ใครถนัดซ้ายยกมือขึ้น !!


 


เนื่องจากมนุษย์มี 2 มือ ดังนั้นจึงแบ่งความถนัดของมือมนุษย์ออกเป็น2 แบบ คือ “ถนัดมือขวา” และ “ถนัดมือซ้าย” ซึ่งจากสถิติโดยทั่วไปของประชากรโลกแล้ว จะมีคนที่ถนัดมือขวาอยู่ประมาณ 85% และคนถนัดมือซ้ายอยู่ประมาณ 15% แต่การที่คนเราจะถนัดมือข้างไหนนั้น นักวิชาการเชื่อว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เรายังไม่เกิดด้วยซ้ำไป โดยสังเกตเห็นได้จากการที่ทารกในครรภ์มารดาวางมือใดไว้ใกล้ปากมากที่สุด มือนั้นก็จะเป็นด้านที่ถนัดที่สุดในเวลาต่อมา แต่หากจะให้แน่ใจจริงๆหรือจะรู้ว่าคนนั้นถนัดมือซ้ายหรือมือขวากันแน่นั้น ต้องดูตอนที่มีอายุประมาณ 2-3 ขวบขึ้นไป โดยสังเกตจากการที่เด็กชอบใช้มือข้างไหนในการหยิบจับสิ่งของ ใช้มือข้างไหนในการใช้ช้อนตักอาหารเข้าปาก ใช้มือข้างไหนในการจับดินสอปากกาในการเขียนหนังสือหรือวาดรูประบายสี มือข้างนั้นก็จะเป็นมือข้างที่เด็กถนัดมากกว่าอีกข้างนั่นเอง
      
       แล้วการที่คนเราจะถนัดมือขวาหรือถนัดมือซ้ายมันมีความสำคัญอย่างไรที่จำเป็นต้องกล่าวถึง จริง ๆแล้วไม่ได้มีความสำคัญโดยนัยที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของมนุษย์ที่มีความถนัดในมือที่ต่างกันแต่อย่างใด แต่บางครอบครัวมักคิดเอาเองว่าการที่ลูกซึ่งมีความถนัดมือซ้ายนั้น อาจมีความบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ร่างกาย ยิ่งคนสมัยโบราณด้วยแล้ว ถ้าเห็นลูกถนัดซ้ายก็จะบังคับให้ลูกฝึกไปใช้มือขวาให้คล่องแทน ทั้งตีบ้าง ดุบ้าง บังคับสารพัด ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย
      
       เพราะหากจะพูดไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดโดยพันธุกรรมและเป็นไปตามกระบวนการทำงานของสมองของมนุษย์ โดยคนที่มีความถนัดซ้ายจะถูกควบคุมโดยสมองซีกขวา ส่วนคนที่ถนัดขวาก็จะถูกควบคุมโดยสมองซีกซ้าย และตามหลักการทำงานของสมองก็สอดคล้องกับการกำหนดคุณลักษณะของมนุษย์ โดยสมองซีกขวาจะใช้ในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ คนถนัดซ้ายส่วนมากจึงมักเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านศิลปะหรือมีความเป็นศิลปินสูง เพราะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีนั่นเอง ตัวอย่างเช่น โมสาร์ท, บีโทเฟ่น, บาค ส่วนสมองซีกซ้ายจะใช้ในเรื่องของตรรกะหรือเหตุผล คนถนัดขวาส่วนมากจึงมักเป็นคนที่ชอบคิดหาเหตุผล การวิเคราะห์ การคิดเลข เช่น พวกนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ อย่างเช่น ไอสไตน์, นิวตัน, บิล เกตต์
      
       เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรกังวลอีกต่อไปว่าลูกเราถนัดซ้ายจะมีความผิดปกติหรือไม่เพราะเห็นว่าไม่เป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ที่มีความถนัดขวา เพราะไม่ว่าจะถนัดซ้ายหรือถนัดขวาต่างมีข้อดีด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งข้อดีของคนถนัดซ้ายมีดังนี้ คือ

1) คิดได้เร็ว
2) ทำงานที่ซับซ้อนได้ดี
3) ทำกิจกรรมพร้อมกันหลาย ๆ อย่างได้ดี
4) มีความสามารถด้านภาษาและกีฬามากกว่าคนถนัดขวา
      
       จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกิ้นส์ (2006) พบว่านักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นคนถนัดซ้ายมีรายได้จากการทำงานโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนถนัดขวาร้อยละ 25 

