วันนี้เรามีเคล็ดลับการเลือกเมคอัพให้เหมาะกับคุณเอง และวิธีเก็บรักษาให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า รวมทั้งเคล็ดลับอื่นๆที่จำเป็น สำหรับการจัดการกระเป๋าเครื่องสำอางมาฝากกันค่ะ
การเลือกซื้อเมคอัพ
1. ต้องลองด้วยตัวเอง ถ้าเราจะเลือกเมคอัพ เราควรจะทดลองกับตัวเองจะดีที่สุด เพราะสามารถเลือกเฉดที่เข้ากับสีผิวหรือใกล้เคียง มากกว่าการที่เราสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต เพราะรูปภาพที่แต่งเติมมาเพื่อการโฆษณา ก็อาจจะไม่ได้เข้ากับสีผิวของเราจริงๆหรอกนะคะ แต่ถ้าการไปเคาน์เตอร์ ทำให้คุณดูดีเฉพาะเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญแต่งให้ ก็ถึงคราวจำเป็นที่จะต้องหาเครื่องสำอาง ที่คุณสามารถแต่งได้ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ
2. เช็คเมคอัพกับแสงแบบต่างๆ เฉดของเมคอัพจะแตกต่างกันออกไปในระดับแสงที่ต่างกัน โดยเฉพาะรองพื้น และเมคอัพที่ใช้เพื่อปรับสีผิว และอาจจะดูแตกต่างกันได้อีกเมื่อเมคอัพเช็ตตัว ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามนาทีเพื่อที่จะเห็นความแตกต่าง ฉะนั้น หลังจากลองเมคอัพที่คุณชอบแล้ว ลองเดินเล่นสักพัก และดูเมคอัพของคุณในแสงธรรมชาติที่ต่างไปจากแสงที่เคาน์เตอร์ แถมเรายังจะได้รู้อีกต่างหากว่าเมคอัพติดทนหรือไม่
3. อย่าทาสีทับกัน อย่างเช่น เวลาที่เราลองสีลิปสติก เรามักจะทาสีหนึ่งแล้วเช็ดแล้วทาอีกสีหนึ่ง ซึ่งสีที่เห็นจากการทาครั้งใหม่อาจจะไม่ใช่สีจริง เพราะได้ถูกผสมไปกับลิปสติกสีแรกที่เช็ดไม่หมด สิ่งที่ควรทำก็คือ เช็ดสีก่อนหน้านั้นออกหมด เพื่อที่คุณจะได้เห็นว่าสีจริงๆ เป็นอย่างไร และการลองเมคอัพกับแขนหรือมือ ก็อาจจะทำให้คุณเลือกสีพลาด เพราะใบหน้ากับมือคุณเองก็คนละสีกัน
4. เชื่อตัวเอง ทุกคนรู้ดีว่า พนักงานจะทำทุกสิ่งเพื่อที่จะขายของ ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าคุณดูดีเสมอๆ ฉะนั้น ให้เชื่อในความรู้สึกของตัวเอง หรือถ้าไม่แน่ใจ ก็พาเพื่อนหรือคนที่คุณไว้ใจไปด้วย เมื่อมีสองความเห็น อาจทำให้พนักงานขายไม่กล้ากดดันให้คุณซื้อของที่ไม่เหมาะกับคุณ แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณเองก็ต้องชอบมันมากๆด้วยเหมือนกัน
อะไรที่ควรลงทุนซื้อ
แชมพู ตัวยาในแชมพูบางชนิด อาจมีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่ออกฤทธิ์แรงเกินไป ก่อให้เกิดปัญหาหนังศีรษะ จนทำให้เส้นผมสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ หรือผมขาดหลุดร่วง ซึ่งการลงทุนซื้อแชมพูดีๆที่ไม่เป็นอันตรายต่อเส้นผม ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะถ้าเส้นผมหลุดร่วงหรือเป็นปัญหา การรักษาก็ยุ่งยากและแพงมาก
พู่กันหรือแปรงแต่งหน้า การลงทุนซื้อแปรงหรือพู่กันแต่งหน้าดีๆมาใช้ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก แปรงที่ดีจะอยู่ทนนาน ขนไม่หลุดร่วงง่าย สามารถล้างทำความสะอาดโดยไม่กักเก็บเชื้อรา เนื่องจากของจำพวกแปรง เราจะใช้ในระยะยาว อาจจะมีราคาซักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับที่เราต้องซื้อของถูก แต่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อยๆ ก็รวบรวมเงินไปซื้อแปรงดีๆที่มีราคาดีกว่าค่ะ
ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง คุณจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ ส่วนผิวรอบดวงตาและริมฝีปากก็ต้องการการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ซึ่งผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่มีคุณภาพต่ำ นอกจากจะล้างไม่สะอาดแล้ว อาจสร้างความระคายเคืองหรือเพิ่มการอุดตันให้แก่ผิว
อุปกรณ์จัดแต่งผม เนื่องจากอุปกรณ์แต่งผมด้วยความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม คีมรีดผม หรือโรลม้วนผมไฟฟ้าแบบที่มีราคาถูกนั้นมักจะทำจากวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เส้นผมต้องสัมผัสกับความร้อนมากเกินไป ส่งผลให้เส้นผมแห้งกรอบและสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คุณจึงควรทุ่มทุนซื้อคีมรีดผมไฟฟ้าแบบที่มีแผนนำความร้อนที่ทำจากเซรามิก หรือไดร์เป่าผมระบบไอออนนิก ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผมมากกว่า
ครีมรองพื้น ครีมรองพื้นดีๆ จะทำให้ผิวหน้าของคุณดูเนียนใสไร้ริ้วรอย มีความยืดหยุ่นพอจะไม่ทำให้เกิดรอยแตกหรือรอยยับย่นใดๆ บนผิวหน้าด้วย ที่สำคัญต้องลองให้เข้ากับเฉดสีผิวของคุณ หน้าจะดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ลิปสติก ลิปสติกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้น อาจทำให้ริมฝีปากแห้งและเหนียวเหนอะหนะ และยังต้องเสี่ยงกับการผสมสารปรอทลงไปเพื่อเพิ่มสีสันของลิปสติกให้สดใส ดังนั้นการเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพื่อซื้อลิปสติกดีๆ มาใช้ จะส่งผลดีต่อริมฝีปากของคุณมากกว่า และถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น ก็ควรมีส่วนผสมของสารกันแดด ที่ช่วยปกป้องริมฝีปากจากรังสียูวี
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า จุดประสงค์ก็คือการทำความสะอาดใบหน้าโดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องแพงเสมอไป มีหลายๆรูปแบบ เช่น โฟม เจล ครีม เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพปัญหาผิวที่มี ไม่ต้องเปลี่ยนยี่ห้อบ่อยๆ
สกินแคร์ ผิวของเราจะต้องเผชิญมลภาวะ และเครื่องสำอางมากมาย เมื่อเราล้างหน้าสะอาดหมดจด คราวนี้ก็ถึงคราวที่เราต้องบำรุง เลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าและผิวกายของเรานะคะ ต้องไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่มีส่วนผสมของสารอันตรายหรือสารเร่งผลัดสีผิว ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่โฆษณาว่าขาวเร็ว น่ากลัวนะคะ หลีกเลี่ยงไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองอย่างชัดเจนดีกว่าค่ะ ลงทุนอีกหน่อย แต่ไม่ต้องไปหาหมอรักษาหน้า รักษาผิว ดีกว่าเห็นๆค่ะ
อะไรที่ควรประหยัด
ยาทาเล็บ มักจะมีอายุการใช้งานสั้น และเทรนด์แฟชั่นสีเล็บก็มักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทางที่ดีก็ควรซื้อแบบขวดเล็กๆมาใช้ และไม่ควรเลือกแบบแห้งเร็ว เพราะมีโอกาสจะแห้งคาขวดได้ง่ายมาก ระยะเวลาการทาครั้งหนึ่งไม่ควรทิ้งไว้หลายวันมากนัก จะทำให้เล็บเหลือง
