มาเดินกันเถอะ...



          การเดินนั้นสำคัญที่การหาโอกาสที่จะเดินให้ได้มากที่สุด ทางที่ดีมีรองเท้าออกกำลัง เสื้อผ้าที่ใส่สบายๆ เตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา ถ้าเบื่อจะเดินที่บริเวณบ้านล่ะก็ วันหยุดลองไปเดินที่สวนสาธารณะสิ รับรองได้ว่าอยากจะเดินออกกำลังกายทุกวันเลยล่ะ เพราะนอกจากจะเหนื่อยช้าแล้ว ยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย

          ก้าวเดินออกจากประตูบ้านไปสัก 10 นาที แล้วเดินกลับมา ไม่ยากเลยใช่มั้ย เดินอย่างนี้สัก 1 อาทิตย์ พอเริ่มอาทิตย์ที่ 2 ก็เพิ่มอีก 5 นาที ตอนนี้เราก็เดินได้วันละ 30 นาทีแล้ว เมื่อเริ่มเดินได้ดีขึ้น และอยากเดินมากขึ้นก็เพิ่มครั้งละ 5 นาที หรือเปลี่ยนไปเดินขึ้นเนินมากขึ้น

          เวลาเดินให้เดินยืดตัว หลังตรง ตามองไปข้างหน้า อย่าเกร็งไหล่และหลัง เดินอย่างผ่อนคลาย แต่แขม่วหน้าทองเล็กน้อย มือกำหลวมให้คิดว่าว่ามีผีเสื้ออยู่ในกำมือ กำแน่นก็ตาย กำหลวมก็บินไป แขนแกว่งข้างลำตัว

          ถ้าเดินเพื่อสุขภาพ พยายามเดินให้ได้วันละ 30 นาที ทุกวัน เดินให้เหนื่อยในระดับที่ยังคุยไปได้เดินไปได้ ถ้าอยากบริหารกล้ามเนื้อหัวใจ ให้เดินอาทิตย์ละ 3-4 วัน ครั้งละ 20-30 นาที เดินให้หัวใจเต้นแรง จนรู้สึกได้ แต่อย่าให้ถึงกับหอบ และถ้าอยากลดน้ำหนัก ควรเดินอย่างน้อยอาทิตย์ละ 5 วัน ครั้งละ 45-60 นาที เดินแค่เหนื่อยแบบยังพอคุยกันได้

เดินที่ไหนดี
แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ปวดหัว นอกจากลู่เดินในฟิตเนสแล้ว มีหลายที่ให้คุณได้เดิน..เดิน

๐ ถนนรอบหมู่บ้าน เดินให้ครบทุกซอย เดินเสร็จได้เหงื่อได้เพื่อนเพิ่มอีกด้วย

๐ วันไหนฝนตกเดินชอปปิ้งในห้าง ได้ทั้งอาหารตา แล้วก็บริหารร่างกายไปในตัว

๐ เดินเล่นในสวนสาธารณะ อากาศดีๆ เป็นของขวัญให้ปอด

๐ เดินขึ้นบันใดในออฟฟิศ หรือในคอนโด เดินไปหาเพื่อนต่างแผนกแทนการใช้โทรศัพท์ เดินไปกินข้าวกลางวันไกลอีกหน่อย

เลือกรองเท้าออกเดิน
หาชุดให้ถูกใจ ยังไม่ยากเหมือนหารองเท้าให้เหมาะกับตัวเอง ไม่จำเป็นว่าต้องถูกหรือแพง แต่ที่สำคัญต้องใส่แล้วสบาย เดินได้ไม่เจ็บขา เรามีคำแนะนำในการเลือกซื้อรองเท้าค่ะ
1. หารองเท้าที่มีส้นไม่สูงมากนัก จะช่วยไม่ให้เกิดอาการเท้าพลิกได้
2. มีแผ่นรองเท้าที่ยืดหยุ่น สามารถรับน้ำหนักได้ทั้งฝ่าเท้า เพราะเวลาที่เดิน เราจะทิ้งน้ำหนักจากส้นเท้าก่อน แล้วค่อยถ่ายน้ำหนักมาที่นิ้วเท้า
3. ต้องเป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา และสามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
4. อย่าให้คับจนเกินไป มีเนื้อที่เหลือตรงนิ้วโป้งกับหัวรองเท้าประมาณ 1/2 นิ้ว และหน้ากว้างพอสมควร ให้พอขยับนิ้วเท้าได้
5. ไปซื้อรองเท้าตอนเย็นๆ หรือตอนที่เดินนานๆแล้ว จะทำให้เราได้ขยายเต็มที่ ตอนที่ลองให้ใส่กับถุงเท้าที่เราจะใส่เป็นประจำ เพื่อสร้างความเคยชินและวัดความพอดีกับเท้า และที่สำคัญให้ลองใส่รองเท้าทั้ง 2 ข้าง เพราะเท้าของเรานั้นมันไม่เท่ากันน่ะสิ




แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement