ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยากมากในการทายอายุของผู้หญิงแต่ละคน เพราะความอ่อนเยาว์ได้กลับคืนสู่ผู้หญิงได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม ด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมและการคิดค้นทางด้านวิทยาการที่ล้ำสมัยในการย้อนวัยให้กับผิวได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ ในรูปแบบของครีมบำรุงผิวเพื่อต่อต้านสัญญาณแห่งวัย ที่มีทั้งครีมสำหรับกลางวันและกลางคืน และอีกหนึ่ง วิทยาการในการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงผิว นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยในรูปแบบเซรั่ม
รอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังแต่ละคน จะมีลักษณะตื้นลึกและความมากน้อยแตกต่างกัน รอยย่นจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่ออายุประมาณ 25 ปี โดยจะปรากฏชัดที่ใบหน้าก่อน ซึ่งบริเวณที่เห็นเด่นชัดคือบริเวณรอบดวงตา หางตา ปาก และหน้าผาก และจะเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นรอยย่นจะมีมากขึ้นและลึกขึ้น พร้อมกับผิวหน้าที่แลดูหยาบกร้าน หย่อนยาน เนื่องมาจากส่วนประกอบในชั้นต่าง ๆ ของผิวหนังเริ่มเปลี่ยนไป
กระบวนการแห่งริ้วรอยเกิดขึ้นได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ อาทิ อาหาร น้ำ อากาศ มลภาวะ ความชื้น แสงแดด สารเคมี และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน ดังนั้นเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น การใช้ครีมบำรุงผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็น และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของแต่ละคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่วัย 30 ปีขึ้นไป ครีมบำรุงผิวมีหลากหลายชนิด พร้อมคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปแต่ในปัจจุบันผู้บริโภคจะนิยมเลือกซื้อครีมบำรุงผิวที่มีหลายคุณสมบัติในหนึ่งเดียว และหนึ่งในนั้นจะต้องมีคุณสมบัติในการทำให้ริ้วรอยแลดูลดเลือนได้ด้วย ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกใช้ครีมบำรุงผิวอย่างครบขั้นตอนและครบครัน ตั้งแต่ เคล็นเซอร์ โทนเนอร์ ครีมบำรุงใต้ตา เดย์ครีม ไนท์ครีม รวมถึงเซรั่มที่ใช้บำรุงผิวในอีกขั้นตอนหนึ่ง
แท้จริงแล้วเซรั่มสามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ควบคู่ไปกับเดย์ครีมหรือไนท์ครีมก็ได้ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุงผิว และทำให้เนื้อครีมซึมซาบสู่เซลล์ผิวอย่างสมบูรณ์แบบเซรั่มถือเป็นอาหารผิวที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แลดูอ่อนวัย มีประสิทธิภาพการละลายในไขมันทำให้สามารถซึมผ่านผิวได้ดียิ่งขึ้น และช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้ดีอีกด้วย ซึ่งจะส่งประสิทธิผลใต้ผิวหนังชั้น Dermis ช่วยกระตุ้นและผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ชะลอการเกิดริ้วรอย ผิวหน้าแลดูตึงกระชับ เส้นริ้วรอยบาง ๆแลดูจางลง และริ้วรอยย้ำลึกแลดูตื้นขึ้น นอกจากนี้เซรั่มยังเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้เครื่องสำอางหรือผิวแพ้ง่ายอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีหลายคนสงสัยว่าครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกายสามารถใช้แทนกันได้หรือไม่ ข้อแนะนำคือไม่ควรใช้แทนกันค่ะ เนื่องจากผิวกายของคนเราจะมีผิวหนากว่าผิวหน้า ทำให้มีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและไม่แพ้ง่ายต่อสารเคมี ดังนั้นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผิวกายโดยทั่วไปจะมีราคาถูกกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผิวหน้า และในทางตรงกันข้าม สารเคมีทุกชนิดที่จะถูกคัดเลือกมาเป็นองค์ประกอบของครีมบำรุงผิวหน้าจะต้องผ่านกระบวนการทดสอบว่าไม่แพ้ง่ายสำหรับคนส่วนใหญ่ และองค์ประกอบหลายชนิดที่ใช้สำหรับครีมบำรุงผิวกายไม่สามารถใช้ในครีมบำรุงผิวหน้าได้เลยจึงเป็นเหตุให้ครีมบำรุงผิวหน้ามีราคาแพง
ครีมบำรุงผิวหน้านอกจากจะมีเซรั่มเป็นตัวเสริมแล้ว ตัวหลัก ก็คือเดย์ครีมและไนท์ครีม เดย์ครีมเป็นครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับทาตอนกลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสารป้องกันแสงแดด เพื่อปกป้องผิวหน้าจากรังสียูวีในระหว่างวัน ส่วนไนท์ครีมใช้สำหรับบำรุงผิวยามค่ำคืน ผู้บริโภคควรจะใช้ครีมบำรุงผิวให้เหมาะกับคุณสมบัติ อาทิ หากใช้ไนท์ครีมทาตอนกลางวัน เมื่อผิวหน้าได้รับแสงแดด อาจจะมีอาการแพ้ได้ง่าย เช่น มีอาการ คัน แดง แสบ ผิวหน้าลอกเนื่องจากไนท์ครีมบางชนิดมีการใส่กรดวิตามินเอ หรือเรตินอล ซึ่งสารดังกล่าวนี้จะไวต่อแสงมาก
อย่างไรก็ตามข้อแนะนำที่สำคัญคือ ผู้บริโภคควรจะอ่านรายละเอียดของฉลาก เพื่อจะได้เลือกซื้อและเลือกใช้ให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการได้
ขอบคุณ ที่มา : นิตยสารขวัญเรือน