ลิปบาล์มหรือปิโตรเลียมเจล ส่วนผสมของลิปบาล์มยี่ห้อไหนๆ ก็มักไม่แตกต่างกัน นั่นคือขี้ผึ้ง กลีเซอรีน และสารให้ความชุ่มชื้น แต่ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการรับรองการผลิตหรือไม่บอกวันหมดอายุ ก็ควรจะทิ้งไป เพราะอาจสร้างความเสียหายให้ริมฝีปากได้
คอนดิชันเนอร์ มีคอนดิชันเนอร์ดีๆ อยู่ในท้องตลาดมากมาย ตั้งแต่ราคาถูกจนถึงแพง วางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าทั่วไป แต่เราไม่จำเป็นต้องเลือกที่แพงที่สุด เพราะคุณสมบัติคล้ายๆกัน เลือกให้เหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของเราดีกว่าค่ะ จะได้ประหยัดมากขึ้น
วิธีเก็บเครื่องสำอางให้ใช้ได้ยาวนาน
1. เปิดฝาต่อเมื่อต้องการใช้เท่านั้น
2. เมื่อพบว่าผลิตภัณฑ์มีรอยแตก ต้องรีบใช้ให้หมด
3. หลังจากเปิดใช้แล้ว ปิดฝาให้สนิททุกครั้ง
4. หากเนื้อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีหรือกลิ่นเปลี่ยนไป อย่านำมาใช้อีก
5. ถ้าเครื่องสำอางชิ้นใด เป็นประเภทที่หมดอายุเร็ว ควรเก็บรักษาไว้ที่เย็น แห้ง และมืดเท่านั้น
6. อย่านำเครื่องสำอางไปผสมน้ำให้เจือจาง หรือนำผลิตภัณฑ์ 2 ชนิดมาผสมกัน ยกเว้นผลิตภัณฑ์บางชนิดผสมได้ เมื่อผสมก็ควรแยกภาชนะออกมาอีกทีหนึ่งไม่ควรผสมกันไปมาในภาชนะเดิม
7. หากใช้หมดแล้ว ต้องการเติมผลิตภัณฑ์ลงในขวดเติมอีกครั้ง ควรทำความสะอาดบรรจุภัณฑ์และปล่อยให้แห้งก่อน
8. อย่าสัมผัสเนื้อครีมหากไม่ได้ล้างมือเด็ดขาด ควรหาช้อนเล็กๆ ตัก
9. สำหรับมาสคาร่าและอายไลเนอร์ ควรหลีกเลี่ยงการดึงเข้าดึงออกบ่อยๆ เพราะทำให้อากาศเข้าไปภายใน
10. แปรงแต่งหน้า พู่กัน หรือฟองน้ำ สิ่งเหล่านี้ต้องสัมผัสกับผิวหน้าและเครื่องสำอาง ควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ หมั่นทำความสะอาดด้วยสบู่ หรือแชมพูอ่อนๆ และตากให้แห้งก่อนนำมาใช้
เครื่องสำอางมีอายุใช้งาน
รองพื้น มีสองแบบคือแบบสูตรน้ำกับสูตรน้ำมัน อย่างแรก มีอายุราว 12 เดือน อย่างหลังจะอยู่ได้นามกว่าคือ 18 เดือน หลังจากเปิดใช้ ถ้าคุณสังเกตเห็นสีที่เปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นไม่ดีก่อนเวลา ก็ทิ้งไปเลยค่ะ
คอนซีลเลอร์ สามารถใช้ได้นานถึง 12 เดือน แต่ถ้าเริ่มแห้งแข็ง ก็โยนทิ้งไปได้เลย
แป้ง แป้งฝุ่นจะใช้ได้นานสองปี ส่วนแป้งแข็งจะอยู่ได้ราวหนึ่งปี เพราะน้ำมันที่สะสมอยู่ในฟองน้ำที่ใช้ทำให้มันเสียได้ง่ายกว่า ฉะนั้นควรทำความสะอาดฟองน้ำอย่างสม่ำเสมอ และก็แผ่นพลาสติกที่รองกั้นระหว่างแป้งกับฟองน้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันสัมผัสกับแป้งโดยตรง
อายแชโดว์ สามารถใช้ได้นานถึงสามปี แต่ถ้ามันเริ่มแตกร่อน ก็ควรหาตลับใหม่ได้แล้ว
ดินสอเขียนขอบตา อยู่ได้นานถึงสามปี แต่ต้องเหลามันอยู่เสมอ ส่วนแบบดินสอที่ไม่ต้องเหลาอาจแห้งได้ง่ายกว่า
มาสคาร่า ใช้ได้ราว 4 เดือน ถ้าเก็บไว้นานกว่านั้นมันจะแห้งแข็งและทาได้ยาก จับตัวเป็นก้อน
ลิปสติก หนึ่งถึงสองปี แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ดูว่ามันมีกลิ่นหรือสี แปลกไปจากที่เคยเป็นหรือเปล่า
ยาทาเล็บ ใช้ได้ราวหนึ่งปี และพยายามอย่าให้มีอะไรปนเปื้อนลงไปในขวด ไม่ควรเปิดทิ้งไว้นานๆ และหมั่นเติมน้ำยากันสีทาเล็บแห้ง