สื่อต่างชาติรายงานถึงสตรีแกร่งรายหนึ่งซึ่งเป็นอัมพาตตั้งแต่หน้าอกลงมา ซึ่งกลายเป็นบุคคลแรกที่แข่งมาราธอนจนจบด้วยชุดขากล เมื่อเธอมุมานะใช้เวลาเดิน 16 วันจนมาถึงเส้นชัย ท่ามกลางเพื่อนนักกรีฑากลับมารอต้อนรับเธออีกครั้ง แม้พวกเขาเหล่านั้นจะแข่งจบไปตั้งแต่กว่า 2 สัปดาห์ก่อน
แคลร์ โลมัส เพิ่งจบการแข่งขันลอนดอน มาราธอน เมื่อช่วงบ่ายเมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร(8 พค. 2555) หลังจากเหล่านักกรีฑาคนอื่นๆ 36,000 คน ที่ร่วมลงชิงชัยในศึกวิ่งทางไกลระยะทาง 26.2 ไมล์(ราว 42 กิโลเมตร) พากันเข้าเส้นชัยไปตั้งแต่วันที่มีการแข่งขันเมื่อกว่า 2 สัปดาห์
รวมแล้วหญิงแกร่งวัย 32 ปี ใช้เวลาทั้งสิ้น 16 วันสำหรับการถึงเส้นชัย โดยนอกจากจิตใจที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวของเธอแล้ว คงต้องขอบคุณชุดไบโอนิกสำหรับผู้อัมพาต มูลค่า 43,000 ปอนด์(ราว 2 ล้านบาท) อย่างยิ่งด้วย
ณ เส้นชัย เหล่านักวิ่งคนอื่นๆและผู้ชมหลายร้อยคนที่พร้อมใจเดินทางกลับมายังสถานที่จัดการแข่งขันอีกครั้ง โดยพวกเขาพากันตั้งแถวปรบมือให้การต้อนรับและแสดงความยินดีกับ โลมัส อย่างอบอุ่น ขณะที่ทหารม้ารักษาพระองค์ตั้งแถวรอต้อนรับเพื่อเป็นเกียรติแก่สตรีรายนี้ระหว่างที่เธอกำลังเดินถึงเส้นชัยเวลาประมาณ 12.50 น.
โลมัส ซึ่งอัมพาตหลังจากเกิดอุบัติเหตุระหว่างขี่ม้าเมื่อปี 2007 ถึงกับหลั่งน้ำตา หลังจากเธอกลายเป็นบุคคลแรกของโลกที่แข่งมาราธอนจนจบด้วยชุดขากลรีวอล์ค "ฉันดีใจแบบสุดๆไปเลย ตอนที่ฉันฝึกซ้อม บ่อยครั้งมากที่ฉันถามตัวเองว่าจะทำมันสำเร็จหรือไม่ ทว่าตอนที่ออกสตาร์ท ฉันก็แค่พยายามในทุกๆวันและทุกๆย่างก้าวช่วยให้ฉันขยับเข้าใกล้เส้นชัยยิ่งขึ้น"
ในความพยายามแข่งขันให้จบ โลมัส เดินเป็นระยะทาง 2 ไมลต่อวัน ด้วยแรงเชียร์ของนายแดน ผู้เป็นสามีและไมซี ลูกสาววัย 13 เดือน รวมถึงพ่อแม่ของเธอ
แม้ว่า โลมัส จะไม่มีชื่ออยู่ในผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการและไม่ได้รับเหรียญรางวัลใดๆ เนื่องจากไปไม่ถึงเส้นชัยในวันที่จัดการแข่งขัน แต่เหล่านักวิ่งหลายสิบคนที่ร่วมชิงชัยพากันมอบเหรียญรางวัลให้แก่เธอเพื่อเป็นการรับรองความสำเร็จของหญิงแกร่งรายนี้
นอกจากความเข้มแข็งแล้ว โลมัส ที่เวลานี้ผันตัวมาเป็นนักออกแบบจิวเวลรียังมีจิตใจที่โอบอ้อมอารีด้วย โดยเธอสามารถรวบรวมเงินบริจาคได้ถึง 86,000 ปอนด์ สำหรับมอบแก่การกุศลเพื่อเป็นทุนวิจัยพัฒนาการรักษาผู้ป่วยอัมพาตที่มีสาเหตุจากหลังหรือคอหัก "ฉันได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมนับตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ ฉันรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณทุกคนเป็นอย่างมาก"
ขอบคุณ ที่มา : manageronline