คุณผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงทั้งหลายที่แต่งงานแล้วคุณเคยคิดไหมว่าคุณรู้จักสามีดีแค่ไหน หลายๆ คนคบกันมานานหลายปี จนรู้ใจกันดีจึงตกลงปลงใจแต่งงาน แต่ยิ่งอยู่ไปอยู่ไป ยิ่งเหมือนรู้จักเขาน้อยลง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ!
Men from Women from venus
งานนี้ถ้าไปถามนักดาราศาสตร์จะบอกว่า เพราะเรามาจากดาวคนละดวง โดยผู้ชายมาจากดาวอังคารส่วนผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ แล้วมาพบรักกันบนโลก อะไรหลายอย่างจึงต่างกัน ถ้าถามนักวิทยาศาสตร์ก็จะบอกว่าหญิงและชาย ต่างกันตั้งแต่ระดับหน่วยย่อยเล็กๆ ที่เรียกว่า เซลล์ เลยทีเดียว ทำให้อะไรๆ ก็ต่างกันไปหมด ทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ ฯลฯ เช่น
เธอ (คุณผู้หญิง) : ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมาก ต้องการความใกล้ชิดและความสนอกสนใจ เน้นความสัมพันธ์ในครอบครัว ให้ความสำคัญกับเรื่องปลีกย่อยจนบางครั้งเกิดเป็นความขัดแย้ง เมื่อขัดแย้งขึ้นมาก็อยากพูดคุย เพื่อปรับความเข้าใจลดความอึดอัด และต้องการคนพูดคุยเพื่อปลอบใจและระบายความเครียด
เขา (คุณผู้ชาย) : กลับมีความรู้สึกตรงข้าม คือ เน้นใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ไม่ค่อยสนใจเรื่องความรู้สึกจนบางครั้งเหมือนไร้อารมณ์ (แต่ถ้าถูกเอาใจก็ชอบนะครับ!) เก็บกดความรู้สึก ต้องการความเป็นส่วนตัว และไม่ชอบใกล้ชิดเกินไป มีความต้องการเป็นผู้นำ ชอบเป็นคนตัดสินใจ เน้นความสำเร็จในอาชีพการงาน เวลาเครียดชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า แถมเวลาขัดแย้งมักจะหลีกเลี่ยงปัญหา และไม่อยากพูดคุยมาก (จริงๆ แล้วแก้ปัญหาไม่เก่ง เลยทำลืมๆ จะดีกว่า)
Read his mind
ดังนั้นบ่อยครั้งที่คุณทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ เพราะไม่เข้าใจพื้นฐานของกันและกัน เอาล่ะวันนี้เราจะมาปรับตัวเข้าหากัน โดยเริ่มที่คุณก่อนดีไหม เอาฤกษ์เอาชัยวันพ่อนี่ล่ะ คุณอาจถามว่าทำไมต้องฉันก่อน ทำไมไม่เขาก่อน แต่ผมแนะนำให้คุณเริ่มก่อนก็เพราะคุณเป็นคนอ่านนี่นา และผมเชื่อว่าเมื่อคุณเริ่มปรับตัวเข้าหาเขา เข้าใจเขา ก็จะปรับตัวเข้าหาคุณด้วยเหมือนกัน (ตามประสาคนดีที่เราเลือกเป็นคู่ไง คือให้เขา เขาก็จะให้ตอบแทน)
พยายามมองเห็นคุณค่าของเขาให้มาก อย่ารอให้สาวๆ คนอื่นมองเห็น แต่เรากลับมองไม่เห็น เพราะเดี๋ยวเขาอาจจะไปหาคนที่เห็นคุณค่าของเขามาแทนเรา หัดแสดงความห่วงใย เอาใจใส่เขาบ้าง หลายคนพอมีลูก กลับสนใจและให้เวลากับลูกจนไม่มีเวลาเหลือให้สามี จนมีคำแนะนำว่า (โดยรัฐมนตรียุคทักษิณเชียวนะ) ให้ปฏิบัติกับสามีให้เหมือนลูกชายคนโต พยายามเอาใจเขาบ้าง แต่ไม่ต้องถึงกับควบคุมมากจนสามีก็ไม่แน่ใจว่า ตัวเองเป็นสามีหรือเป็นลูกกันแน่ ควรเอาใจใส่เหมือนเป็นลูกแต่อย่าดุเหมือนเป็นแม่ เพราะเดี๋ยวคุณจะถูกเอาไปนินทาในวงเหล้าว่าทำอย่างนี้นี่มันจะมาเป็นเมียหรือแม่กันแน่!
ข้อสำคัญอีกอย่างคืออย่าลืมให้เกียรติสามี เพราะเรื่องนี้ผู้ชายให้ความสำคัญมาก เราอาจต่อว่าเขาที่บ้านได้ แต่อย่าต่อว่าเขาต่อหน้าญาติเขาหรือผู้ร่วมงานของเขา เพราะจะทำให้เขาเสียหน้า (ผู้ชายอย่างเรายอมไม่ได้ เดี๋ยวปั๊ด แฮะ แฮะ กราบซะนี่)
เรื่องสำคัญมากอีกเรื่องก็คือ ถ้าเขาขอมีเซ็กซ์กับคุณก็ไม่ควรปฏิเสธบ่อยๆ จนเขาหมดกำลังใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากของผู้ชาย ถ้าถูกปฏิเสธบ่อยๆ จะทำให้เขาขาดความมั่นใจ (ใจคอห่อเหี่ยว พานให้อะไรๆ เหี่ยวไปหมด) ปกติฝ่ายชายจะให้ความสำคัญกับเรื่องเซ็กซ์มากกว่าฝ่ายหญิง ซึ่งสำหรับผู้ชายแล้วเซ็กซ์กับความรักแยกกันแทบไม่ออก ถือเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชายทีเดียว
ดังนั้นบ่อยครั้งที่เวลาคุณผู้ชายคุยกัน หัวเรื่องหนึ่งที่มักจะโม้กัน คือเรื่องเซ็กซ์ (ซึ่งจริงบ้าง โม้บ้าง เขาเรียกว่าเอาไว้ถุยใส่กัน) นอกจากทั้งสองฝ่ายจะให้ความสำคัญกับเรื่องเซ็กซ์ไม่เท่ากันแล้ว ฝ่ายชายยังถูกกระตุ้นได้ง่ายกว่า ไวกว่า และเสร็จสิ้นภารกิจเร็วกว่า (โดยทั่วไปใช้เวลา 4-5 นาทีเท่านั้น) ในขณะที่ฝ่ายหญิงจะช้ากว่าและเนิ่นนานกว่า จึงเกิดความไม่สมดุล และถึงแม้ปกติในกิจกรรมนี้ฝ่ายชายจะเริ่มก่อน แต่บางครั้งคุณก็อาจเป็นฝ่ายเริ่มก่อนได้ ซึ่งจะทำให้เขาภูมิใจ (ในความเป็นชาย) แต่ขอร้องอย่าพูดเรื่องงานหรือรับโทรศัพท์ระหว่างมีอะไรกันนะครับ (เซ็งกันพอดี)
มีหลายอาชีพที่คุณผู้ชายอยากให้ภรรยาตัวเองหัดเป็น (ขณะอยู่บนเตียง) คือ นักมวยปล้ำ นักยิมนาสติก หรือเป็นหมอนวดคอยช่วยอาบน้ำ ปะแป้ง และนวดผ่อนคลาย (แต่ไม่แนะนำให้ตามสามีไปดูงานดังกล่าวนะครับเดี๋ยวบ้านแตก) หรือเป็นนักชิมชั้นดี เพื่อคอยใช้ลิ้นชิมอะไรๆ แบบเปิบพิสดาร เรื่องนี้ก็ลองกันดูนะครับ (แต่สำหรับคุณที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ควรเก็บไม้ตายนี้ไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวคุณสามีจะเข้าใจว่าคุณคงท่องยุทธจักรมาอย่างโชกโชน) และตรงกันข้ามอย่าได้หัดทำอาชีพที่ผมจะบอกต่อไปนี้เชียวนะครับ
1. คุณครู (ทำอย่างนั้นซิ ทำอย่างนี้ซิ) 2. นางพยาบาล (ตัวเหนียวจัง ไปอาบน้ำก่อนไป) แปรงฟันหรือยัง เฮ้อ! ผมว่าอย่างนี้นอนหันหลังให้กันดีกว่า) 3. แม่ชีหรือนักพูด (ทอล์กโชว์ไปทำกิจกรรมไป) 4. นักธุรกิจ (ต้องบุ๊กเวลาล่วงหน้าก่อนเสมอ) แต่ถ้าใครมีอาชีพดังกล่าว (จริงๆ) ก็หัดลืมไปบ้างนะครับ เผื่อจะทำให้คุณสามีตื่นเช้าสมองปลอดโปร่ง อารมณ์ดี ครอบครัวมีสุข!
เขียนเรื่องนี้เสร็จ ตัวผมเองก็ว่าจะเอาไปให้ภรรยาลองอ่าน แล้วทำดูบ้างเหมือนกันครับ ฮึฮึ