการที่รวมกับแพคเกจ หรือว่าต้องมีการเพิ่มเงินมากมายในการจะใช้ชุดที่เราต้องการแต่ไม่อยู่ในแพคเกจ
- ในกรณีที่ ซื้อแพคเกจตาม Booth งาน Wedding Fair เรื่องนี้ต้องระวังให้มาก อาจจะมีการพูดคุยกันก่อนว่าสนใจ แต่จะขอเข้าไปดูชุดที่ร้านก่อน ถ้าชุดดี ชุดสวยอย่างที่มีการคุยกันที่ Booth เราค่อยเซ็นต์สัญญา และวางเงินมัดจำ
2. ถ้าต้องการให้ทางสตูดิโอ ดูแลในส่วนอื่นๆ นอกเหนือจาก ภาพถ่ายและชุดแต่งงาน คุณก็ควรขอดูผลงาน หรือ ตัวอย่างของของที่เพิ่มเติมก่อน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันทั้งสองฝ่าย เช่น
- มีของชำร่วยให้อีก 100 ชิ้น มูลค่า ไม่เกิน 20 บาท อย่างนี้ เราก็ควรจะขอดูว่า หน้าตาของชำร่วยที่ว่าน่ะ ประมาณไหน รับของได้เมื่อไหร่ มีการจัดส่งอย่างไรบ้าง
- มี Presentation แถม ก็ควรจะขอดูตัวอย่างก่อนว่าเป็นแนวไหน หน้าตายังไง จะได้รับงานเมื่อไหร่ มีการแก้ไขงานได้กี่ครั้ง เป็นสไตล์ที่เราชอบรึเปล่า
- หรือมีช่างภาพ ช่างวีดีโอ หรือช่างแต่งหน้าให้ในวันงาน อันนี้ก็ต้องถามค่ะว่า ช่างเป็นใคร มีตัวอย่างผลงาน สไตล์การถ่ายภาพ หรือการแต่งหน้าแบบไหน เราจะติดต่อกับช่างในช่วงวันงานได้อย่างไร ซึ่งถ้าเราไม่ชอบ ไม่แน่ใจ เราก็ไม่ควรเลือกซื้อแพคเกจที่ครอบคลุมทุกอย่างมากเกินไป ซึ่งแพคเกจแบบนี้จะเหมาะกับคู่บ่าวสาวที่ไม่มีเวลาจัดการเอง และไม่ซีเรียสกับเนื้องานเท่าไหร่ หรือเหมาะกับการเลือกใช้บริการกับร้านที่มีฝีมือ หรือมีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือได้ค่ะ
บทความนี้เห็นทีว่าจะฝากไว้เท่านี้ก่อนค่ะ คิดว่าน่าจะเพียงพอ และเป็นประโยชน์กับว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาว ที่กำลังมองหา หรือกำลังตัดสินใจจะเลือกใช้บริการสตูดิโอแต่งงาน อยู่ในช่วงนี้นะคะ
ขอบคุณ thaiweddingmall.com ค่ะ