       ดร.ดิ๊ก เชอร์บิน จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ได้ทำการวิจัยโดยให้อาสาสมัครถนัดขวา 80 คน และอาสาสมัครถนัดซ้าย 20 คนทดสอบด้วยการจับคู่ตัวอักษร ซึ่งพบว่าคนถนัดซ้ายทำคะแนนได้ดีกว่า เมื่อตัวอักษรปรากฏขึ้นพร้อมกันทั้งสองด้านของจุดบนหน้าจอ ขณะที่อาสาสมัครถนัดขวาได้คะแนนดีกว่าเมื่อตัวอักษรปรากฏขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของจุด นั่นหมายความว่าคนถนัดซ้ายจะใช้สมองทั้งสองซีกได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับสมาคมจิตแพทย์อังกฤษที่อ้างอิงว่าคนถนัดซ้ายมีแนวโน้มที่จะใช้สมองทั้งสองซีกพร้อมกันได้ดีกว่าคนถนัดขวา จึงทำให้มีความสามารถในการใช้ภาษา เล่นกีฬา และทำอะไรที่ซับซ้อนได้ดีนั่นเอง
      
       ตัวอย่างของคนถนัดซ้าย เช่น
      
       - ผู้กล้าในประวัติศาสตร์ ทั้งจูเลียส ซีซาร์, อเล็กซานเดอร์มหาราช, นโปเลียน
       - ประธานาธิบดีของประเทศอเมริกาหลายคนเป็นคนถนัดซ้าย ทั้งบารัค โอบาม่า, บิล คลินตัน, บุช, เรแกน, ฟอร์ด
       - ศิลปินชื่อก้องโลก ทั้งลีโอนาร์โด ดาวินชี, ไมเคิล แองเจโล, ปิกัสโซ
       - ดาราที่มีชื่อเสียง ทั้งชาร์ลี แชปลิน, มาริลีน มอนโร, ทอม ครูซ, นิโคล คิดแมน, แบรด พิทท์, แองเจลินา โจลี่, เลดี้ กาก้า
      
       แม้ว่าการถนัดซ้ายจะไม่ใช่สิ่งผิดปกติและมีข้อดีหลายอย่าง แต่ปัญหาของคนถนัดซ้ายก็มีบ้าง อย่างเช่นคนถนัดซ้ายอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าคนถนัดขวา เนื่องจากสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ นั้นล้วนถูกสร้างขึ้นจากคนถนัดขวาและถูกออกแบบไว้เพื่อคนถนัดขวา ไม่ว่าจะเป็นที่เปิดขวด กรรไกร พิมพ์ดีด กล้องถ่ายรูป เลื่อนประตู หน้าต่าง ฯลฯ ดังนั้น หลายครั้งเมื่อคนถนัดซ้ายหยิบจับสิ่งของเหล่านี้จะเกิดอาการไม่ถนัดติดขัด จึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าคนถนัดขวา แม้ปัจจุบันจะมีการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับคนถนัดซ้ายมากขึ้นแต่ก็ซื้อได้ในบางที่บางแห่งเท่านั้น
      
       และผู้คนที่ใกล้ชิดกับคนถนัดซ้าย โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ถนัดซ้าย ผู้ใกล้ชิดควรใช้ความระมัดระวังกับตัวเด็กนั้นให้มากๆ อย่างเช่นตัวผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่ถนัดมือซ้าย เขียนหนังสือมือซ้าย ทานอาหารด้วยมือซ้าย เล่นปิงปอง ตีแบดมินตันด้วยมือซ้าย ดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บังคับให้เลิกใช้มือซ้ายและไม่ได้บังคับให้ใช้มือขวาแทน แต่ตอนเด็ก ๆ ผู้เขียนจำได้ดีว่าเมื่อถึงตอนที่ต้องฉีดวัคซีนที่โรงเรียน เด็ก ๆ ส่วนใหญ่จะถูกฉีดวัคซีนที่ไหล่ข้างซ้ายเพราะไม่ใช่ข้างเดียวกับข้างที่ถนัดและเป็นข้างที่ต้องใช้เขียนหนังสือ คุณครูซึ่งตอนนั้นต้องคอยดูแลเด็ก ๆ หลายคนลืมไปว่าผู้เขียนเป็นเด็กถนัดมือซ้ายคนเดียวในชั้นเรียนจึงไม่ได้บอกให้คุณหมอฉีดยาที่ไหล่ข้างขวา คุณหมอจึงฉีดยาให้ที่ไหล่ข้างซ้าย ปรากฏว่าผู้เขียนไม่สามารถใช้มือได้เลยเพราะปวดมากและเป็นไข้อยู่หลายวัน
      
       “การถนัดมือซ้าย” ไม่ใช่ความผิดปกติ แต่เป็นความถนัดตามธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อธรรมชาติสร้างให้เราเป็นแบบนี้เราก็ควรจะภาคภูมิใจกับสิ่งที่เรามีเราเป็น เพราะไม่ว่าจะเป็นมือข้างไหนเราก็สามารถใช้มันสร้างสรรค์งานและสิ่งที่ดีมีประโยชน์ได้ไม่ต่างกัน

 

ขอบคุณ ที่มา : manageronline โดย ดร.แพง ชินพงศ์






Pooyingnaka Wellness