ไม่มีใครอยากเป็นมะเร็ง เพียงได้ยินว่าใครป่วยด้วยโรคนี้ ผู้ฟังจะตกใจและกลัวว่าภัยจะมาถึงตัวเอง คนสมัยนี้พยายามกินอาหารที่มีเส้นใยสูง สนใจเรื่องแอนตี้ออกซิแด๊นท์ พยายามไม่กินเนื้อวัวและไขมันได้มีการวิจัยพบสารเคมีตามธรรมชาติในพืชต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ร่างกายต้านทานโรคนี้ได้ และแน่นอนว่าเราควร กินผัก กินให้มาก ๆ
การวิจัยมากมายสนับสนุนว่าอาหารที่มีผักและผลไม้มาก ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคมะเร็ง ผลการวิจัย 23 เรื่อง พบว่าอาหารที่มีผักและเมล็ดธัญพืชมาก ๆ สามารถลดอัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง ร้อยละ 40 การวิจัยอีกงานหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่กินผักผลไม้น้อยเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้หญิงที่กินผัก ผลไม้มากถึงร้อยละ 25 รวมแล้วมีการวิจัยประมาณ 200 เรื่อง จากทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าการกินผักผลไม้มาก ๆ สามารถลดอัตราการเป็นมะเร็งหลายชนิดได้ ผลการวิจัยดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องการวิจัย ว่าพืชผักผลไม้มีสารอะไรที่มีคุณสมบัติป้อง กันมะเร็ง ในพืชยังมีสารอื่นนอกเหนือไปจาก วิตามิน เกลือแร่ เส้นใย แคลอรีและโปรตีน สารที่มีคุณสมบัติป้องกันโรคนี้มีทั้งกลุ่มสารสีต่างๆ และสารอาหารที่รู้จักกันดีแล้ว ได้แก่กรดโฟลิคและเซเลเนียม การค้นคว้าใมห่ๆ ทำให้ได้เข้าใจการทำงานของสารเคมีเหล่านี้ สารป้องกันโรคขัดขวางการเกิดเนื้อร้าย โดยเข้าขัดกระบวนการเกิดมะเร็งทั้งทำให้ช้าลง หยุด หรือ เกิดการย้อนกลับ โดยเร่งการสร้างเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่ขวางการเกิดมะเร็ง ทำลายพิษสารก่อมะเร็ง หรือ ขวางไม่ให้สารก่อมะเร็งเข้าไปถึงเซลล์หรือยับยั้งการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ ที่กระทบสารก่อมะเร็งแล้ว สารป้องกันโรคเป็นคำใหม่ในวงการโภชนาการ ซึ่งแต่เดิมจะมีแต่คำว่าสารอาหาร ซึ่งเสริมสร้างการ เจริญเติมโต และช่วยการทำงานของร่างกาย
คำว่า "ฟังก์ชันนัลฟูด" เป็นคำใหม่ที่หมายถึงอาหารที่มีส่วน ประกอบตามธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติป้องกันโรค มีงานวิจัยทางการเกษตรและทางแพทย์จำนวนมาก ศึก ส่วนประกอบตามธรรมชาติในพืชที่ป้องกันโรค สารสีประเภทต่างๆ ที่เรียกว่าไฟโตเคมิคอล เป็นสารที่พืชสร้างขึ้นมาป้องกันตนเอง เมื่อแรกเริ่มเกิด มีชีวิตขึ้นในโลก พืชเกิดขึ้นในโลกที่ไม่มีออกซิเจน เมื่ออยู่ๆไป พืชค่อยๆ สร้างมลพิษขึ้นมา เพื่อจะดำรงชี วิตต่อไป พืชได้พัฒนาสารป้องกันตนเองจากออกซิเจนขึ้น สารไฟโตเคมิคอล เป็นกลุ่มสารที่ทำให้พืชมีสีสดใสเป็นสารที่สำคัญที่ต้านทานการเติมออกซิเจน สารพวกนี้ป้องกันอืชจากอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคไวรัส อากาศร้อน หนาว หรือการกระทบกระแทก ต่อมาอีกนานมากปรากฏว่ามนุษย์ได้รับประโยชน์ เมื่อได้กินพืขที่มีสารต่อสู้โรคเหล่านี้ สารไฟโตเค มิคอลไม่ให้พลังงานและไม่มีคุณค่าทางโภชนาการใดๆ คือ ไม่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวติตามปกติ สารไฟโตเคมิคอลมีมากมายหลายร้อยชนิด และยังมีการค้นพบเพิ่มขึ้นอีกสารกลุ่มใหญ่ๆ ที่ป้องกันโรคได้ คือกลุ่มเฟลโวนอยด์ อินโดลและไอโซไธโอไชยาเนท กลุ่มไอโซเฟลโวน พบได้ในพืชผักพวก ผักกาด ผักคะน้า กะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ ดอกกะหล่ำ สารไอโซเฟลไวน มีในถั่วเหลืองและอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง
คนเอเชียกินอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองมากกว่าคนยุโรปและอเมริกัน อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเอเชียเป็น มะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงอเมริกัน 5-8 เท่า และผู้ชายเอเชียก็เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่า นอกจากกลุ่มไฟโตเคมิคอล ยังมีสารพวกวิตามินและเกลือแร่ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ถึงแม้การวิจัยเรื่อง เบต้าแคโรทีน ยังไม่อาจยืนยันว่าสารนี้ป้องกันมะเร็ง แต่การที่ตรวจพบเบต้าแคโรทีนในร่างกาย แสดงว่า กินอาหารพวกพืชผักผลไม้มาก และอาจจะมีประโยชน์ป้องกันมะเร็งเมื่ออยู่ในอาหารพร้อมกับสารอื่นๆ แต่ ไม่สามารถป้องกันมะเร็งเมื่อกินเป็นอาหารเสริมโดดๆ นักโภชนากากรเคยแนะนำให้ได้รับกรดโฟลิคเพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง ระยะนี้ได้พบกว่าคนที่มีระดับ กรดโฟลิคสูง จะไม่ค่อยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แคลเซียม เซเลเนียม วิตามินเอ และวิตามินดีมีส่วนป้องกัน มะเร็ง และไขมันจากนมในจำนวนน้อย มีประโยชน์ป้องกันโรคมะเร็งได้ หมายความว่าไม่ควรงดไขมัน จากนมเสียทีเดียว การได้รับเพียงเล็กน้อยจะดีกว่า กินอาหารอย่างไรจึงจะดี ถึงแม้จะได้พบประโยชน์ของสารในพืชว่าป้องกันมะเร็งได้ แต่ไม่ได้หมาย ความว่ากินแต่พืชจะทำให้อายุยืน หลักโภชนาการยังคงใช้ได้ ทุกคนยังต้องได้รับอาหารทั้ง 5 หมู่ และ ควรกินอาหารตามธรรมชาติ สารสังเคราะห์ที่บรรจุเป็นยาจะไม่มีประโยชน์เท่าอาหารตามธรรมชาติ ยัง มีสารอื่นๆ ในพืชอีกที่ยัไม่ได้ศึกษา
นอกจากนี้สารไฟโตเคมิคอลในจำนวนมากยังอาจมีอันตรายต่อร่างกาย จะกินอาหารที่ป้องกันโรค ควรได้รับผักและผลไม้วันละ 5 ถึง 8 ส่วน ให้เลือกจากพืชหลายๆอย่าง หลากหลายกัน เพื่อให้ได้รับสารที่มีประโยชน์ครบทุกชนิด ควรได้รับจากพืขต่างๆ คือผักพวกกะหล่ำ ผล ไม้พวกส้ม ผักใบสีเขียวเข้ม ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง ส้มหรือแดง หลักง่ายๆ คือพยายามกินผักผลไม้ให้ได้ สามสีทุกวัน สารในพืชแต่ละกลุ่มดังกล่าว แตกต่างกันและให้ประโยชน์แตกต่างกัน นอกจากนั้นยังควรกิน อาหารอื่นจากพืข ได้แก่ ข้าว ถั่วต่างๆ และเมล็ดพืช ในสมัยโบราณมนุษย์เราเก็บ ผัก ผลไม้กิน เมื่อความ เจริญทางวัตถุ ทำให้เรามีเวลาทำและกินอาหารน้อยลง มนุษย์กินผัก ผลไม้น้อยลง จนเกิดโรคมะเร็งและ โรคอื่นๆ มากขึ้น ถ้าไม่หันกลับมากินผักผลไม้อย่างดิม อาจจะเกิดโรคต่างๆ ตามมา กลุ่มที่น่าจะได้รับผัก ผลไม้มากคือเด็กๆ สื่อต่างๆ ล้วนชักจูงให้กินอาหารสำเร็จรูป กินแป้ง น้ำตาล ไขมัน น้ำมันมาก ผู้ใหญ่จะต้องทำตัวอย่างที่ดี สร้างนิสัยกินผัก ผลไม้ตั้งแต่เล็ก