มาทำความรู้จัก กับ 4 โรคติดต่อที่มาทางเพศสัมพันธ์ เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของเราเองที่ควรรู้ไว้ เพื่อการป้องกันที่ดี และรักษาให้ถูกวิธีค่ะ...
1. โรคเริมที่อวัยวะเพศ เริมสามารถเกิดจากไวรัสสองสายพันธ์คือชนิด 1 และชนิดที่ 2 ไวรัสเริมชนิดที่ 2 เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยในบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก ขณะที่ไวรัสชนิดที่ 1 มักพบบริเวณปากและริมฝีปาก ดังนั้นไวรัสเริมชนิดที่สองเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาการของเริม : มักเกิดประมาณ 2-7 วันหลังการได้รับเชื้อไวรัส และสุดท้ายเมื่อ 2-4 สัปดาห์ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมักมีหลายอาการประกอบด้วย มีอาการคันหรือเจ็บแสบบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก มีน้ำเล็กน้อยออกจากบริเวณแผลที่เจ็บ ปวดเมื่อปัสสาวะบริเวณแผลเปิดโดยเฉพาะในผู้หญิง ปวดศีรษะ ปวดหลัง มีอาการเป็นไข้ หลังจากแผลครั้งแรกหายไปแล้ว ไวรัสเริมจะซ่อนอยู่ในเส้นประสาทใกล้เคียงกับบริเวณที่ติดเชื้อโดยไม่มีอาการ อาการจะกลับมาภายหลังระหว่างที่มีความเครียดหรือเจ็บป่วย แต่มีความรุนแรงลดลงและหายเร็ว
การติดเชื้อทางช่องคลอดจากเชื้อโปรโตซัวทริโคโมแนต จะถ่ายทอดจากมีเพศสัมพันธ์ โดยจะมีการติดเชื้อในช่องคลอดและท่อปัสสาวะทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โรคนี้มักจะไม่มีอาการ ถ้ามีอาการจะมีในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการที่พบได้แก่การมีน้ำหรือสารคัดหลั่งออกมาทั้งผู้ชายและผู้หญิงซึ่งอาจมีกลิ่นหรือสี มีอาการปวดหรือไม่สบายระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ปวดเวลาปัสสาวะหรือมีการอักเสบบริเวณท่อปัสสาวะ
2. ไวรัสตับอักเสบ ไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิดเช่นชนิดเอ บี และซีเป็นที่พบบ่อย ตับอักเสบอาจเกิดจากการรับประทานแอลกอฮอล์มากกว่าปกติเป็นเวลานาน หรือจากการใช้ยาบางชนิด
ภาพขยายตัวโลน ด้วยกล้องจุลทรรศน์
3. โลน เป็นการติดเชื้อของปรสิตที่ขุดผ่านผิวหนังเพื่อดูดเลือด และจะอยู่บริเวณที่มีขนของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณขนบริเวณหัวเหน่าหรือบริเวรอวัยวะเพศ แต่อาจพบบริเวณอื่นๆได้เช่นกันเช่นขนรักแร้ หนวดเครา ขนคิ้ว หรือแม้แต่ที่ขนตา ขนบริเวณหน้า ขนตก โลนสามารถติดต่อง่ายระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งเสื้อผ้าหรือที่นอนใช้ร่วมกัน อย่างไรก็ตามโลนไม่สามารถผ่านบริเวณนั่งโถส้วมหรือสระว่ายน้ำ มีอาการคันจากกิจกรรมการกินอาหารของโลน เนื่องจากการที่โลนตัวเล็กมาก เวลาที่มันอาศัยอยู่ มักจะมองไม่เห็น
การแพร่ขยายพันธุ์ : โลนจะวางไข่ โดยให้ไข่เชื่อมติดกับเส้นขน โลนเพศเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ประมาณ 30 ฟอง ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และหลังจากวางไข่แล้วก็จะเจริญเป็นตัวเต็มวัยได้ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 1 เดือน อาจกล่าวได้ว่าจะสังเกตว่ามีอาการประมาณ 5-7 วันหลังติดเชื้อ นอกจากมีอาการคันแล้ว อาจมีอาการอักเสบบริเวณที่ติดเชื้อ อาจตรวจพบโลนและไข่ มีบริเวณเลือดออกจากการกินเลือดของโลน ถึงแม้จะไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพมากนักในการป้องกันระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยสามารถลดการติดโลนด้วยการทำความสะอาดที่นอน เสื้อผ้า และผ้าเช็คตัวด้วยการต้มน้ำฆ่าเชื้อปรสิต การรักษาโลนค่อนข้างง่ายคือการใช้น้ำยาพิเศษเช่นแชมพู โลชั่นและครีมในการฆ่าตัวโลนและไข่ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกนขนเพราะวิธีดังกล่าวไม่สามารถกำจัดโลนได้ทั้งหมด
4. หิด มักมีอาการคันอย่างมากจากการติดเชื้อทางผิวหนังของปรสิต อาการจะเกิด 2-6 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อ หิดอาจกระจายอย่างรวดเร็วจากการสัมผัสระหว่างกัน เช่นบริเวณที่พักดูแลและฟื้นฟูผู้สูงอายุ ถ้าทราบว่ามีการติดเชื้อควรป้องกันการแพร่กระจายด้วยการทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยความร้อนเพื่อฆ่าปรสิต
ขอบคุณ ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์