ในชีวิตประจำวัน ทั้งในคนทำงาน และวัยเรียน ต่างต้องใช้ "สมอง" ในการครุ่นคิดเพื่อให้ได้ผลงาน บางครั้งไม่ได้เป็นเพียงเรื่องงานที่ต้องใช้สมองเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่นๆ ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องชีวิต ที่ต้องใช้สมองคิดเช่นกัน ส่งผลให้ร่างกายเหนื่อยล้าบ้าง เพราะสมองกับร่างกายนั้นเชื่อมโยงกันหากสมองใช้งานมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายอ่อนล้า หรืออาจทำให้สมองเสื่อมไปบ้างเพราะฉะนั้นสมองจึงต้องการพักผ่อน และต้องมีความแข็งแรงเช่นกัน
ดังนั้น จึงเป็นที่มาของ "การออกกำลังสมอง" เพราะเซลล์ สมองที่แข็งแรงยังส่งผลให้มีความจำ สมาธิ การรับรู้ ที่ดีด้วย รวมทั้งการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ และการวางแผนได้ดีขึ้น ที่สำคัญช่วยทำให้สมองฟิตโดยผู้ที่เป็นประธานนักบำบัดอธิบายถึงหลักการออก กำลังสมอง หรือนิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ ว่า เกิดจากการกระตุ้นให้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ การได้ยิน ได้มองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรส และการสัมผัส รวมไปถึงส่วนสำคัญส่วนที่ 6 คือ ส่วนอารมณ์ (Emotional Sense) ได้ทำงานเชื่อมโยงกันโดยใช้กิจกรรมในชีวิตประจำวันเดิมของเราเป็นตัวช่วย แต่เปลี่ยนวิธีการไปจากเดิม
วิธีการที่ว่านี้จะเป็น อย่างไร นายสมศักดิ์ คณาประเสริฐกุล นายกสมาคมนักกิจกรรมบำบัด/อาชีวบำบัดแห่งประเทศไทย ได้แนะนำวิธีการออกกำลังสมองว่า
1. ลองเดินถอยหลังแทนการเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
2. พยายามนับเลขถอยหลัง เช่น 100, 99,98 ... แทนการนับแบบปกติ 1, 2, 3 ....
3. ถ้าเคยชินกับการเขียนด้วยมือขวา ลองใช้มือซ้ายหัดเขียน ถ้าถนัดซ้าย ให้หัดเขียนมือขวา แล้วจะพบว่าในที่สุดสามารถใช้ทั้งมือขวาหรือมือซ้ายเขียนได้ หรือสลับข้างในการหยิบของ
4. หากเป็นพนักงานบัญชีและทำงานกับตัวเลข ลองหัดทำงานในเชิงศิลปะ เช่น ทำสร้อยข้อมือหรือสร้อยคอจากหินสีต่างๆ เพนท์สีลายกระจก ขวด หรือทำเค้กรูปแบบต่างๆ
5. ถ้าทำงานสำนักงานและต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ในห้องเย็นๆ ทั้งวัน หลังเลิกงานควรหากิจกรรมที่กระตุ้นร่างกายให้เคลื่อนไหว เช่น ลีลาศหรือเต้นรำในจังหวะต่างๆ ว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือโยคะ เป็นต้น
6. ถ้าทำงานด้านศิลปะอยู่แล้ว ให้หัดเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เรียนการใช้ลูกคิดแบบญี่ปุ่น หรือหัดขับรถโกคาร์ท
7. หากเป็นนักกีฬาอาชีพ ต้องพยายามใช้สมองเพื่อการคิดด้วยการลองเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) หรือเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม
ไม่เพียงแต่สุขภาพกายที่ต้องดูแลสุขภาพสมองก็สำคัญไม่แพ้กัน