ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอีกชนิดของชาวญี่ปุ่นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีประวัติการดื่มกันมาเป็นพันๆปี หลายคนจึงให้ความสำคัญจนกลายเป็นที่นิยม และมีการนำชาเขียวมาแปรรูปหรือเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องดื่ม ขนม ลูกอม หมากฝรั่ง ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยความงามทั้งหลาย นอกเหนือจากการเป็นเครื่องดื่มแก้กระหาย แก้ง่วง แล้วยังพบว่าชาสามารถแก้ได้สารพัดโรค เพราะชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของร่างกาย ต้านอาการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ป้องกันตับจากสารพิษและโรคมากมายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
การที่เครื่องดื่มชาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายก็เนื่องจากองค์ประกอบในใบชาที่เรียกว่า แทนนิน หรือ ทีโพลีฟีนอล (Tea polyphenols) สารสำคัญกลุ่มนี้พบมากในพืชเกือบทุกชนิด แต่ละชนิดอาจจะมีโครงสร้างทางเคมีที่แตกต่างกันไป
สำหรับสารแทนนินในใบชาสดหรือชาเขียวที่มีฤทธิ์ทางยาที่สำคัญได้แก่ สารกลุ่มที่ชื่อว่า คาเทชินส์ (catechins) นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า มีฤทธิ์ต้านโรคภัยได้มากมาย หากดื่มเป็นประจำ โดยสามารถจับกับอนุมูลอิสระได้หลายชนิดและขัดขวางการปฏิกิริยาออกซิเดชั่น จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งได้
ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากชาเขียว แท้ที่จริงนั้น ไม่ใช่เครื่องดื่มหรืออาหารทุกชนิดที่มีส่วนผสมของชาเขียวแล้วเราจะได้รับประโยชน์จากการรับประทาน บทความที่นำมาฝากกันในวันนี้ จึงขออธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการดื่มชาเขียว เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดกันนะคะ
จากงานวิจัยและบทความหลายชิ้นจากทั้งในและต่างประเทศที่ผู้เขียนเคยศึกษา พบว่า อุณหภูมิ และเวลา มีผลต่อการลดลงของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชาเขียวอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ มีบางบทความที่เผยแพร่ในบ้านเรา กล่าวว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหันมาดื่มชาเขียวอย่างคนไทย คือเรามักนิยมดื่มชาเขียวแช่เย็น ซึ่งมีขายอยู่มากมายตามท้องตลาด ซึ่งในประเทศที่ดื่มชาเขียวเป็นนิจอย่างญี่ปุ่นเขาไม่ทำกัน เนื่องจากชาเขียวมีคุณอนันต์ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น ในทางกลับกันก็มีโทษมหันต์หากดื่มชาเขียวตอนที่เย็นแล้ว กล่าวคือ การดื่มชาเขียวแช่เย็น นอกจากไม่ช่วยในการลดอนุมูลอิสระสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษดังกล่าวอันเป็นสาเหตุของมะเร็ง นอกจากนี้ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันในร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา อาทิเช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น
แม้จะไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนรองรับว่าการดื่มชาเขียวเย็นจะเกิดผลร้ายต่อร่างกายได้มากมายขนาดนี้นั้น แต่โดยหลักการเราจะได้รับสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจากชาเขียวมากที่สุด คือการดื่มชาเขียวร้อน ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้นนะคะ (จากงานวิจัยบางงาน สรุปว่าต้มชาเขียวในน้ำร้อนอุณหภูมิ ระหว่าง 70 -78 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 2-4 นาที จะตรวจพบสารต้านอนุมูลอิสระที่ยังคงอยู่ในปริมาณสูงที่สุดนะคะ) อีกเรื่องที่ฝากเตือนกันคือ การดื่มน้ำชา ไม่ควรแต่งรสด้วยนมทุกชนิด ไม่ว่าจะน้ำนมสด นมข้น หรือนมผง เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา และทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วิธีการดื่มชาเขียวให้เกิดประโยชน์ต่อ สุขภาพ จึงควรดื่มน้ำชาล้วนๆ ไม่ควรปรุงแต่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ ชาเย็นใส่นมจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆจากชาเลยค่ะ
ทราบกันอย่างนี้แล้ว คอชาเขียวทั้งหลายต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ได้แล้วนะคะว่า ดื่มชาร้อน ไม่ใส่นม ได้ประโยชน์สูงสุดค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่ชอบดื่มชาเขียวเย็นเป็นขวดๆที่มีขายมากมายในท้องตลาดนั้น น่าจะทราบแล้วว่าเราคงไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชาเขียวเลย คงได้แค่เพียงพลังงานจากน้ำตาล ที่อาจมากเกินไป และสารเคมีที่ใช้ในการแต่งสี กลิ่น รส เพียงเท่านั้น
อย่าลืมนะคะว่า You are what you eat จะเลือกทานอะไรให้ได้ประโยชน์ คิดก่อนเลือกทานกันนะคะ
ขอบคุณ ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์